xs
xsm
sm
md
lg

“กามิน” ร่ำไห้เคลียร์ทุกดรามา ฟ้องคนไทย 5 คนหมิ่นประมาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“กามิน” เคลียร์จบทุกดรามา ประกาศฟ้อง 5 คนไทย หมิ่นประมาทและ พ.ร.บ. คอมบ์ฯ เผยโดนข่มขู่ทั้งครอบครัว หนักถึงขั้นมีการตั้งค่าหัว ยันไม่เคยพูดว่าคนไทยหลอกง่าย และไม่ได้เป็นนักต้มตุ๋นหรืออาชญากร ยังรู้สึกขอบคุณครอบครัวฝ่ายชายอยู่ตลอด ที่คอยดูแลและต้อนรับอย่างอบอุ่น ยังไม่มีการฟ้องอีกฝ่าย อยู่ในส่วนของการพิจารณา

เดินทางมาเมืองไทย เพื่อชี้แจงความจริงอีกด้าน หลังถูกกล่าวหาพาดพิงในหลายๆ ประเด็นจนทำให้แฟนๆ เข้าใจผิด กรณีเลิกรากับ “แน็ก ชาลี ไตรรัตน์”และได้บินกลับไปประเทศบ้านเกิดอย่างเกาหลี

ล่าสุดวันนี้ (6 พ.ย.) “จี กามิน”พร้อม “ทนายพรชัย พฤกษ์ชัยเลิศ”และ “ณพกฤต ทรัพย์แก้วยอด” ได้ตั้งโต๊ะแถลงทุกประเด็น ทวงศักดิ์ศรีความเป็นคน และเกียรติของลูกผู้หญิงกลับคืนมา ที่โรงแรม Grand Four Wings Convention ศรีนครินทร์ ในเวลา 14.30 น. โดยแม่งานในการมาครั้งนี้คือ “โจ มณฑานี ตันติสุข” นักเขียนและวิทยากรชื่อดัง ซึ่งมีการใช้ล่ามภาษาไทยและภาษาเกาหลี ระหว่างสัมภาษณ์มีช่วงที่กามินถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เมื่อถูกถามว่าตอนที่เจอกระแสถล่มหนัก เคยคิดสั้นหรือเปล่า

กามิน : “จริงๆ ไม่อยากให้มาถึงเหตุการณ์ในวันนี้ แต่ต้องออกมาปกป้องตัวเอง ปกป้องครอบครัว และทุกคนที่รัก ต้องการออกมาพูดความจริง ให้ทุกคนได้ทราบว่าอะไรที่ไม่ใช่ความจริงบ้าง ตอนที่มาเมืองไทยครั้งแรก คือช่วงเดือนมกราคม ตอนนั้นมีความสุขมากๆ และดีใจที่หลายคนให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ได้ทำงานแบบมีความสุขมากและสนุกสนานมาก

มีปัญหาเรื่องการติดต่อสื่อสารบ้าง เพราะไม่เข้าใจภาษาไทย แต่ทุกคนใจดี ช่วยพยายามในการทำความเข้าใจ เลยสามารถเข้าใจกันได้ บรรยากาศในการทำงานก็รู้สึกมีความสุข สนุกสนานตลอดเลย ทุกคนใจดีมาก โดยเฉพาะครอบครัวและทีมงานที่ทำงานร่วมกัน ก็เป็นคนที่อบอุ่นและคอยดูแลอย่างดี ในส่วนของรายได้ ก็ไม่มีปัญหาอะไรเลย ได้รับการจัดสรรโอเคดีมาก

ช่วงที่มาทำงานในไทย ช่วงเดือนมีนาคม - เมษายน ก็จะอยู่โรงแรม แต่ส่วนมากก็อยู่ที่สตูดิโอ แล้วก็ที่บ้านของทางฝั่งคนที่เคยทำงานร่วมกัน ซึ่งครอบครัวก็ให้การดูแลและให้การต้อนรับเป็นอย่างดีตลอด ทุกคนให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นเสมอมา จนถึงตอนนี้ก็ยังรู้สึกขอบคุณมากๆ อยู่ตลอดค่ะ

เรื่องการพักที่โรงแรม เป็นความจริงที่เคยพักที่โรงแรมค่ะ แต่ไม่ได้เป็นคนจองเอง ทางบริษัทของคนที่เคยร่วมงานเป็นคนจองให้ ซึ่งการเข้าออกโรงแรมทุกครั้ง ทางบริษัทก็สามารถตรวจสอบได้ตลอด ว่ามีใครเข้าออกวันไหน เพราะทางโรงแรมมีกล้องวงจรปิด และฉันไม่ได้เป็นคนเดียวที่มีคีย์การ์ดของโรงแรม คนที่จองก็มีคีย์การ์ดเหมือนกัน แต่หากฉันจะนัดพบกับคนอื่นจริงๆ ก็จะไม่นัดพบที่โรงแรมนี้ค่ะ เพราะไม่ได้จองเอง และไม่ใช่ฉันคนเดียวที่มีคีย์การ์ดด้วย เพราะฉะนั้นข่าวต่างๆ ที่ออกมา ก็ไม่ใช่ความจริงค่ะ”

ยันดื่มเหล้าได้ แต่อยู่ไทยแทบไม่ดื่มเลย
“ส่วนข่าวที่บอกว่าติดเหล้า จริงๆ แล้วฉันเป็นคนที่สามารถดื่มเหล้าได้ค่ะ ตอนที่อยู่เกาหลีก็ดื่มกับครอบครัวและเพื่อนๆ เพื่อสังสรรค์ แต่ตั้งแต่มาไทย แทบไม่ดื่มเลย อาจจะมีบ้างเดือนละ 1-2 ครั้ง แต่ไม่ได้ดื่มบ่อยถึงขั้นนั้น และฉันไม่เคยดื่มเหล้าขณะทำงานเลยค่ะ”

ถูกจ้างผ่านบริษัท และพอใจกับค่าจ้างที่ได้รับ
“เรื่องค่าจ้างของงานอีเวนต์ต่างๆ จริงๆ แทบจะไม่ทราบเลย ส่วนมากจะไม่ทราบเลย ว่าทางผู้ว่าจ้างจะมีการจ้างจากบริษัท เพื่อว่าจ้างฉันเท่าไหร่ ฉันได้รับมากจากทางบริษัท ก็จะทราบแค่ตรงส่วนนั้นค่ะ ทุกครั้งที่ได้รับ ก็รู้สึกพอใจกับค่าจ้าง และรู้สึกขอบคุณมากๆ เลยค่ะ ในเรื่องของภาษี คือค่าจ้างที่ได้รับจากบริษัท จะมีการหักภาษี ณ ที่จ่ายเรียบร้อยแล้วค่ะ แล้วค่าจ้างที่เข้าบัญชี จะต้องมีการจ่ายภาษีที่เกาหลีด้วยอีกทีหนึ่งค่ะ”

โต้ค่าจ้างไลฟ์ละ 1 ล้านไม่ใช่ความจริง
“ข่าวที่บอกว่าได้รับค่าจ้างจากการไลฟ์ 1-2 ล้านบาท ตรงนี้ไม่ใช่ความจริงค่ะ (ถ้ามีคนจ้างไลฟ์ 1 ล้านบาท เราได้เต็มเลยไหม?) สำหรับการไลฟ์ 1 ครั้งแล้วได้ 1 ล้านบาท อันนี้ก็เป็นข่าวที่ฉันเพิ่งเคยได้ยินมาเหมือนกันค่ะ อยากบอกอีกครั้งว่าไม่ใช่ความจริงค่ะ จริงๆ รู้สึกขอบคุณทุกคนมากๆ ที่คิดว่าฉันสามารถที่จะไลฟ์ครั้งหนึ่งได้ 1 ล้านบาท”

เล่าเหตุการณ์ไฟไหม้บ้านแน็ก ไม่รู้มีของมีค่าไหม เพราะไม่ใช่บ้านตัวเอง
“เรื่องเหตุการณ์ไฟไหม้ จริงๆ วันนั้นตอนแรกอยู่ที่สตูดิโอ แล้วก็ออกไปช้อปปิ้งกับล่าม แล้วก็กลับไปที่สตูดิโอ แล้วก็กลับไปบ้านที่ไฟไหม้ พร้อมกับผู้จัดการ พอไปถึงก็ได้กลิ่นไหม้ พอขึ้นไปชั้น 3 ก็ได้กลิ่นไหม้ขึ้นเรื่อยๆ เพราะห้องที่ไฟไหม้อยู่ที่ชั้น 3 ตอนนั้นเป็นตอนกลางคืน คือเปิดเข้าไปก็จะเห็นว่ามีการไหม้อยู่ที่ห้อง แต่ว่าไฟได้ดับเรียบร้อยแล้ว คือบ้านหลังนี้เป็นบ้านที่ฉันใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันกับฝ่ายนั้นค่ะ

ถามทรัพย์สินมีค่าที่สุดในบ้านนั้น ที่เราเห็นคืออะไร ก็ได้ยินมาว่าอาจจะมีของสำคัญหรือว่าของมีค่า แต่ว่าฉันก็ไม่ค่อยทราบเหมือนกัน โดยเฉพาะชั้น 3 จริงๆ เท่าที่เห็น ก็ไม่ทราบว่ามีของมีค่าไหม เพราะไม่ใช่บ้านของฉัน ไม่ทราบรายละเอียดตรงนี้ และไม่ทราบจริงๆ ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง แต่คิดว่าน่าจะเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ หรือเป็นอุบัติเหตุอะไรสักอย่างค่ะ”

ไม่เคยพูดคนไทยหลอกง่าย
“คำพูดที่ว่าคนไทยหลอกง่าย ฉันไม่เคยพูดและไม่เคยคิดเช่นนั้นเลย เพราะฉันได้รับความรักมากมายจากคนไทยที่ประเทศไทย เพราะฉะนั้นฉันจะกล้าพูดประโยคแบบนี้ต่อคนไทยได้ยังไง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าข่าวนี้มาจากที่ไหน แล้วก็อยากทราบเหมือนกันว่ามันมาจากที่ไหนค่ะ (คิดว่าเขาต้องการอะไร?) ฉันคิดว่าถ้ามีคนที่พูดประโยคนั้นจริงๆ ว่าฉันเป็นคนพูดว่าคนไทยหลอกง่าย ก็น่าจะไปถามคนที่พูดดีกว่า เพราะสำหรับฉันแล้ว ฉันไม่เคยพูดและไม่เคยคิดอย่างนั้นเลย และไม่มีเหตุผลที่จะต้องพูดประโยคนั้น ในสถานการณ์นั้นกับใครเลยค่ะ”

ไม่รู้ทำผิดอะไรถึงโดนด่ารุนแรง
“ส่วนคำพูดที่ว่าฉันเป็นสก๊อยเกาหลี สุวรรณมาลี อีดีที และอีกมากมายในโซเชียล จริงๆ ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยทราบความหมายของคำพวกนั้นเลย เพิ่งได้มาทราบในช่วงใกล้ๆ นี่เอง และไม่เคยบอกให้พ่อแม่ฟังเลยว่ามันแปลว่าอะไร แม้ท่านจะเคยถาม เพราะกลัวท่านเสียใจเหมือนที่ฉันเสียใจค่ะ ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเพราะอะไรถึงมีการใช้คำพูดที่รุนแรงขนาดนั้นกับฉัน ฉันไม่ทราบว่าฉันได้ทำผิดอะไรที่ใหญ่มหันต์ขนาดนั้น ถึงต้องโดนใช้คำพูดเหล่านั้นค่ะ”

โต้ครอบครัวตั้งแก๊งอาชญากรรม - ฟอกเงิน
“เรื่องที่บอกว่ามีการรวมตัวกับครอบครัว เพื่อตั้งแก๊งอาชญากรรม และฟอกเงิน ยืนยันว่าครอบครัวของฉันและตัวฉัน ไม่เคยทำอะไรแบบนั้นเลย และพวกเราไม่ใช่แก๊งต้มตุ๋น ไม่ใช่อาชญากร และไม่เคยมีประวัติอาชญากรรมอะไรที่เกาหลีเลยค่ะ ฉันเรียนเต้นมาตั้งแต่มัธยม แล้วก็ไปเรียนต่อในด้านการเต้นโดยเฉพาะ เพราะฝันอยากเป็นครูสอนเต้น แล้วก็เคยทำงานเกี่ยวกับมิวสิคัลประมาณ 5-6 ปี และทำกิจกรรมการแสดงต่างๆ เกี่ยวกับการเต้นทาง KBS ประมาณ 1 ปี ความฝันของฉันคืออยากสร้างครอบครัว อยากเป็นแม่คน และอยากมีชีวิตที่มั่นคง เลยจะไปเป็นครูสอนเต้นค่ะ เพื่อจะได้ดูแลครอบครัวได้อย่างมั่นคง

ตั้งแต่กลับเกาหลีไปในเดือนสิงหาคมจนถึงวันนี้ ฉันไม่เคยพูดว่าร้ายใครเลย จริงๆ การออกมาวันนี้ ก็ไม่ได้มาเพื่อพูดว่าร้ายใคร และไม่เคยมีการพูดคำหยาบ อะไรแบบนี้เลยค่ะ ถามว่าข่าวต่างๆ ที่ออกมาส่งผลกระทบอะไรกับครอบครัวเราบ้าง คือตอนที่มีข่าวออกมาเกี่ยวกับคอมเมนต์แย่ๆ เยอะๆ ตอนแรกก็คิดว่าตัวเองจะเป็นคนที่มีจิตใจเข้มแข็ง แต่ว่าก็รู้ว่าเราเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งก็รู้สึกเสียใจ ที่มีคำหยาบคาย พี่ชายเราก็เป็นข้าราชการที่เกาหลี ตอนนั้นมีการลาพักร้อนมาหนึ่งเดือน เพื่อที่จะมาดูแลสภาพจิตใจน้องโดยเฉพาะ

เรื่องข่าวตั้งแต่เดือนสิงหาคมมาจนถึงปัจจุบัน ก็มีอยู่ตลอด และรู้สึกว่าจะมีมากขึ้นด้วยค่ะ การที่มาที่เมืองไทยก็มีความรู้สึกหลายอย่างที่ได้เรียนรู้ แล้วก็ไม่มีอะไรนอกจากคำขอบคุณ ขอบคุณมากๆ ขอบคุณทุกคนที่รักและแฟนๆ และพี่ๆ นักข่าวทุกคนในวันนี้นะคะ รู้สึกว่าทุกคนให้ความรักและรู้สึกรักคนไทยจริงๆ รู้สึกขอบคุณมากๆ ที่คอยให้ความรักและความอบอุ่นมาตลอด”

ทนายลั่นเหตุการณ์ไม่เดินมาถึงวันนี้ หากไม่มีบุคคลกล่าวหาใส่ร้าย หมิ่นเกียรติยศและศักดิ์ศรี
ทนายพรชัย : “จริงๆ เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นไม่ควรเดินมาถึงวันนี้ ถ้าคุณกามินเดินทางออกจากประเทศไทยไปเกาหลีแล้ว ทุกอย่างควรจะต้องจบลง ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ด้านใด ไม่มีใครถูก ไม่มีใครผิด เพราะเป็นเรื่องระหว่างคนสองคนเท่านั้น แต่มีบุคคลอื่นที่ไม่ทราบข้อเท็จจริงเรื่องราวต่างๆ กล่าวหาใส่ร้าย ใช้คำพูดหยาบคายดูหมิ่นเกียรติยศและศักดิ์ศรีของผู้หญิงที่ไม่ได้ทำความผิดอะไรเลย มีบางกลุ่มที่ใช้สถานะทางสังคมที่เหนือกว่าสร้างความเกลียดชังทางสังคมให้คนส่วนใหญ่ ทั้งๆ ที่มันเป็นเรื่องของคนสองคนเท่านั้นเอง ทำให้ชื่อเสียง การทำงานทุกสิ่งทุกอย่างลงสลายหมด เพราะคำพูดของบุคคลบางคนเท่านั้นเองครับ ผมเองในฐานะทนายความคุณกามินอยากจะบอกให้ทราบว่าคนทุกคนที่สร้างวาทกรรมแปลกๆ ออกมาตั้งแต่ต้นทุกคนจะได้รับสิทธิ์เท่าเทียมกันทางกฎหมายทุกคนครับ”

ทนายณพกฤต : “อีกประเด็นที่อยากจะแถลงนิดหนึ่ง มีข่าวว่าคุณกามินเข้ามาฟ้องคนไทยด้วยกัน ผมอยากจะกราบเรียนสื่อมวลชนให้ทราบว่าทุกคนแม้เป็นคนไทยหรือคนต่างชาติที่เข้ามาในเมืองไทย จะต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน จะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายไทยทุกคน ไม่มีใครที่จะสามารถมาทำให้เกิดความเสียหายชื่อเสียงเกียรติยศ กับคนที่เข้ามาอยู่ภายใต้เมืองไทยและกฎหมายไทยได้ครับ ฉะนั้นจึงทำให้เห็นว่านี่ไม่ใช่ลักษณะการเข้ามาฟ้องคนไทย แต่คุณกามินเข้ามารักษาสิทธิ์ของเขา ที่ถูกผู้กระทำความผิดทำให้เขาได้รับความเสียหาย

และเขาได้ข้ามน้ำข้ามทะเลมาในวันนี้ เพื่อพิสูจน์ความจริงให้ทุกคนรับฟัง ว่าไม่ใช่ฟังความข้างเดียว อันนี้ให้คุณกามินได้แถลงความจริงวันนี้ให้ทุกคนได้ทราบว่าถ้าฝั่งคุณกามินรู้สึกอย่างไร ความจริงเป็นอย่างไรและทุกคนที่พูดแยกแยะให้ถูกผิดชอบชั่วดีไม่ใช่พูดเอามันปากอย่างเดียว ถ้าพูดมันปากก็จะได้รับสิทธิ์ตามกฎหมายตามขั้นตอนต่อไปการเข้ามาในวันนี้คุณกามินเขาเข้ามาพิสูจน์ความจริงของเขาโดยถูกตามขั้นตอนของกฎหมายทุกอย่างครับ”

ฟ้องแล้ว 5 คน ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล
ทนายพรชัย : “มีแล้วครับ เรายังไม่สามารถระบุรายละเอียดในที่นี้ได้แต่มีการดำเนินการทางกฎหมายแล้วครับ ในเบื้องต้นตอนนี้มี 5 คนครับ มีทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลครับ ก็จะเป็นในเรื่องของหมิ่นประมาท หรือไม่ก็ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ พวกนี้แหละครับ ดำเนินการไปแล้วครับ”

ทนายณพกฤต : “แล้วก็จะตามมาอีกหลายคนครับ”

ทนายพรชัย : “ส่วนคู่กรณีตอนนี้ยังไม่มีครับ แต่อยู่ในส่วนของการพิจารณา ถ้าอะไรที่มีการก้าวล่วงกัน ก็ต้องอยู่ในส่วนของการพิจารณาครับ

กามิน : “วันนี้ออกมาเพราะว่า อยากปกป้องตัวเองและครอบครัวและคนที่ตัวเองรัก อยากออกมาเพื่อพูดความจริงวันนี้เลยออกมาค่ะ ส่วนเรื่องรายได้ ก็ได้รับทุกเดือน เป็นรายเดือนทุกวันที่ 1 สำหรับตัวเองแล้วไม่ได้มีปัญหา ในเรื่องการได้รับค่าจ้างแต่ละเดือนเลย ทางฝั่งนั้นดูแลเป็นอย่างดีมากๆ แล้ว”

กลั้นน้ำตาไม่ไหว หลังถูกถามเคยคิดสั้นหรือเปล่า
กามิน : (ทนายถามว่าอยากตอบไหมกามินส่ายหน้าและร้องไห้)

ทนายพรชัย : “อันนี้ขออนุญาตนะครับ มันอาจจะเป็นคำถามที่ตอบยากจริงๆ สำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง ผมขออนุญาตครับ”

ขอบคุณที่ยังมีคนซัปพอร์ต และไปรับที่สนามบิน บอกยังมีผู้ใหญ่ใจดียังอยากสนับสนุนอยู่
กามิน : “ไม่มีอะไรจะพูดนอกจากขอบคุณเลยค่ะ ขอบคุณจนไม่รู้จะอธิบายยังไง ส่วนแพลนจะกลับมาทำงานที่ไทย ถ้าถามถึงตอนนี้ยังไม่ได้คิด ว่าจะสามารถกลับมาได้ไหม เพราะจริงๆ แล้วไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสามารถกลับมาทำงานที่ไทยได้อีกหรือเปล่า แต่ว่าหลังจากที่ได้มาก็จะเห็น ว่ามีหลายคนที่ยังให้การสนับสนุนอยู่ และยังมีผู้ใหญ่ใจดีที่ดูเหมือนจะยังอยากสนับสนุนอยู่ ก็คิดว่าถ้าสามารถผ่านพ้นสภาพจิตใจดีขึ้นมากกว่านี้ ตอนนั้นอาจจะลองคิดดูว่าถ้ามีโอกาสอยู่อาจจะกลับมาทำงานที่นี่อีกหรือเปล่า”

รู้สึกขอบคุณทุกคนที่มา ประหลาดใจมากที่นักข่าวมากันเยอะ
กามิน : “หลังจากที่ได้มาแถลงข่าวครั้งนี้รู้สึกขอบคุณจริงๆ ขอบคุณนักข่าว ขอบคุณทุกคน ในเรื่องของความรู้สึกก็วันนี้ประหลาดใจที่พี่ๆ นักข่าวมากันเยอะขนาดนี้”

เผยโดนข่มขู่ทั้งตนและครอบครัว หนักถึงขั้นมีการตั้งค่าหัวด้วย
กามิน : “มีจริงๆ ค่ะ มีข้อความที่เป็นเรื่องของการข่มขู่กามินและครอบครัว และมีข้อความแบบนี้เข้ามาอยู่ตลอด (มีความรุนแรงแค่ไหน?) มีตลอดแต่ว่าจะเยอะที่สุดในช่วงเดือนกันยายน จะมีข้อความไม่ดีและข้อความแบบนี้ออกมาเยอะ”

ทนายณพกฤต : “ช่วงก่อนที่จะเดินทางมาหรือมาถึงก็ยังมีอยู่ครับ มีการตั้งค่าหัวในโซเชียลด้วยครับ เท่าไหร่ผมไม่พูดดีกว่าครับลองไปดูจะพบครับ หลายข้อความ เดี๋ยวเราจะพิจารณาพิจารณาต่อไปครับ กำลังดำเนินการอยู่ ที่ผมพบตอนนี้ 2-3 ข้อความ ในคอมเมนต์”

คดี “แม่ตั๊ก กรกนก สุวรรณบุตร” ไม่มีอะไรต้องชี้แจง เพราะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง
ทนายพรชัย : “ในส่วนคดีแม่ตั๊ก จริงๆ แล้วคุณกามินไม่ได้จะมาชี้แจงอะไรเลย เพราะว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรครับ (เจ้าหน้าที่ไม่มีติดต่อมา?) ไม่มีครับ”

เคลียร์หมดแล้วในเรื่องของการเสียภาษี รวมถึงงานพรีเซ็นเตอร์
กามิน : “ไม่มีอะไรแล้วค่ะ ไม่มีปัญหาอะไรแล้วค่ะ ไม่มีอะไรติดค้าง ทั้งเรื่องภาษีและการงานเลยค่ะ ในเรื่องของภาษีอยากจะอธิบายเพิ่ม ว่าเงินที่ได้รับมาแต่ละเดือนจากทางบริษัท จะมีการหักภาษี ณ ที่จ่ายเรียบร้อยแล้ว เพราะฉะนั้นภาษีที่ประเทศไทยมีการชำระเรียบร้อยแล้ว ส่วนภาษีที่ประเทศเกาหลีก็จะไปดำเนินการจ่ายภาษีในปีหน้าเมื่อกลับไปที่เกาหลีค่ะ”

























กำลังโหลดความคิดเห็น