พระเอกลิเก “นีโน่ - แน็คกี้” คณะเทพบุตรสุดที่รัก ที่วันนี้ขอควงนางเอกลิเก “บลู รุ้งจรัส” หลังประกาศท้องฟ้าผ่า พร้อมเปิดวิกฤตดิ่งสุดในชีวิต ติดการพนันเสียเงิน 10 ล้าน ถึงขั้นเป็นซึมเศร้าจนคิดฆ่าตัวตาย ซึ่งวันนี้จะมาเคลียร์ทุกประเด็นผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่องOne31 ที่มีเบนซ์ พรชิตา และ เอส กันตพงศ์ พิธีกรดำเนินรายการ
ก่อนอื่นต้องแสดงความยินดีกับคุณพ่อ คุณแม่ มือใหม่ และคุณลุงมือใหม่ด้วยนะคะ?
บลู : ขอบคุณค่ะ
กี่เดือนแล้ว?
บลู : เข้า 7 แล้วค่ะ ท้องใหญ่ขึ้นมากเลยค่ะ เริ่มใหญ่ขึ้นตอน 5 เดือน แต่ก่อนหน้านั้นไม่มีอาการแพ้อะไรเลย โชคดีมาก
นีโน่ : พอน้องบอกว่าท้องเห็นได้ชัดเลย
ตอนนั้นไปตรวจครรภ์มา?
แน็คกี้ : เขาไปตรวจกับลุงเขา 2 คน
แล้วคุณพ่อล่ะ?
แน็คกี้ : ตอนนั้นผมไม่รู้ครับ
นีโน่ : พอครั้งที่ 2 เขาไปตรวจ คุณหมอถามคนนี้ใคร
เพราะอะไรทำไมเราถึงเก็บความลับเอาไว้ไม่ให้เขารู้?
บลู : ตอนนั้นประสบปัญหา พี่เขาป่วยเป็นโรคซึมเศร้ามานานมากแล้ว และเราก็ได้เห็นว่าเขาเครียดมาก แล้วก็สูญเงิน 10 ล้าน แล้วเป็นโรคซึมเศร้าแบบหนักหน่วง เราเห็นเขาทุกข์มากๆ พอหนูท้องน้องก็เลยปิดมา เพราะหนูรู้ตอน 3 เดือน ปิดมาเรื่อยๆ จน 5 เดือน รู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว น้องเริ่มใหญ่ขึ้น และเริ่มมีผลกับชุดลิเกแล้ว มีผลกับการทำงาน ก็เลยตัดสินใจที่จะบอกคุณลุงจ๋าก่อน เพราะเขาใจเย็นกว่าเยอะ
นีโน่ : แต่ว่าก่อนหน้านั้นก็ได้ทักนะ ว่าทำไมอ้วนจัง แต่น้องๆ ในคณะลิเกเขาจะชวนกันกินอยู่แล้ว เราไม่ได้สังเกต
ไปรักกันได้ยังไง?
แน็คกี้ : อยู่ในพาร์ตงาน ตอนทำงานผมเป็นหัวหน้างานของน้อง และมีการดูแลตั้งแต่น้องมาอยู่กับผม พ่อเอกก็สั่งให้ผมดูแลน้องประหนึ่งว่าพ่อเอกดูแลผม ผมก็ดูแลกันมาตลอด เหมือนผู้ใหญ่ดูแลเด็กคนนึง
มีคนบอกมาว่าจริงๆ บลูแอบชอบเขาก่อน?
แน็คกี้ : เรื่องจริง ช่วงนั้นผมเป็นดาราครับ
บลู : แค่แอบปลื้มค่ะ เพราะเป็นสายอาชีพเดียวกัน แล้วเขามีชื่อเสียงตั้งแต่เด็ก หนูเลยปลื้ม เพราะว่าเขาหน้าตาดี เขาหล่อ แต่ตอนนั้นยังไม่ได้ชอบ เพราะเราเด็กมาก
แล้วจุดไหนที่รู้สึกว่าชอบแล้ว?
บลู : ตอนอยู่ด้วยกันมากกว่า ความผูกพัน เพราะว่าเราเล่นลิเกด้วยกัน เราเป็นคู่จิ้นกัน เราต้องคุยงานกันตลอด แล้วทำงานด้วยกันมา 8 ปี
จากคู่จิ้นเปลี่ยนมาเป็นคู่จริงตอนไหน?
แน็คกี้ : ผมว่าเกิดขึ้นจากความผูกพันกับความสงสาร น้องเกิดมาในชีวิตที่ไม่ราบเรียบเลย เราเห็นชีวิตเด็กคนนี้น่าสงสาร ไม่มีคนปกป้อง ไม่มีคนดูแล แล้วพอเราได้เข้ามาดูแล มันเกิดความผูกพัน แล้วเรารู้สึกว่าแม่เคยบอกว่าผู้หญิงดีๆ สมัยนี้หายากนะลูก เราก็สมัยก่อนเป็นผีเสื้อราตรี โบยบินไปเรื่อย แต่ตอนนี้เป็นผีเสื้อกลางวัน ก็ดูแลกันมา เราก็ไม่ได้มีใคร เขาก็ไม่ได้มีใคร อยู่หน้าเวทีมันเหมือนหมาหยอกไก่ มันหยอกไปเรื่อย นัดกันไปมา ก็สนิทกัน คุยกัน
นีโน่รู้ได้ยังไงว่า 2 คนนี้ชอบกัน?
นีโน่ : ด้วยความที่แน็คกับโน่เหมือนเป็นชีวิตเดียวกัน อยู่ด้วยกันตั้งแต่เด็กๆ จนโต เพิ่งแยกที่นอนกันเมื่อปีที่แล้ว เราสังเกตอยู่แล้ว แต่ด้วยความที่โน่ให้เกียรติน้องเรื่องนี้ มันเป็นเรื่องส่วนตัวของน้อง แต่ก็เห็นเวลาเขาแซวกัน จนแม่ก็ถามว่ายังไงเนี่ย เขาก็แอบมากระซิบถามโน่ เพราะโน่อยู่กับแน็คตลอด เราก็บอกว่าน่าจะไม่มั้งแม่ ด้วยความที่เราอยากให้เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา
ในคณะมีกฎไหมว่าห้ามพระเอก-นางเอก คบกันไม่ได้นะ?
แน็คกี้ : ก่อนหน้านี้เป็นกฎของพ่อครับ กฎว่าลูกเขาห้ามมีเมีย แต่ว่ากฎของทางคณะไม่ได้มี เพราะคณะผมกับพี่โน่เป็นผู้นำ แต่อันนี้มันเป็นกฎในบ้านของพ่อที่เป็นลูกของพ่อเอก
ซึ่งอันนี้โอเคอยู่?
แน็คกี้ : อันนี้โอเคครับ แต่ว่าถ้า ณ เวลานั้นไม่โอเค เพราะพ่อเขาสั่งห้ามอยู่แล้วว่าห้ามลูกมีเมีย ก็แอบคบกันมาตั้งนานแล้ว ผมว่าเวนั้นเมื่อประมาณ 6-7 ปี ลิเกเขาโดนปลูกฝังกันมา ถ้าเกิดมีคนมานั่งอยู่หลังเวทีมันเหมือนมีเจ้าของแล้ว คนดูจะเข้าไม่ถึง พ่อแกกลัวแบบนั้น
แอบคบกันมา 6 ปี?
แน็คกี้ : ครับ ประมาณ 6 ปีกว่า ก็มีพี่โน่รู้ แล้วเพื่อนของน้องบลู แล้วก็คนในคณะก็พอจะรู้บ้าง แต่คุณพ่อเอกไม่รู้
6 ปีที่คบกัน ได้เจอกันตอนทำงาน?
แน็คกี้ : ครับผม
บลูทนได้ยังไง?
บลู : จุดมุ่งหมายของเรา 2 คนน่าจะเป็นเรื่องงาน ส่วนมากเราทำงานด้วยกันแล้วช่วงที่ซุปเปอร์ฮีโร่ดัง เราก็ทำงานอย่างเดียวเลย ส่วนมากจะมาเจอกันที่งาน คุยกันน้อยมาก บอกรักกันน้อยมาก แต่มันใช้ความเข้าใจ
นีโน่ : เชื่อไหมโน่ใช้คำพูดว่า หนูคบกับแน็คคือเวรกรรมของหนู คือมันเป็นการพูดเล่น เราโตมากับน้อง แล้วเราก็รู้ว่าแน็คไม่ได้มีโมเมนต์ความโรแมนติกสักนิดเลย
6 ปีมันไม่ได้ง่ายนะ ผ่านมรสุมเยอะมาก?
บลู : ผ่านมาเยอะค่ะ แล้วมาหนักช่วงท้ายๆ ตอนหลังนี่พี่เขาประสบปัญหาชีวิต เป็นโรคซึมเศร้าแล้วหนักมาก
เกิดจากอะไรรู้ไหม?
แน็คกี้ : มันเกิดจากความอกหักหลายๆ อย่าง อกหักจากเรื่องงาน เรื่องเพื่อนที่หักหลังเรา แล้วผมเป็นคนทำอะไรที่สุดโต่ง เวลาทำอะไรไม่สุดไม่ทำ มันไม่มีตรงกลาง แล้วพอลิเกซุปเปอร์ฮีโร่ดังแต่พอมาถึงช่วงโควิดทุกอย่างมันเปลี่ยนหมด ทีมงานแตก เป็นโรคซึมเศร้า กินยาแล้วหยุดยา จนมาเสียเงิน เดินทางผิด
เสียเงิน เดินทางผิดคืออะไร?
แน็คกี้ : เล่นการพนันครับ ไปหาคุณหมอ คุณหมอบอกให้ไปหาความสุข สมัยก่อนเราเสพสิ่งเสพติดทุกอย่าง เอฟเฟกต์ในช่วงเวลานั้นมันมาเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ มันเลยเกิดอาการซึมเศร้า พอเราคิดว่าความสุขเราคืออะไร เราก็นึกไม่ออก เพราะเราไม่ยุ่งกับยาเสพติดอยู่แล้ว ก็ไปเล่นการพนัน 4 วันเสียไป 10 กว่าล้าน
หมายถึงเข้าบ่อนไปเลย?
แน็คกี้ : ไม่ครับ ออนไลน์
คือวันละ 2 ล้านกว่าบาท?
แน็คกี้ : มันเล่นไป เสียไป
น้องบลูทราบไหมว่าเขาแอบเล่นการพนัน?
บลู : ตอนนั้นรู้ว่าเขาเล่นบ้าง แต่ไม่คาดคิดว่าเขาจะเล่นแบบขาดสติแล้วหมดไป เพิ่งมารู้ตอนที่เขาบอกว่าหมดแล้ว แย่แล้ว ทีนี้เขาก็เครียดแล้วก็แย่ไปใหญ่ ประจวบเหมาะกับหนูก็ประสบปัญหาชีวิตของหนูพอดี แล้วเผอิญมามีน้อง แต่ตอนนั้นก็ปิดเขา น้องคนแรก หนูตัดสินใจปิดเขาไว้ก่อน มีอาการป่วย ปวดท้อง สุดท้ายพอไปตรวจหนูท้องนอกมดลูก แล้วมีเลือดออกในช่องท้องเป็นจำนวนมากก็เลยต้องทำการผ่าตัดเดี๋ยวนั้น พี่ๆ 2 คนเขาก็มีงานอยู่ก็เลยให้เขาไปแสดงลิเก แล้วโทร.บอกเขาว่า หนูเป็นซีสต์ หนูต้องผ่าตัด คือเราหลุดไปแล้ว หนูจะมาบอกว่าพี่หนูท้องนะ แต่ว่าน้องไปแล้ว หนูก็ไม่อยากบอกให้เขาเครียด ก็เลยตัดสินใจบอกว่าเป็นซีสต์แล้วให้เขาทำงานไป เขาก็มาเยี่ยมปกติ จนหมอบอกว่าหนูเหลือแค่ปีกข้างเดียวแล้วนะ จะมีลูกยากแล้ว หนูก็ไม่คาดคิดอีกไม่เท่าไหร่ก็ท้องน้องอีกคน แต่พอท้องน้องแล้วพี่ก็ยังหนักอยู่ กินไม่ได้ นอนไม่หลับ
แน็คกี้ : ช่วงท้องเป็นช่วงที่เสียเงิน ถ้าเกิดนับไทม์ไลน์ช่วงนั้นพอดี
มันหนักถึงขนาดไหน?
แน็คกี้ : ขับรถไปกลางสะพานแล้วจะกระโดดลงมาเลย กะฆ่าตัวตายเลย เพราะเหมือนมันไม่เหลืออะไรแล้ว
นีโน่ : ก่อนหน้านี้โน่ไปงานกับแน็คตลอด เขาจะบ่นกับโน่ทุกครั้งว่าเขาไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว เขาอยากตาย จนโน่แบบว่าไปฟังหลายๆ อย่าง เพื่อมาสอนเขา คุณเชื่อไหมต่อให้พระพุทธเจ้ามาพูดกับคุณต่อหน้า คุณก็ยังลุกไม่ขึ้น โน่พยายามพูดจนโน่จะเป็นซึมเศร้าตามเขาไปแล้ว นั่งร้องไห้มาก ขับรถไปบอกผมไม่อยากมีชีวิตอยู่ พูดอยู่อย่างนี้ทุกวัน
จนวันนั้นมาจริง ขึ้นไปจริงๆ บนสะพาน จะกระโดดจริงๆ ?
แน็คกี้ : จะกระโดดจริงๆ แต่คิดถึงพี่โน่ เพราะพี่โน่กับผมมันคือชีวิตเดียวกัน มันเหมือนหยินกับหยาง เราโตมาด้วยกัน คิดว่าถ้าเราตายไปพี่โน่จะอยู่ยังไง
อะไรเป็นส่วนที่ช่วยให้เราพัฒนาตัวเอง ไม่อยากฆ่าตัวตาย?
แน็คกี้ : หลังจากนั้นผมไปกราบพ่อเอก กราบขอโทษแก ร้องไห้ ขอโทษที่ทำให้พ่อเสียใจ ขอโทษที่ทำให้พ่อผิดหวัง แล้วเข้าไปหาครอบครัว ตอนมีเงินผมมองข้ามทุกอย่างเลย เหมือนเราอีโก้สูง แล้วพอเราหมดทุกอย่าง มันเหมือนเราลืมตาขึ้นมาอยู่ในน้ำ แล้วตามันฝ้าๆ ซึ่งเราจะเห็นไม่กี่คน แม่ พ่อ น้องชาย น้องสาว พี่โน่ คนข้างๆ แค่เข้ามาจับไหล่เรามันเหมือนแบบ.. เมื่อก่อนเขามาจับไหล่ไม่รู้สึกอะไรเลย แต่ตอนนั้นแค่แตะนิดเดียวแล้วบอกว่าสู้ๆ นะ มันเหมือนแบบ..นี่แหละ หมดดีแล้ว เราจะได้รู้ว่าเรามีใครอยู่ข้างๆ
ที่เรารู้ว่าเขาจะไปกระโดดแล้วเขาไม่ทำ เพราะคิดถึงเรา เขามาบอกเราว่าอะไร?
นีโน่ : ใจมันถึงใจอยู่แล้ว แค่น้องมองหน้าโน่ โน่ก็รู้แล้วว่าน้องกำลังแย่ คือตอนนั้นเราได้แต่ให้กำลังใจเขา ให้เขาสู้ๆ นะ ในชีวิตนี้ยังไงคุณก็ยังมีผม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมพร้อมซับพอร์ตคุณอยู่เสมอ ณ ตอนนั้น
แน็คกี้ : ตอนนั้นผมร้องไห้แล้ว ผมไม่เหลืออะไรแล้ว ผมจับหน้าเขา แล้วมองหน้า เขาก็บอกว่ามึงคิดดูให้ดีว่าเหลืออะไรบ้าง ผมก็บอกว่าไม่เหลืออะไรแล้วจริง พี่โน่ก็บอกว่ามึงยังเหลือกูไง
แล้วเขามีเล่าให้น้องบลูฟังไหมว่าเขาเคยคิดฆ่าตัวตาย?
บลู : รับรู้มาตลอด พยายามให้กำลังใจเขาตลอด แต่ ณ ช่วงนั้นหนูก็แย่มากๆ แต่พยายามให้กำลังใจเขาถึงได้ปิดเรื่องลูกมาถึง 5 เดือน สำหรับหนู หนูไม่ได้ต้องการอะไรจากเขาอยู่แล้ว แค่แบบอยากให้เขามีความสุข ไม่อยากให้เขาทุกข์ ไม่อยากให้เอาเรื่องของเราไปถาโถมเขาอีก อยากให้ถึงที่สุดก่อนแล้วค่อยบอกเขา อยากให้เขาดีขึ้นในเร็ววัน
นีโน่ : ทีนี้กลายเป็นโน่ต้องรับฟังทั้ง 2 คน เพราะเขาทุกข์ทั้ง 2 คนเลย แต่ว่าเขาก็ไม่บอกกันนะครับ โน่จะเป็นคนกลางในการให้กำลังใจ พอมารู้เรื่องหลาน แว๊บแรกโน่ดีใจที่สุดในชีวิตเลย ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ด้วยความที่เรารู้สึกว่าเรากำลังจะมีหลานคนแรกของบ้าน บลูก็ปรึกษา เลยพาไปหาหมอไปตรวจ ก็เลยทำคลิปเลยว่าเป็นหลาน น้องก็มาปรึกษาโน่ว่าจะทำยังไงดี จะบอกพี่แน็คดีไหม โน่เลยบอกไม่ได้ ยังไงต้องบอก เพราะโน่รู้ว่ามันจะเป็นผลบวกมากกว่า เรารู้ว่าแน็คสิ่งที่ยึดเหนี่ยวตอนนี้คืองาน แล้วถ้าเขารู้สึกว่าเขาได้มีเด็กตัวน้อยๆ กำลังจะเกิดมา โน่รู้ใจของน้องแต่บลูเขากลัว ก็เพิ่งรู้ตอน 6 เดือน
แน็คกี้ : ก่อนหน้านี้ประมาณอาทิตย์กว่าๆ ที่บอกพ่อเอก แล้วประมาณ 2 อาทิตย์ที่ผมเพิ่งมารู้เรื่องน้องท้อง
พอรู้แล้วความรู้สึกมันเปลี่ยนไปจากตอนแรกไหม?
แน็คกี้ : เลิกกันครับ ทะเลาะกัน
บลู : เขาคิดว่าทำไมเพิ่งบอกเขา เขาเป็นใคร ทำไมถึงให้คนอื่นรู้ก่อน ในการทะเลาะกันหนูก็ผิดด้วย หนูใช้อารมณ์ แล้วหนูก็บอกว่า กลัวว่าพี่จะให้เอาลูกออก
แน็คกี้ : คำนี้แหละ มันเป็นเหมือนคำดูถูกของลูกผู้ชายอย่างผม คุณคิดอะไรอยู่ว่าผมจะเอาลูกออก และในระยะเวลา 5-6 เดือนที่ผ่านมาคุณทำอะไรอยู่ คุณเครียด คุณก็ต้องมีผลต่อเด็ก เด็กในท้องมันลูกของผม มันก็เลยทะเลาะๆ งั้นเลิกกันไปเลย เดี๋ยวดูแลลูกเอง ทุกอย่างมีอะไรบอกมา ก็เลิกกัน น้องเขาก็หนัก แย่
นีโน่ : ผมเข้ามาเห็นร้องไห้ก็ต้องปลอบ บอกไม่เป็นไรๆ ตอนนั้นกำลังร้อนกันทั้ง 2 คน เดี๋ยวโน่เป็นกาวให้ก็ค่อยๆ ปลอบน้อง ค่อยๆ ให้กำลังใจเขาไป แต่สุดท้ายพ่อจัดการเคลียร์ให้
พ่อเอกจัดการยังไง?
แน็คกี้ : เอาตอนเคลียร์ก่อน พอคุยกันแล้วก็เกิดการแถลงข่าวขึ้นมา แต่ก่อนหน้าที่จะแถลงข่าวคุยกันประมาณ 3 วัน ผมไม่รู้ว่าจะต้องดูแลยังไง พ่อโทร.มาถามผมว่า ไอ้แน็ค ไอ้บลู มันเป็นยังไงบ้าง ผมบอกไม่รู้ เขาก็ด่าผม มึงต้องรู้สิว่าเมียมึงต้องบำรุงครรภ์ยังไง กินอะไร อยู่แบบไหน ด่าผมจนแบบอะไรวะ แล้วเขาหวง ในท้องนั้นเป็นหลานกู แล้วไม่ได้ด่าวันนั้นวันเดียว วันแถลงข่าวผมต้องไปรับเขาที่สนามบิน คือตอนแถลงบอกว่าน้องบลูท้อง แล้วบอกแฟนคลับกลุ่มที่รักพวกเรา ทีนี้มันกลายเป็นวงกว้าง พ่อเอกเขามีหลานคนแรก ก่อนหน้านี้ไปรับเขาที่สนามบิน เขาก็ด่าผม มึงเป็นพ่อประสาอะไร เด็กในท้องเป็นหลานกู เป็นลูกมึง ด่าโน่นนี่นั่น ก่อนจะเข้าไลฟ์ ผมก็นั่งหน้าบึ้ง ผมก็โกรธ ผมก็นั่งคิดว่าผมผิดอะไร 5-6 เดือนก็ไม่รู้ว่าท้อง แล้วพอจะมาเป็นพ่อคนก็ไม่รู้ตัวว่าจะทำตัวยังไง
เห็นในคลิปน้องบลูมีร้องไห้ด้วย?
บลู : ใช่ค่ะ วันนั้นเหมือนพ่อเอกมาช่วยปลดล็อกทุกอย่าง ทำให้หนูโล่งใจ จากที่หนูเครียดมาแบบ 5 เดือนเต็ม หนูทุกข์มาตลอด แล้วพอบอกกันก็ทะเลาะ เลิกกันอีก เป็นอะไรที่เคราะห์ซ้ำกรรมซัดมากๆ แล้วพอพ่อออกมาแถลงมันทำให้ทุกอย่างโล่งขึ้น ดีขึ้น เหมือนพ่อมาเป็นกาว หนูไม่ขออะไร ขอแค่ให้คนรักลูกหนู ให้หนูมีที่ทำมาหากิน แล้วก็ให้พ่อเขารักลูกแค่นี้ก็ดีแล้ว
แน็คกี้ : ต้องบอกอย่างนึงว่าน้องบลูเป็นเด็กน่าสงสารมาก เขาบอกเสมอว่าไม่ต้องการให้พี่เปลี่ยนแปลงอะไร กลัวว่าถ้าบอกผม ผมจะเปลี่ยนไปเป็นอีกคนนึง ต้องมาดูแลเขามากขึ้น เขาอยากให้ผมเป็นผมที่เป็นแบบนี้ เขาต้องการแค่พื้นที่ทำมาหากินแค่นั้นเอง ถึงจะต้องการอะไรก็แล้วแต่คุณก็ต้องบอก ถ้าอยู่หน้างานผมก็เป็นหัวหน้าคุณ ถ้าอยู่ในชีวิตจริงคุณก็เป็นแฟนผม เด็กในท้องก็เป็นลูกผม คือทำตัวแบบว่าหนูไม่ต้องเป็นดาวพระศุกร์มาก หนูอย่าเป็นคนดีเยอะ
อะไรที่ทำให้คบกับพี่แน็คมาได้นานขนาดนี้?
บลู : พี่แน็คเป็นคนที่จริงใจ จริงจังแล้วก็เด็ดขาด อย่างที่บอกหนูเข้ามาอยู่ในความดูแลของพี่เขาด้วยความเป็นน้อง เป็นลูกน้อง คือเขาดูแลอย่างดี คอยซัปพอร์ตในเรื่องใหญ่ๆ เรื่องบ้าน จัดการชีวิตหนู ทำให้หนูกล้าซื้อบ้าน กล้าทำอะไรในแบบที่ตัวเองไม่กล้าทำ และทำให้หนูประสบความสำเร็จ มีบ้าน มีรถ มีชีวิตที่ดีขึ้นก็เพราะเขาแล้วก็คุณลุงจ๋าด้วย
น้องนีโน่ น้องแน็คกี้เกือบจมน้ำเสียชีวิต?
แน็คกี้ : ไปเล่นลิเกในผับ เล่นเรื่อง ชาละวัน แล้วลืมเอาอุปกรณ์เล่นตลกไป ก็เลยแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า คืออยู่ติดคลอง จะทำยังไงดีให้ชาละวันกับไกรทองแข่งกัน ซึ่งจริงๆ ต้องต่อยมวย แต่ลืมเอาอุปกรณ์ต่อยมวยไป ผมก็เลยว่ายน้ำแข่งกัน
นีโน่ : คลองธัญบุรี
แน็คกี้ : ผมว่ายน้ำ พี่โน่พายเรือ แล้วด้วยความสนุกของผม ผมผลักเรือพี่โน่ล้ม ผมชอบแกล้ง
แล้วจมทั้งคู่?
แน็คกี้ : ใช่ครับ พอไปถึงกลางคลอง ผมรู้สึกตัวแล้วตะคริวกินขาขวา แล้วพี่โน่เป็นคนไม่แข็งแรงแล้วไปอยู่กลางคลอง
นีโน่ : ก่อนหน้านี้โน่รำฉุยฉาย มีต่อยมวยบนบกด้วย แล้วไม่ได้นัดกันก่อน แล้วชุดลิเกมันอุ้มน้ำด้วย โน่ว่ายไม่ไป ต้องใช้สติมากเลย วันนั้นรู้สึกเลยการที่เราจะตายเป็นยังไง
แน็คกี้ : พอขึ้นมาก็จะขึ้นร้องเพลงไม่ไหวแล้ว รถพยาบาลมารอแล้ว ทีนี้เจ้าของงานเขาเป็นคนจ้างงานเรา เราไม่อยากให้เขารู้สึกไม่ดีก็เลยทำหน้าที่ให้จบ ผมก็ขึ้นไปร้องเพลงต่อ ทั้งๆ ที่เหนื่อย ร้องไป 3 เพลงแล้วภาพตัด วูบเลย
ต้องเข้าโรงพยาบาลไหม?
แน็คกี้ : แอดมิตครับ
นีโน่ : ต้องสแกนปอด สแกนสมอง เพราะกลืนน้ำเข้าไป
ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama