“นุ๊ก สุทธิดา” รู้นิสัย “เต๋า สมชาย” ไม่ฟังใคร มีความคิดเป็นของตัวเอง แต่จริงใจ รักแรง ชี้เต๋ารัก “มอส” มาก เดี๋ยวก็ดีกัน ยันไม่เข้าข้างเพื่อนในทางที่ผิด ย้ำไม่ใช่ตนทำให้ทั้งสองคนทะเลาะกัน
ยังคงเป็นปริศนาว่าคู่เพื่อนซี้ที่คบหากันมาเนิ่นนานอย่าง “เต๋า สมชาย เข็มกลัด” กับ “มอส ปฎิภาณ ปฐวีกานต์” อยู่ๆ ก็เกิดทะเลาะกันขึ้นมา ถึงขั้นที่เต๋าประกาศว่ามีเต๋าต้องไม่มีมอสเลยทีเดียว ซึ่งก็ยังไม่มีใครรู้สาเหตุว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ และทั้งคู่ก็ยังไม่เคยออกมาเปิดใจเรื่องนี้เช่นกัน งานนี้มีหลายกระแสถามถึง “นุ๊ก สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา” ว่าทำไมไม่เป็นกาวใจให้ทั้งสองคน
“ไม่ใช่ไม่อยากเป็นหรอก แต่มันเป็นไม่ได้ พี่ยุ้ย (ภรรยาเต๋า) ก็เป็นไม่ได้ ต้องบอกว่านิสัยพี่เต๋าเขาไม่ได้ฟังใคร เขามีความคิดเป็นของเขาเองชัดเจน แล้วเวลาเขาตัดสินใจหรือจะทำอะไร ไม่มีใครเตือนหรือพูดอะไรได้นะ ส่วนมากจะเป็นการรับฟัง แต่โดยรวมเขาก็เป็นคนมีเหตุผลและตัดสินใจในเชิงที่ดี แต่คนเราร้อยเรื่องก็อาจจะมีเรื่องที่พลาดบ้าง เวลาเราพูดอะไรบางทีแกก็งอน เราก็เลยรู้สึกว่าบางเรื่อง บางอย่างก็ไม่ใช่เรื่องที่เราต้องพูด แต่ถ้าเขาโทร.มาหรือพูดอะไรเราจะรับฟังเสมอ เราก็รักเขานะ เพราะเราอยู่กันมาตั้งแต่อายุ 14 แต่นุ๊กก็ไม่เคยจะเข้าข้างเพื่อนในทางที่ผิดนะคะ อะไรที่เรารับฟังก็รับฟัง แต่อะไรที่มันเยอะไปก็มีพูดบ้าง แต่พูดได้เท่าที่พูด เพราะบางทีเราก็ไม่ใช่คนในครอบครัวเขา ก็พูดได้แค่ระดับนึง
แต่ถามในความรู้สึกของนุ๊กมองว่าพี่เต๋าเขาเป็นคนจริงใจ เป็นคนรักแรง เขารักพี่มอสมาก เขาเคยเล่าให้นุ๊กฟังว่าสนิทกันมาตั้งแต่ครอบครัวพี่มอส เขารักพี่มอสมาก แต่นุ๊กไม่เคยคุยกับพี่มอสแบบสนิทสนมขนาดนั้น เพราะเพิ่งเจอกันปีเดียว แต่นุ๊กก็ดูว่าเขาเป็นคนรอมชอม ทั้งที่ลึกๆ เขาอาจจะอยากพูดก็ได้ นุ๊กก็เลยคิดว่าเดี๋ยวก็คงดีกันแหละ เพราะมันเหมือนคนรักแรงเกลียดแรง เดี๋ยวงอนกันแป๊บเดียว เพราะด้วยลึกๆ ที่นุ๊กฟังพี่เต๋าเล่าคือเขาก็รักพี่มอส ก็เลยคิดว่าพอมันหายงอนกันแล้ว ความรักก็จะกลับมาเหมือนเดิม เพียงแค่รอจังหวะ เพราะพี่มอสเขาไม่ใช่คนที่อยากจะไฝว้ อยากจะรบอยู่แล้ว เขาก็ยิ้มๆ สบายๆ”
เผยรู้ถึงปัญหา แต่ก็พูดเตือนเท่าที่พอจะพูดได้ไปแล้ว
“เขาก็มีพูดบ้าง แต่เอาจริงๆ ไม่ได้อยากฟังแบบวิเคราะห์เจาะลึก เราก็ฟังผ่านๆ เพราะมันก็มีหลายอย่างที่เราก็ไม่ได้เห็นด้วยกับเขาไปซะทุกอย่าง แต่เขาก็เป็นพี่ชายเรา วันนึงที่เขามาหาเรา เราก็ต้องยืนอยู่ข้างเขาอยู่แล้ว แต่ก็ต้องยืนแบบไม่ใช่ให้เพื่อนหลงผิด ถ้าอันไหนที่พูดได้ก็พูด ถ้าอันไหนที่พูดไม่ได้เราก็จะเงียบ แต่นุ๊กว่ามันอาจจะมีการเข้าใจอะไรผิดกันบางอย่าง มันอาจจะมีคนอื่นมาพูดอะไรหรือเปล่า ก็เป็นเรื่องการทำงานแหละค่ะ
ถามว่าคิดว่าเขาสองคนจะกลับมาร่วมงานกันได้ไหม คิดว่าน่าจะคุยกันค่ะ แต่มันอาจจะไม่ใช่วันนี้ อาจจะต้องใช้เวลานิดนึง ซึ่งนักข่าวก็อยากจะถาม แต่ไม่มีใครกล้า ก็เลยต้องถามจากคนรอบข้างเขาหมดเลย (หัวเราะ) นุ๊กก็บอกพี่เต๋าว่ารู้มั้ยนุ๊กเดือดร้อนนะเนี่ย เพราะไม่มีใครกล้าถามพี่ เขาก็มาถามนุ๊ก พี่เต๋าก็บอกว่าบอกเขาเลยให้มาถามพี่เอง (หัวเราะ)”
ยอมรับหนักใจต้องมาตอบคำถามแทนเต๋า
“พี่เต๋าก็มีโทร.มาบ้างเป็นช่วงๆ คือมันมีช่วงที่นุ๊กโทร.ถามเขาเรื่องไมโครโฟน ถามเขาเรื่องบางอย่างที่เราไม่รู้ อย่างเขาเป็นนักกีฬา เราก็ถามเรื่องครูสอนว่ายให้ลูก (หัวเราะ) เขาก็จะมีคุยบ้างเล็กน้อย แต่ไม่ได้มากมายอะไร กับพี่มอสก็ไม่ได้พูดอะไร เราก็ไม่ได้พูดกับเขา คือนุ๊กรู้สึกว่าเรื่องของพี่เต๋ากับพี่มอสมันลึกกว่าเรา นุ๊กเป็นเพื่อนร่วมงานพี่เต๋าก็จริง แต่มันก็อีกสเต็ปนึง นุ๊กไม่ได้สนิทเท่ากับที่พี่เขาสนิทกัน พี่เต๋ากับพี่มอสเป็นอีกชั้นนึง เขาสนิทกันมาก เวลาเขามีเรื่องอะไร ถ้าเขาไม่มาพูด เราก็จะไม่กล้าไปพูด มันไม่ใช่เรื่องของเรา คือเขาสนิทกันมากกว่าเราด้วยซ้ำ
ถามว่าหนักใจไหมต้องมาตอบคำถามแทน ก็หนักใจนะคะ เพราะการที่ต้องมาพูดเรื่องของคนอื่นดีไม่ดีก็เข้าตัวเสมอ โดนมาหลายรอบแล้วค่ะ (หัวเราะ) โดยที่เราไม่ได้ทำอะไรก็กลายเป็นเข้าตัวเราก็มี ก็พูดเลยว่าตรงนี้เป็นความอึดอัดมากๆ บางทีผู้ใหญ่ได้ยินอะไรมาก็อาจจะไม่พอใจ เราก็นึกในใจว่าไม่เป็นไร ถ้าเราไม่ได้ทำก็คือไม่ได้ทำ เราไม่เคยจะยุ่งและไม่เคยอยากยุ่งด้วย ใครจะอยากให้คนตีกัน คนนึงก็ทำงานกับเรา เป็นพี่ที่ร่วมงานที่ดีมากก็คือพี่มอส อีกคนก็เป็นพี่ที่อยู่กันมานาน วันนึงจะมาให้เขาตีกันมันไม่ใช่อยู่แล้ว แต่มันมีข่าวหางเลขมาว่าต้นเหตุเป็นเพราะเราก็มี เป็นข่าวใต้น้ำ เราก็ท่องไว้ในใจ ไม่ได้ทำก็คือคืนคนนั้นไป บาปกรรมมันมีจริงนะ ไม่ช้าก็เร็วค่ะ”
