xs
xsm
sm
md
lg

เรียงคิวลากไส้ทนายตั้ม! “ปอ-แซน” ลั่นเลือกเป็นที่ปรึกษาคดี “แตงโม” คงวิบัติ “หนึ่ง บางปู” โดนหนัก 10 ล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ดาหน้าเปิดแผล “ทนายตั้ม” “ปอ ตนุภัทร” ลั่นถ้าเลือกเป็นที่ปรึกษาคดี “แตงโม” ชีวิตคงวิบัติ ทนายแนะโยนบาปให้แซน ยันมีคลิป - ไม้เด็ดอีก แต่ไม่อยากเปิดตอนนี้ “หนึ่ง บางปู” โดนเรียกเงิน 10 ล้านอยากแบ่งทรัพย์สินกับผัว เรื่องจบเพราะเคลียร์กันเอง รับอยากได้เงินคืน

กรณีดราม่า “ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด” ถูก “เจ๊อ้อย”เศรษฐีนีแฉอมเงิน 71 ล้าน พร้อมแจ้งความดำเนินคดีกับทนายดัง ต่อมาเพจคุยทุกเรื่องกับสนธิ ได้ออกมาลากไส้เป็นอีพีติดต่อกัน ซึ่งภายหลังตกเป็นข่าวดัง ทั้ง ปอ ตนุภัทร และ แซน วิศาพัชได้ออกมาเล่าประสบการณ์เมื่อครั้งเคยติดต่อกับทนายตั้มเรื่องคดี “แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์” รวมไปถึง “เจ๊หนึ่ง บางปู” ที่เคยปรึกษาทนายตั้มเรื่องเลิกกับสามี ต้องเสียเงินสูงถึง 10 ล้าน

รายการโหนกระแส วันที่ 30 ต.ค. 67 ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดหมายเลข 33 สัมภาษณ์ แซน วิศาพัช, ปอ ตนุภัทร และ หนึ่ง บางปู ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น

กังวลใจมั้ย?
ปอ : ไม่ครับ

คุณหนึ่งก็พร้อม?
หนึ่ง : เรื่องที่พี่หนุ่มพูด หนึ่งทราบตั้งแต่แรกแล้ว ว่าถ้ามันมีวันนี้ วันที่หนึ่งต้องมาออกโหนกระแสจริงๆ จะต้องมีบุคคล คนนี้เข้ามาจัดการหรือพูดเรื่องนี้ ซึ่งหนึ่งพยายามเงียบมาโดยตลอด

หมายถึงอะไร?
หนึ่ง : เรื่องที่มีคนจะแฉหนึ่ง เพราะเราทราบสตอรี่ตั้งแต่แรกแล้วว่าอะไรเป็นอะไร แต่หนึ่งไม่อยากพูด เงียบมาตลอดเพราะอยากให้มันจบ แต่ถ้าจำเป็นต้องพูด ก็ต้องพูดค่ะ

ผมก็รู้จักทนายตั้ม เชิญแกมาออกรายการหลายครั้ง แต่วันนี้ในเมื่อประเด็นนี้ไปถึงตัวทนายตั้มเอง ผมก็จำเป็นต้องทำเรื่องนี้เหมือนกัน อยากให้เข้าใจด้วย เดี๋ยวจะหาว่าอ้าว รู้จักกันแล้วทำไมมาเปิดแผลทนายตั้ม จริงๆ ผมไม่ได้เปิด เพราะเขาโดนเปิดอยู่แล้ว แล้วไม่ได้ซ้ำนะ แค่อยากฟังอีกมุมนึง อยากฟังกับหูด้วย ย้อนหลังกลับไปหลายปีแล้ว คุณปอเป็นยังไง?
ปอ : สบายดีครับ รู้สึกแตกต่างจากครั้งก่อนที่มาโหนกระแส ความรู้สึกคนละแบบ คนละฟีล ขับรถมาคนละความรู้สึกเลย

แซน : ก็เหมือนกันค่ะ วันนี้รู้สึกมั่นนิดนึง (หัวเราะ) มั่นใจนิดนึง

ย้อนหลังไปเกือบ 3 ปี รู้จักทนายตั้มมาก่อนมั้ย?
ปอ : ไม่เคยรู้จักมาก่อน รู้จักหลังจากเกิดเหตุ เป็นช่วงที่พวกเราช็อก กำลังตัดสินใจเดินทางไปพบตร. ระหว่างทางที่กำลังตัดสินใจ ช่วงเช้าวันนั้น มีเพื่อนเราคนนึง คือคุณเฟิร์น เพื่อนสนิทคุณเบิร์ต เขาสนิทกับทนายตั้ม เขาประสานมาว่าเรื่องนี้ทนายที่มีความเชี่ยวชาญและอยู่กับกระแสพวกนี้ ต้องคนนี้ หลังจากนั้นก็ได้คุยกับคุณตั้ม ได้โทรศัพท์กับเขา เขาบอกผมว่าคุณต้องปรึกษาทนายก่อนคือผม แล้วผมตอนนี้อยู่ต่างจังหวัดกำลังเดินทางเข้ากรุงเทพฯ จะมาได้เร็วที่สุดคือ 5 โมงเย็น ผมก็บอกว่าไม่ได้ว่ะ ตอนนี้ตร.รออยู่ นักข่าวรออยู่เพียบเลย เราเลี่ยงมาตั้งแต่ตอนบ่ายแล้ว เขาบอกคุณกำลังไปหาผู้ใช้กฎหมายคือตร. คุณจะไม่มีที่ปรึกษาทางกฎหมายมาก่อนได้ยังไง คุณต้องรอผมก่อนเท่านั้น คุณห้ามไป เขาระบุเลยว่าห้ามไป เราก็เลยไปคุยกับเพื่อนในกลุ่มว่าเราจะได้รับการคอนเซาท์กับเขาก่อนมั้ย เพราะเราก็กังวล เรากลัว เรากำลังช็อก เราก็ตัดสินใจรอเจอเขา 5 โมงเย็นที่ร้านอาหาร

ไปเจอกันครั้งแรกเป็นยังไง?
ปอ : หลังจากที่เจอเขา คุณเฟิร์นเป็นคนแนะนำ เรารู้สึกว่าจากตั้งป้อมจากคนไม่รู้จัก ก็รู้สึกคลายความกังวลไปส่วนนึง เราก็กล้าคุย บวกกับเรากังวลขั้นสูง เราไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ เขาบอกว่าคุณปอเล่าข้อเท็จจริงให้ผมฟัง เราก็เล่าทุกอย่างตั้งแต่ต้น ระหว่างเกิดเหตุการณ์ยังไง ข้อมูลที่รับรู้กันมา เชื่อว่าคุณตั้มน่าจะเป็นชุดแรกๆ ที่ได้รับชุดข้อมูลและข้อเท็จจริงจากเรา หลังจากเขาได้ฟังข้อมูลทั้งหมดแล้ว เขาก็ให้แนวทางมา 2 แนวทาง บอกว่าถ้าคุณจะให้ผมเป็นทนายทำคดีนี้ คุณเดินได้อยู่ 2 ทาง แนวทางที่เขาให้เรา เรารู้สึกว่ามันฟังไม่ได้ เพราะเป็นแนวทางที่เบี่ยงเบนข้อเท็จจริง ผมก็บอกว่าเฮ้ย คุณจะให้ผมทำแบบนี้ได้เหรอ

เขาให้เบี่ยงเบนยังไง?
ปอ : เขาจะให้พูดลักษณะว่าคนที่อยู่กับแตงโมเป็นคนสุดท้าย ให้เป็นคนรับไป ซึ่งในข้อเท็จจริงเรายืนอยู่หัวเรือ เรามองไม่เห็น ผมไม่เห็นเหตุการณ์ แต่เขาจะให้พูดเหล่ๆ ลักษณะเหมือนว่าค่อนข้างชัดให้มาที่เพื่อนเราคนนี้เป็นคนทำให้เกิดเหตุการณ์หรือซัมติง ความหมายคือประมาณนี้ ซึ่งผมบอกว่ามันไม่ใช่ข้อเท็จจริง เราไม่เอา เพราะถ้าแค่ข้อเท็จจริง เราก็โอ้โห เจอมหากาพย์แล้ว แต่คุณให้ผมทำในสิ่งที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริง ผมทำไม่ได้

พูดง่ายๆ คือเขาแนะนำให้เอาคนสุดท้ายที่อยู่กับแตงโม ให้บอกว่าเป็นคนนั้นที่ทำ เขาให้ทำอะไร???
ปอ : ผมถามว่าจะให้ทำยังไง เขาบอกว่าถ้าจะให้ผมทำคดี เดี๋ยวผมจัดการให้เอง ผมมีวิธี คุณแค่พูดมา ผมเหล่ๆ เหมือนอาจจะเห็นเหล่ๆ พูดมาทิศทางที่คุณแซน ที่เหลือเขาจัดการให้ สิ่งที่ผมกำลังเล่า เราให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน มีการไต่สวนในศาล ให้ไปหมดแล้ว พยานหลายปาก ที่อยู่ในเหตุการณ์นี้ไม่ได้มีแค่ผมกับคุณแซนสองคน วันนั้นอยู่ 5 คนในห้องอาหาร

ทำไมถึงเพิ่งออกมาพูดตอนนี้?
ปอ : ชัดๆ เลยนะพี่ ถ้าย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ผมหายใจยังผิดเลย พูดไปก็ไม่มีคนฟัง ไม่มีทาง

ตอนนี้ไม่คิดว่าหายใจแล้วเราจะไม่ผิดเหรอ?
ปอ : เราก็พูดความจริงเหมือนเดิม แต่วันนั้นเราพูดแล้วไม่มีคนฟัง แต่วันนี้มีอีกหลายมุมที่เราไม่เคยพูด เราโดนกระแสโซเชียลกระหน่ำ และเหตุการณ์อะไรทำไมเราไม่ได้พูด วันนี้อยากพูด

พูดไปเดี๋ยวคนกลับมาด่า ไม่กังวลใจ ไม่คิดมากนะ?
ปอ : ผมเลยจุดนั้นมาแล้วพี่ ผมว่าชีวิตคนๆ นึงก็เจอมา 6 เดือน ที่อยู่หน้าหนึ่งตลอด ผมมีผู้ติดตาม ไปไหนก็ติดตาม พอหลังจากเราให้ข้อมูลเขาแล้ว สิ่งที่เราเซอร์ไพรส์เขาถามเราว่าไอเดียตรงนี้ ที่เขาเสนอ เราเอามั้ย เราก็บอกว่าถ้าไอเดียแบบนี้ผมไม่เอา เพราะเรารับไม่ได้ เพราะข้อแรกไม่ใช่ข้อเท็จจริง สองพูดให้เราไปทำร้ายเพื่อนเราอีก มันไปกันใหญ่ เขาบอกงั้นคุณไม่เอาก็ไม่เป็นไร เขาเดินออกมานอกห้อง สิ่งที่เราเซอร์ไพรส์คือเขาเดินออกมาจากห้องไม่กี่นาที เขาโพสต์ลงเฟซบุ๊กเลยว่าเขาขอไม่รับทำคดีนี้ คนบนเรือมาขอคำปรึกษาเขา และเขาขอไม่รับทำคดีนี้ ซึ่งข้อเท็จจริงมันไม่ใช่ ผมเป็นคนปฏิเสธว่าไอเดียแบบนี้ วิธีการทำแบบนี้เราไม่เอา

คุณปฏิเสธเองว่าไม่เอา แต่เขาไปโพสต์ว่าเขาขอไม่รับทำคดีนี้ วันนั้นอยู่กี่คน?
ปอ : รวมทนายตั้มก็ 5 คน

แซน : แซนมาถึงทีหลัง ไม่ได้เจอเขา

ปอ : ที่อุ้ยกว่านั้น ปกติเราให้ข้อมูลไปแล้ว ปกติทนายเขาจะรู้ว่ามารยาทควรทำยังไง ทีนี้เขากลับกลายเป็นพยายามเดินไปติดต่อพี่คุณแตงโม แล้วไปติดต่อหลายๆ คน บอกว่าขอเป็นทนายคดีนี้

แซน : คู่กรณีของพวกเรา

ปอ : เราก็เลยช็อก คุณมารับข้อมูลหมดแล้ว แต่คุณไปขอทำคดีกับคู่กรณีเราได้ยังไง ต้องพูดคำนี้ จากนั้นเขาก็มารายการพี่หนุ่ม ถ้าจำไม่ผิด โต๊ะนี้เขาบอกว่าผมจะไปทำคดีเขาได้ไง แตงโมก็น้องผม ถ้าดูเทปย้อน โอ้ย ไอ้พวกนี้ เอ๊ะ ไอ้พวกนี้ คุณเป็นคนบอกให้ผมรอ แล้วที่ผมไปหาตร.ช้าก็เพราะคุณนี่แหละ ถ้าจะเอาข้อมูลในการโทรศัพท์เราก็มีนะ

คุณเก็บไว้หมด?
แซน : ช่วงนั้นตร. เขาขอเป็นหลักฐานในสำนวนค่ะ

ปอ : เราดูดโทรศัพท์เก็บข้อมูลทุกอย่างในโทรศัพท์เรา คอนเวอร์เซชั่นคุยในไลน์เป็นยังไง โทรศัพท์เป็นยังไง คุยกี่โมง มันเป็นความบังเอิญที่เลยมีข้อมูล แต่ผมว่าทนายความที่ให้คำปรึกษาสองฝั่ง เราไม่เคยเจอ รับข้อมูลฝั่งนี้เขาไม่โอเค ก็ไปรับทำคดีอีกฝั่งนึง เราคิดว่าไม่ใช่ทนายปกตินะครับ

คุณจะพูดว่าด้วยมรรยาททนาย มันไม่ควร เหมือนเราเล่าข้อมูลให้ฟังหมดแล้ว มีอะไรอีกมั้ย ความน้อยเนื้อต่ำใจ?
ปอ : อันนั้นก็เบื้องลึกเนอะ ระหว่างเขามาออกรายการ ออกไปก็ด่าไป ด่าเราหลายๆ ครั้ง แต่จริง ผมมองว่าหนึ่งเราได้ให้ความจริงใจ ให้ข้อมูลทั้งหมด เราเชื่อใจคุณถึงเล่า แต่เวลาออกรายการพี่หนุ่ม หรือหลายๆ รายการเขาก็ด่าเรา

แซน : พูดด้อยค่าให้พวกเราเหมือนเป็นคนผิด

ปอ : ผมว่าอันนี้ใจร้ายเกินไป ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่พี่หนุ่มถาม ถ้าถึงเวลาที่สมควร อาจมาคุยกันต่อ

แซน : ตอนเขาแนะนำพี่ปอว่าให้ทำไปแนวทางไหน มีคลิปสิคะ (หัวเราะ)

ปอ : ผมไม่เคยพูดนะ

แซน : แซนมือสั่นจะช่วยพี่ปอส่งให้ทีมงานแล้วค่ะ หรือเอ๊ะ ถ้าไม่อยากให้เปิด ก็โอนผ่านพี่ตุ๋ยมาได้นะคะ (หัวเราะ)

ปอ : ผมว่าเขารู้ว่าผมมีอะไรอยู่ แต่ผมบอกพี่หนุ่มแล้วกัน ผมมีคลิปทนายตั้มแต่วันนี้ผมไม่เปิด

ไม่ได้พูดเพื่อให้คนด่าเขา?
แซน : ไม่ใช่ค่ะ แค่รอรีดทรัพย์เฉยๆ ไม่งั้นเปิดไปแล้ว

ปอ : ผมยืนยันว่ามี

ใครจะรู้ว่ามีจริง?
ปอ : ผมว่าคุณตั้มรู้

แซน : ลุงอัจเขาเห็นแล้วคลิปนี้

ปอ : อย่าไปพาดพิงเขา เอาแค่เรายืนยันว่าสิ่งที่ผมพูดถึงบุคคลนี้ ผมไม่ได้พูดปากเปล่า แค่ไม่ถึงขั้นจำเป็นต้องเอาคลิปอะไรมาแฉ มาขนาดนั้น ผมแค่ว่าคำพูดที่เราให้การกับตร. จนการให้การในชั้นศาล รวมถึงพยาน 5 คน มันหนักแน่นพอ

จะบอกว่าข้อมูลที่คุณพูด อยู่ในสำนวนด้วยเหรอ แล้วมันเกี่ยวอะไรกัน?
แซน : ตอนตร.เขาสืบสวนจากพยานที่เห็นทุกอย่าง คนที่นั่งอยู่ในห้องกับทนายตั้มวันนั้นเขาก็ถาม

ปอ : ตร.ถามละเอียดมาก ว่าใครอยู่ในช่วงเหตุการณ์ตอนนั้น เขาเรียกไต่สวนละเอียดเลย พยานที่นั่งคุยในห้องนี้ เขาได้ไต่สวนทุกคน ทำให้มีข้อมูลอยู่ในสำนวน

จากเรื่องพี่อ้อย ก็มีเรื่องอื่นๆ ออกมา มีคุณแซน คุณปอ คุณหนึ่ง มีเรื่องคุณอัจไปแถลงข่าวเรื่องละเมิดเด็ก มันหลากหลาย ตอนนี้เหมือนพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก สุดท้ายทนายตั้มต้องไปชี้แจงตามข้อเท็จจริงในมุมพี่อ้อย แต่เรื่องนี้คุณดูแล้วไม่อึดอัดเหรอ?
แซน : อึดอัดค่ะ เลยตัดสินใจมาเพื่อจะได้อธิบายว่าที่คุณพิมพ์คอมเมนต์กันมาแบบนี้ เพราะคุณได้ยินอะไรมาจากใคร

คุณไม่ซีเรียสใช่มั้ยเพราะมีคอมเมนต์ว่าคุณ บางคนพิมพ์ว่าฆาตกร คุณไม่รู้สึกเหรอ?
แซน : ไม่รู้สึกค่ะ เพราะเราไม่ได้ทำผิดตรงนั้น ก็อยากให้เขาเข้าใจให้ถูก

ปอ : ผมพูดคำนี้แล้วกันครับ อย่างที่พิมพ์ๆ ช่วงสองสามปีที่ผ่านมา เราเจอมากกว่านี้เยอะ เราเจอคำว่ามีหลักฐานเด็ด เดี๋ยวจะเปิด หรือบางคนเดินถือกระเป๋าวนไปวนมาที่เรือ ฟอลโลเวอร์เพิ่มขึ้น 1.5 ล้าน ภายในเดือนเดียว จาก 5 แสนขึ้น 2 ล้าน เขาเรียกว่าเกิดการเห็นคนได้ประโยชน์ คนก็เริ่มมาทำคลิปปลอม ตัดเสียงปลอม รวมถึงพูดชี้นำ ทำคลิปรีวิวเยอะมาก

แซน : ทำให้พวกเราดูเป็นผู้ร้าย

ปอ : ซึ่งมันหนักมาก แต่ที่เขาทำกับเราทั้งหมด ตอนนั้นผมเก็บข้อมูลเตรียมฟ้องกลับ เพราะตรงนี้เราฟ้องได้หมด หลักฐานทีมเราชัดมากเราถอดเทปเก็บทั้งหมดเลย แต่จากนั้นเราได้คุยกันในทีมว่าบุคคลที่มีพฤติกรรมแบบนี้ เรามาพิจารณาแล้วเราเข้าใจเขา ที่เขาทำแบบนี้เพราะรักแตงโม ผมเพื่อนแตงโม แซนเพื่อนแตงโม เราก็รักแตงโม เราเข้าใจความรู้สึกเขา มุมกลับกัน ถ้าผมเป็นเขา ผมก็คงทำแบบเขา เพราะผมก็รักเพื่อนผม ฉะนั้นวันนี้คุณด่าผม เพราะคุณรักแตงโม ผมกับคุณคือคนที่รักแตงโมเหมือนกัน ผมบอกเลยว่าผมเข้าใจ ไม่โกรธ ไม่ฟ้อง

คนบอกว่ามานั่งฟอกตัว มองยังไง?
แซน : ที่เขามีความเห็นแบบนี้ เพราะเขารับสารจากใครล่ะคะ มันไม่ใช่ข้อเท็จจริง

ปอ : อาจได้ข้อมูลที่ไม่ถูกทั้งหมด ได้ข้อมูลแค่ส่วนนึง มีการเอาไปตัดต่อแต่งเติม ทำให้คนได้รับสารผิดๆ ก็กลับมาที่คำเดิมที่เขาโกรธ ที่เขาด่าเพราะเขารักเพื่อนเรา เราก็เข้าใจได้ แต่มีคนอีกประเภทที่มาเอากระแส เห็นเรื่องนี้เกิดเป็นปัญหา แล้วทำตัวเป็นผู้รู้ แล้วแต่งเรื่องแบบผิดๆ เพื่อให้คนติดตาม พอคนติดตามฟอลโลเวอร์เกิดขึ้นเขาเป็นคนได้ประโยชน์ ส่วนประชาชนคือคนเสพ เสพห้าเดือนหกเดือนแล้วไม่ได้อะไร แต่แบบนี้ผมไม่ยอม หรือทำข้อมูลที่ไม่มีอะไรแล้วทำให้มันบิดเบือน ผมว่าไม่โอเค ผมเลยเลือกมาคุยที่นี่

บางคนดูแล้วเดี๋ยวเข้าใจผิด สองคนนี้ผ่านกระบวนการศาลมาแล้ว 3 ปี ศาลพิพากษาเดือนไหน?
แซน : ต้นเดือนหน้าค่ะ

ปอ : เรื่องนี้ของผมกับคุณโรเบิร์ตเราจบแล้ว เสร็จสิ้นกระบวนการ สิ้นสุด 100 เปอร์เซ็นต์ แต่คุณแซน กระติก จ๊อบ เขาสู้ว่าเขาไม่ประมาท ก็รอฟังคำพิพากษา ของเราจบบริบูรณ์ เรายอมรับว่าเหตุของการประมาทเรามีส่วน เช่น กฎหมายบังคับว่าคุณต้องใส่ชูชีพ ข้อสองคุณต้องบังคับคนนั่งประจำจุด ห้ามเดิน มันเป็นข้อกฎหมาย ซึ่งอยู่ในพรบ.เรือ ซึ่งเรารู้สึกว่าเราไม่อยากสู้

เอาเรื่องทนายตั้มดีกว่า คุณอึดอัดอะไร?
แซน : การที่เขาออกมาแสดง แล้วทำให้ประชาชนเข้าใจผิดเกี่ยวกับพวกเรา ก็แย่แล้ว แล้วไม่หยุด เป็นระยะเวลาประมาณเกือบปีได้มั้งที่เขาออกมาแขวะโน่น แซะนี่ พูดโน่นนี่ พูดชี้นำให้สังคมมารุมด่า นั่นก็เป็นอีกเหตุผลค่ะ

คุณรู้สึกยังไง เขาบอกว่าขอให้คนสุดท้ายที่อยู่กับแตงโมเป็นคนรับไปเลย เพราะคนสุดท้ายคือคุณ?
แซน : แซนคิดว่าแบบนี้ก็ได้เหรอ เขาเป็นทนายเนอะ เอาตรงๆ ทำไมไม่มีศีลธรรมเลย มันเป็นแบบนี้ได้เหรอคะ ตอนแรกก็ไม่ค่อยมั่นใจว่าจริงหรือเปล่า จนกระทั่งคุยกับพี่ปอ ก็เลยไม่ชอบทนายคนนี้มาตั้งแต่ตอนนั้นเลยค่ะ

ทำไมไม่พูดตั้งแต่ตอนนั้น ทำไมอยู่ดีๆ มาพูดตอนนี้?
แซน : ขนาดพูดตอนนี้ที่เขามีประเด็น ยังโดนด่าอยู่เลยค่ะ ถ้าพูดตอนนั้น โอ้โห ไม่มีใครฟังแน่ๆ

มีเรื่องอื่นอีกมั้ย?
แซน : ที่เขาไปเป็นทนายให้คู่กรณีแซนอีกเรื่องนึง แต่เขาก็ทำไปตามหน้าที่เขา ก็ว่าอะไรไม่ได้ค่ะ

แต่หลักๆ คือเรื่องปอที่เล่าให้ฟัง?
แซน : ใช่ค่ะ มันคือจุดเริ่มต้น

คุณหนึ่งก็มีประเด็นกับทนายตั้ม ฝังหุ่นเหมือนกัน?
หนึ่ง : ไม่ขนาดนั้นค่ะ ตอนนี้หนึ่งเริ่มปลงแล้ว

ทำไมตาแดงๆ?
หนึ่ง : หนึ่งอดนอน หนึ่งเป็นโรคซึมเศร้าและรักษาตัว เวลามีเรื่องไม่สบายใจ กังวล จะนอนไม่หลับ ไม่ค่อยได้นอนค่ะ

คุณรู้ใช่มั้ย ล่าสุดหลังคุณเปิดทนายตั้ม คู่กรณีคุณก็เปิดคุณเหมือนกัน?
หนึ่ง : ต้องกล่าวก่อนว่าคดีนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว ฟ้องกลับอดีตสามีแบ่งกรรมสิทธิ์ร่วม สมรสไม่จดทะเบียน แต่จบลงแล้ว แต่อันนี้เป็นเรื่องนานแล้ว หนึ่งมีสามีเป็นตร. แล้วสาเหตุที่หนีออกจากบ้านเพราะมีอาการป่วย ที่คิดว่าตัวเองเป็นโรคซึมเศร้าเป็นระยะเวลา 8 เดือน แล้วมันดิ่ง แล้วหนึ่งไม่รู้ว่าสิ่งที่หนึ่งเป็นคือโรคซึมเศร้า หนึ่งก็ทนไม่ไหวก็ให้ผัวพาไปหาหมอ เขาก็ไม่ได้พาไป เพราะเรามีปัญหาส่วนตัวภายในครอบครัวกัน หนึ่งทนไม่ไหวก็หนีออกจากบ้านเพื่อไปรักษาตัวในรพ. ขณะเดียวกันต้องการเลิกกับผัวด้วย เพราะตอนนั้นมีปัญหาส่วนตัวที่ไม่สามารถรับได้จริงๆ พอออกจากรพ.ก็พยายามหนีไปเรื่อยๆ โดยไม่มีจุดหมาย โดยที่ไม่ค่อยมีเงินด้วย เพราะหนึ่งจะมีเงินติดตัวครั้งละ 1 แสน เนื่องจากเงินทั้งหมดอดีตสามีเป็นคนเก็บ เขาจะเบิกมาปึกละ 1 กิโล 1 ล้านบาท ปึกนึงแสนใส่กระเป๋าตังค์หนึ่งไว้ เป็นแบบนี้ตลอด เนื่องจากเราตกลงกันว่าผัวจะเป็นคนเก็บเงิน เราก็ไม่คิดว่าเราจะรวยด้วย

ตอนนั้นรวยด้วย?
หนึ่ง : เริ่มมีฐานะค่ะ หนึ่งเป็นเด็กบ้านนอกคนนึงธรรมดาเลย แต่เราขายของออนไลน์แล้วดันโชคดีรวย สำหรับคนบ้านนอกอย่างหนู ก็ 20 ล้านขึ้นไปถือว่ารวย เราก็ได้เงินทีละแสน เรามีเงินไม่เยอะ หนึ่งก็จะขอความช่วยเหลือ อยากไปอยู่มูลนิธิ เพราะหนึ่งไม่มีเงิน ก็ได้โทรปรึกษาผู้จัดการส่วนตัว ตอนนี้ไม่ได้เป็นดาราแล้ว พี่เขารู้จักพี่บุ๋ม พี่บุ๊คได้โทรหาพี่บุ๋ม ฝากฝังน้องว่าหนึ่งเดือดร้อน พี่บุ๋มเขาชอบช่วยคน เราสภาพจิตใจความเป็นเมียไม่ไหว เขาก็ช่วยโดยการให้เล่าเรื่องราว พอเล่าไปแล้ว เขาก็บอกว่าถ้าเกิดเคสประมาณนี้ พี่ว่าต้องทนายคนนี้

คือทนายตั้ม?
หนึ่ง : คู่กรณีค่ะ ไม่กล้าพูดค่ะ หนูไม่มีเงิน ถ้าฟ้องหนูก็ต้องติดคุกค่ะ หนูสร้างปัญหาให้ทางบ้านเยอะแล้วค่ะ สร้างปัญหาให้ทนายหนูเยอะแล้ว หนูไม่อยากสร้างปัญหาอีกต่อไปแล้ว

คุณบุ๋มให้เบอร์ทนายคนนี้มา เพราะคุณมีปัญหากับสามี คุณติดต่อ ทนาย ต.?
หนึ่ง : ใช่ค่ะ เขาก็ให้หนึ่งเล่าสตอรี่ ว่าเราไปยังไง เราก็เล่าให้ฟัง เขาถามว่าหนูจะหนีทำไม หนูก็เล่าความจริงว่าเกิดอะไรขึ้น หนูไม่อยากอยู่ หนูตัดสินใจดีแล้วว่าหนูจะเลิก แต่ไม่กล้ากลับไปที่บ้าน เพราะผัวอยู่ที่บ้านหนูเองอยู่ที่บริษัท เพราะหนูกลัวผัวตัวเอง เขาก็เข้าเรื่องที่ทรัพย์สิน มีทรัพย์สินเท่าไหร่

ทนายถามคุณแล้วคุณตอบว่ายังไง?
หนึ่ง : เราก็ตอบไปว่ามีอันนี้ๆ เขาเหมือนหมอมารักษาเรา เราป่วยตรงไหนเจ็บตรงไหนก็ต้องบอก เราก็บอกไป ประมาณนึง เขาก็บอกว่าเดี๋ยวพี่จะลองปรึกษานาย ว่าเคสประมาณนี้ นายมีหนทางช่วยมั้ย แต่ไม่รับปากว่าเขาจะรับทำหรือเปล่านะ นายคนนั้นคือบิ๊กตร.ใหญ่ ซึ่งหนึ่งก็น่าจะรู้ว่าเป็นใคร สาเหตุที่หนึ่งรู้ว่าเป็นใคร เนื่องจากอดีตสามีหนึ่งเขาเป็นคนขับรถบิ๊กตร.ใหญ่ บิ๊ก ม. ม้า ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกันกับที่จบ บิ๊ก จ.จาน หนึ่งยอมรับค่ะบอกตรงๆ

คือบิ๊กโจ๊ก แล้วยังไงต่อ?
หนึ่ง : เขาหายไป 1 วัน บอกขอไปปรึกษานายก่อน แล้วเขาก็โทรมาบอกว่า 10 ล้านบาท หนูก็หูวว ทำไมเยอะจัง

ทนายเรียกคุณ 10 ล้าน?
หนึ่ง : ค่ะ เขาบอกว่าเทียบกับทรัพย์สินที่เรามี หนึ่งก็ถามว่า 8 ล้านไม่ได้เหรอ

คุณบอกทรัพย์สินคุณมี 20 ล้านไม่ใช่เหรอ?
หนึ่ง : ไม่ใช่ค่ะ หนึ่งหมายถึงคนบ้านนอก ถ้าบอกว่า 20 ล้านนั่นคือรวยมากเลย

เขาเรียก 10 ล้าน เทียบจากทรัพย์สินคุณยังไง?
หนึ่ง : ในความเป็นจริง มันมี 9 หลักค่ะ ประมาณ 200 กว่าล้านค่ะ

ทนายไล่ถามคุณเลยว่ามีอะไรเท่าไหร่ เพราะแยกกันระหว่างคุณกับสามี แล้วเขาบอกว่า?
หนึ่ง : ค่าทนาย 10 ล้าน หนึ่งบอกว่าขอ 8 ล้านได้มั้ย เขาบอกขอเวลา 15 นาทีเดี๋ยวลองคุยกับนายก่อน หายไปแล้วโทรกลับมาว่าไม่ได้นะหนึ่ง ต้อง 10 ล้าน ถ้าไม่ 10 ล้านพี่คงรับทำไม่ได้

10 ล้านเป็นค่าทนาย?
หนึ่ง : ความเข้าใจของหนึ่งมีสองอย่าง หนึ่งคือเส้น เหมือนหนึ่งมีความหวังว่าบิ๊กตร.คนนี้อาจช่วยเคลียร์หรือช่วยชีวิตหนึ่งได้ หนึ่งหวังอย่างนั้น เพราะเขาพูดให้ความหวัง ให้หนึ่งเข้าใจแบบนั้น เขาบอกว่าเคสแฟนหนึ่งไม่ยาก เพราะเช็กดูแล้ว ไม่ธรรมดา หนึ่งก็เข้าใจว่าเขาเช็กจริงๆ แต่หนึ่งไปเล่าให้เขาฟังหมดแล้วว่าผัวตัวเองเป็นยังไง ลูกน้อง บิ๊ก ม. ก็ต้องรู้ว่ารุ่นเดียวกับบิ๊กโจ๊ก เราก็ไม่รู้เขาพูดจริงหรือไม่จริง แต่หนึ่งเข้าใจไปแล้วว่าเขาจะช่วย

วันนี้คุณออกมาพูดเพราะอะไร?
หนึ่ง : เพราะกระแสทุกอย่างรุนแรง หนูแค่ไประบายกับบิ๊กเกรียน แซวขำๆ ว่าไม่ได้มีเจ๊อ้อยคนเดียวนะที่โดน เจ๊หนึ่งก็โดน 10 ล้าน

ถ้าเขาบอกว่าเป็นค่าทนายล่ะ?
หนึ่ง : แต่ความเข้าใจของหนึ่ง คุณคุยกับลูกความ คือการที่นายจะช่วยเรา หนึ่งต่อขอ 8 ล้าน เขาบอกว่าของนายคนเดียวก็ไม่พอแล้ว ของพี่ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายโน่นนี่นั่น หนูก็เลยยินดีที่จะจ่าย เพื่อชีวิตใหม่ของหนึ่ง หนึ่งต้องการให้นายช่วย เป็นความหวังของหนึ่งในตอนนั้น

วันนี้ออกมาพูดก็ยังโดน แต่รับได้?
ปอ : ครับ อย่างน้อยวันนี้เราอาจมีข้อมูลบางส่วน ระหว่างเกิดเหตุการณ์เราไม่เคยพูด มีแต่ทีมโซเชียลมีเดีย สำนักต่างๆ ได้พูด เราอยากพูดบางมุมของฝั่งเราให้ได้ฟัง ที่เราไม่เคยพูดที่ไหน

โหนกระแสเปิดโอกาสให้ จะเป็นใครก็แล้วแต่ จะสีดำ สีขาว สีน้ำเงิน สีม่วง อะไรก็แล้วแต่ จะมานั่งอยู่แล้วพูดมุมตัวเองก็พูดได้เลย สุดท้ายประชาชนตัดสินเองว่าจะใช่หรือไม่ใช่ มุมสังคม กระแสสังคม ก็เป็นเรื่องสังคมที่เขาจับตามองอยู่ ก็โทษเขาไม่ได้ ในเมื่อคุณกล้ามานั่ง เขามองออกว่าคุณฟอกหรือไม่ฟอก ส่วนรายการคุณมานั่งฟอกหรือไม่ฟอก ก็มานั่งได้ เราไม่ได้ว่า สังคมจะเป็นคนตัดสินเอง เพราะสังคมกินข้าว อันนี้ไม่ได้หมายถึงพวกคุณนะ หมายถึงทุกๆ คนที่มาออกรายการโหนกระแส ชาวบ้าน คนดู เขากินข้าว ไม่ได้กินหญ้า เขาก็จะวิเคราะห์ต่างๆ นานาไป แต่อยากให้วิเคราะห์โดยไม่ละเมิดคนอื่นนะ เพราะถ้าละเมิดเขาก็อาจใช้สิทธิ์ของเขาก็ได้ ตกลงคุณหนึ่งจ่าย 10 ล้าน แล้วเขาทำงานให้มั้ย?
หนึ่ง : เขาขับรถมารับเช็ค หลายคนอาจสงสัยว่าไหนบอกว่าไม่มีเงิน อย่างที่บอก หนึ่งไม่ได้เก็บเงิน ผัวเก็บเงิน หนึ่งได้ใช้ทีละหนึ่งแสน หมดก็ค่อยขอใหม่ เป็นอย่างนี้มาโดยตลอด เพราะเราทำแต่งาน หนึ่งขายครีม ทำเครื่องสำอางของตัวเอง มีโรงงาน ทำตั้งแต่สาวจนถึงแก่แล้ว ประมาณ 14-15 ปีแล้ว มันเป็นไปได้ที่จะมี หนึ่งมีเงินไม่ถึงแสน เลยร้องขอไปอยู่ตามมูลนิธิ เพราะเดี๋ยวเงินหมด หนึ่งไม่ได้ติดต่อกับผัวแล้ว เสร็จแล้วเราจะทำยังไง เงินก็ไม่มี ก็กู้ค่ะ

ตอนนั้นมี 200 ล้านไม่ใช่เหรอ?
หนึ่ง : อยู่กับผัวค่ะ มันไม่ใช่เงินสดๆ นะคะ มันเป็นทรัพย์สิน บ้านโน่นนี่นั่น รถ

เอาเงิน 10 ล้านจากที่ไหนไปจ่ายให้เขา?
หนึ่ง : ไปกู้แบงก์ให้เขาค่ะ เพราะชื่อกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้มีอำนาจลงนามคือหนึ่ง อันนี้โชคดีเลยกู้ได้ ก็เอาหลักฐานการกู้มาเรียบร้อย เป็นหนี้เต็มเลย

คุณจ้างทนายความ คุณก็ต้องจ่ายหรือเปล่า?
หนึ่ง : ถูกต้องค่ะ แล้วนี่เป็นครั้งแรกที่หนึ่งจ้างทนายความ นี่คือเรื่องจริง ที่ผ่านมาผัวจัดการทุกอย่าง ไม่ว่าทนายบริษัท ทนายประจำตัว คนดูแลโน่นนี่นั่น ผัวจัดการหมด ชัดเจนค่ะ

จะบอกว่าไปกู้เงินมาให้ทนายตั้มเพื่อเป็นค่าทนาย ถ้าบอกว่าเป็นค่าวิชาชีพเขา มันก็พูดได้นะเพราะคุณตกลงแล้ว ?
หนึ่ง : ใช่ค่ะ ตกลงแล้ว แต่หนูมาพูดในความสัตย์จริงของหนูว่าหนูเข้าใจแบบนั้น ว่าให้นายเท่านี้

เขาเรียกว่านายเหรอ?
หนึ่ง : เขาเรียกพี่ค่ะ แต่เราเป็นครอบครัวตร. เราจะเรียกว่านายให้เกียรติ เขาบอกว่าถ้าผัวหนูออกจากชีวิตหนูไม่ได้ เขาจะให้นายช่วยย้าย สามารถทำได้หลายกรณี ย้ายไปอยู่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ได้ มันง่ายนิดเดียว เหมือนผัวหนูเป็นลูกไก่ในกำมือคือตร.เล็กๆ แค่ยศนายดาบ มันเข้าใจได้ค่ะ เพราะว่าที่เหลือคืออนาคตและชีวิตของหนู เฮือกสุดท้ายแล้ว หนูยอมเอา 10 ล้านแลกอนาคตหนู

จากนั้นก็จ่ายไป?
หนึ่ง : จ่ายเป็นเช็คค่ะ จ่ายที่ระยอง ซึ่งไปกู้มา 28 เม.ย. วันที่ 30 จ่าย

ล่าสุดมีคนบอกว่าคุณก็ไปโกงเขาเหมือนกัน?
หนึ่ง : เขาสามารถมองอย่างนั้นได้ แต่หนูมีความจริงที่จะพูดกับเขาเหมือนกันค่ะ

คู่กรณีคุณต่อสายมาเลยนะ เขาบอกคุณเอาเงินบริษัทมาใช้?
หนึ่ง : ใช่ค่ะ อันนั้นโดนฟ้อง เป็นโอกาสที่หนูจะได้พูดเลยค่ะ หนูรอมานานแล้วค่ะ

วันนี้เราจะทำแค่ประเด็นมีคู่กรณีทนายตั้มในอดีตเปิดหน้ามา เช่นลุงพลก็ออกมาพูดเรื่องทนายตั้ม แต่โอเคไม่ใช่สาระสำคัญ สาระสำคัญคือทนายตั้มกับพี่อ้อยต่างหากว่าเป็นยังไง แต่วันนี้เป็นความน้อยเนื้อต่ำใจ คุณหนึ่งก็เคยโดน 10 ล้าน เขาบอกว่าเป็นค่าวิชาชีพ?
หนึ่ง : แต่ความเข้าใจหนู คิดว่าเขาเอาไปให้นายเยอะ แล้วเขาได้ส่วนนึง แต่ในความเป็นจริง การทำงานก็เริ่มเกิดขึ้นหลังจากนั้นไม่นาน เขาไปที่โรงงานหนึ่ง มี 3 โรง ไปถ่ายหน้าโรงที่ใหญ่สุด แล้วบอกให้หนึ่งโพสต์ลงโซเชียลเหมือนขอบคุณเขาที่ดูแล เพื่อเขียนเสือให้วัวกลัว แฟนหนึ่งเขาก็รู้ว่าเขาเด็กใคร เดี๋ยวก็ไป คิดว่าแผนนี้ใช้ได้ เราก็เชื่อ เราก็ทำ แต่พอแผนนี้ไม่ได้ สองอาทิตย์ต่อมา แผนต่อไปที่ให้ทำหนักเลย เขาให้หนึ่งแกล้งป่วยเข้ารพ. เพื่อแถลงข่าวกดดันให้ผัวออกจากบริษัท

ว่าผัวทำให้คุณเครียด คุณป่วย?
หนึ่ง : ใช่ค่ะ แล้วอาจแสดงดีไป ก็เลยโดนมัดมือมัดเท้า โดนที่รพ. เพราะหนึ่งไปรักษาจิตเวช

แสดงได้ด้วยเหรอ?
หนึ่ง : หนึ่งบอกว่าหนึ่งเครียดมาก หมอถามว่ามีคิดจะฆ่าตัวตายมั้ย หนูก็บอกว่าใช่ค่ะ หนูพยายามทุกวันเลย ก็โดนมัดมือมัดเท้าแล้วค่ะ เราก็โดนเลย เราก็โทรหาน้า ไม่กล้าบอกแม่ เดี๋ยวแม่ด่า ก็บอกให้น้ามาช่วยหน่อยอยากออกจากรพ. ไม่อยากอยู่ตรงนี้ เหมือนมียมทูตเฝ้าหน้าห้อง 2 คน น่ากลัวมาก เป็นรพ.บ้า เครียด ก็ร้องให้น้ามาช่วย น้าก็มา แล้วก็เจอทนายคนนี้ ประมาณชม.นึงเขาถามว่าจะเอายังไง น้าคือน้องคนเล็กของแม่ เป็นคนมีความรู้ที่สุดในบ้าน บ้านเราเป็นคนต่างจังหวัดก็เรียนน้อยกัน น้าคนนี้ก็ถามไปว่าจะเอายังไงต่อ จะทำยังไงกับเคสหนึ่ง เขาก็พูดๆ ไป จบลงแยกย้ายกัน หนึ่งได้ออกจากรพ. ออกจากรพ.ประมาณ 2 อาทิตย์หนึ่งป่วยจริง หนึ่งกินข้าวไม่ได้ นอนไม่หลับ เดี๋ยววุ่นวายอะไรนักหนาไม่รู้ ก็เข้ารพ.ให้น้ำเกลือ เราก็คิดถึงลูก เพราะผัวดูแลลูกเรา ซึ่งยังเล็กๆ 4-5 ขวบ ก็คิดถึงลูกมาก ทรมาน อยากตาย ให้พี่เขาเอาลูกมาหาหน่อยได้มั้ย พี่เขาก็เอาลูกมาหา สรุปวันนั้นเป็นวันที่เราเคลียร์กันเองระหว่างผัวเมีย แล้วก็จบด้วยตัวเอง เคลียร์ว่าแยกกันอยู่แล้วเซ็นให้หนึ่งด้วยนะว่าจะไม่มายุ่งกับหนึ่ง แล้วก็มีการเซ็นกันเกิดขึ้น

จะบอกว่าทนายตั้มไม่ได้เกี่ยวอะไรเลย?
หนึ่ง : ช่วยแค่สุดท้าย ที่ให้หนึ่งเข้ารพ. ไปเยี่ยมที่รพ. นั่งคุยกับน้า แล้วก็จบงานแล้ว

นั่นคือ 10 ล้าน?
หนึ่ง : ถูกต้องค่ะ หนูพูดด้วยความสัตย์จริง

คุณถามมั้ยว่า 10 ล้านมีค่าอะไรบ้าง?
หนึ่ง : มันมีสัญญาที่ตกลงต่อกัน แต่บอกตรงๆ ว่าหนูหนีเตลิดเปิดเปิง หนูคล้ายๆ คนเสียสติ แล้วมันหายไปแล้ว แต่หนูเชื่อว่าต้นฉบับอาจอยู่กับเขา ถ้าจะเอามาดู มาคุยกันก็ได้นะคะ ว่าสัญญาเป็นยังไง เพราะในความเข้าใจหนู งานมันยังไม่จบ แต่วันนั้นที่หนูไปหารอบที่สอง วันที่อดีตสามีหนูมีครอบครัวใหม่ไป หนูจะขอแบ่งสินสมรสกรรมสิทธิ์ร่วม ให้ทำงานต่อให้หน่อย 10 ล้าน ทำไมคุณถึงไม่ทำต่อให้ แล้วคุณเรียกอีก 7 แสนบาท แต่เราบอกว่าเราจ่ายไปแล้วไง

หนึ่งกำลังจะบอกว่าหนึ่งจ่ายเงินให้ทนายตั้ม 10 ล้าน ให้ทำคดีผัวให้ เพราะมีประเด็นมีทรัพย์สินอยู่กับผัว 200 ล้าน ทนายตั้มรับไปแล้ว 10 ล้าน วิธีการคือแนะนำให้คุณโพสต์รูปทนายตั้มก่อน?
หนึ่ง : เขาบอกผัวหนึ่งจะเข้าใจเอง

ทำไมตอนนั้นคุณผมสั้น?
หนึ่ง : ตอนนั้นเป็นช่วงที่หนึ่งป่วยหนักที่สุด ก็ถือโอกาสนี้กราบขอโทษพี่น้องทุกคน หรือโซเชียลอะไรก็แล้วแต่ ที่อาจทำให้ปั่นป่วน เหมือนหนึ่งสติหลุดตอนแฟนหนึ่งมีปัญหาครอบครัวกับหนึ่ง แล้วหนึ่งก็ตัดผมตัวเองไปเรื่อยๆ จนเป็นทอมไปเลย

คุณจะบอกว่าหลังจ่ายไปแล้ว 10 ล้าน ทนายให้ถ่ายรูปคู่กันหน้าโรงงานแล้วลงเลย เพื่อให้ฝั่งผัวคุณได้เห็น?
หนึ่ง : ใช่ค่ะ เหมือนกับไอ้หนึ่งเล่นกูแล้ว

หลังจากลงไป เขากลัวมั้ย?
หนึ่ง : ผัวก็อยู่เหมือนเดิม (หัวเราะ) ไม่เห็นกลัวเลย หนูก็บอกว่าพี่ ไม่เห็นกลัวเลย ก็ใช้แผนสอง เข้ารพ. ใช้สื่อกดดัน ว่าคุณคนนี้ทำให้หนึ่งป่วยเป็นโรคซึมเศร้าแบบนี้ อาการหนัก คุณคนนี้เป็นตร. สามารถฟ้องวินัยได้ ทำร้ายจิตใจโน่นนี่นั่น ก็ว่ากันไป

เข้ารพ.ปุ๊บ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น?
หนึ่ง : ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะแผนนี้ไม่สำเร็จ เนื่องจากไม่ไปถึงพี่ๆ สื่อ เนื่องจากหนึ่งทนไม่ไหว เขามัดมือ มัดเท้าหนึ่ง

10 ล้านใช้ไม่ได้ สุดท้ายระหว่างป่วย ผัวมาเยี่ยมกับลูก?
หนึ่ง : เขาน่าจะสงสาร หนึ่งผอมมาก ผัวก็เซ็นแยกย้ายให้

คุณจบเอง ไม่ได้เกี่ยวกับทนาย?
หนึ่ง : จบตรงนั้น แต่ไม่จบตรงที่เป็นปี เนื่องจากเรามีลูกด้วยกัน เราก็กลับไปดีกัน แต่งงานกับผัวเก่า

กลับไปดีกันใหม่กับผัวเก่า เท่ากับ 10 ล้านนั้นประสบความสำเร็จมั้ย?
หนึ่ง : ไม่ หนูมองว่าหนูยังไม่ได้แบ่งอะไรเลย แต่ตอนนี้หนูติดต่อตลอดกับพี่ทนาย บอกว่าอย่าทิ้งหนูนะ หนูไม่รู้ว่าไอ้นี่จะยังไงกับหนูต่อ เดี๋ยวมันดีไม่ดี พี่อย่าเพิ่งนะ

คุณจ่าย 10 ล้าน เหมือนทนายตั้มไม่ได้ทำอะไรให้คุณเลย ไม่ได้ขึ้นสู่กระบวนการในชั้นศาลด้วยซ้ำไป แล้วคุณก็ไปคุยกับผัวเอง ผัวก็แยกย้ายให้ เรื่องไม่มีอะไรแล้ว ถัดมาอีกปี คุณดีกัน แต่งงานกัน หลังจากนั้น?
หนึ่ง : 10 วันค่ะ ก็เลิกกันอีก ทีนี้เลิกจริงเลย แล้วก็กลับไปหาทนายตั้มใหม่ เพราะผัวมีครอบครัวใหม่ พอมีผู้หญิงคนใหม่เข้ามา เราก็อยากให้แบ่งให้ชัดเจน เพราะมึงจะมาอยู่ที่ดินกู บ้านกู เราก็รู้สึกใช่มั้ย

หลังผ่านไปปีกว่า กลับไปคบกับผัวเก่าอีกครั้งนึง จากนั้น 10 วันทะเลาะกันอีก ก็กลับไปหาทนายตั้มอีกใช่มั้ย?
หนึ่ง : ใช่ค่ะ

เขาเรียกอีก?
หนึ่ง : เรียกเงินใหม่อีก 7 แสนค่ะ ไม่เกี่ยวกับ 10 ล้านนั้น

เป็นไปได้มั้ยว่า 10 ล้านนั้น มันอาจจบไปแล้วหรือเปล่า พอจะหย่าใหม่เลยเรียกอีก 7 แสน?
หนึ่ง : เขาพูดกับหนึ่งแบบนั้นค่ะว่ามันจบลงแล้ว ตั้งแต่วันที่หนึ่งเซ็นสัญญาแยกย้ายกับแฟน ซึ่งมันเป็นคำตัดสินของพี่ทนายเขา ไม่ได้เป็นไปตามข้อตกลงว่าจะจบด้วยการแบ่งกรรมสิทธิ์ร่วม แบ่งสมบัติกัน มันยังไม่จบเลย เรายังไม่ได้แบ่งทรัพย์สิน ยังไม่ได้ขึ้นศาลเลย มันจบแล้วได้เหรอ เขายังไม่ได้เริ่มทำงาน ไม่มีการยื่นโนติส

เขาบอกทำงานเป็นจ๊อบๆ แต่คุณมองว่า 10 ล้านยังไม่บรรลุเป้าหมาย?
หนึ่ง : ใช่ค่ะ

10 ล้านมีการตกลงว่าต้องแบ่งทรัพย์สินจากผัวด้วย?
หนึ่ง : ใช่ ต้องเลิกกันขาด ต้องแบ่งกันให้เรียบร้อย งานถึงจะจบ 10 ล้าน หนึ่งก็จะได้ไปมีชีวิตใหม่ ต่างคนต่างแยกย้าย จบ แต่มันไม่จบเหมือนที่เราคุยกัน พอมันไม่จบ หนึ่งก็ต้องดิ้นรน หนึ่งเป็นหนี้ที่เขาบอกว่าหนึ่งโกงค่ะ สตอรี่มันเชื่อมโยงกัน หนี้มากมาย

หลังคุณมาเปิดเรื่องนี้ คู่กรณีคุณออกมาสวน คู่กรณีคุณชื่ออะไร?
หนึ่ง : เคยเป็นเพื่อนรักกันค่ะ ชื่อคุณรุ่ง เราพยายามขอคุยกับเขา แต่เขาไม่คุย กราบตีนเขาก็ไม่ยอม ดีเหมือนกันค่ะ มาในรายการตรงนี้เพื่อเราจะได้คุยกัน เผื่อมันจะดีขึ้น หนึ่งขอแค่ให้เขาเลิกด่าแม่หนึ่งก็พอแล้วค่ะ

มีสองคน คือหญิงกับรุ่งนภา คุณรุ่งนภาอยู่ในสาย?
รุ่งนภา : เป็นเพื่อนรักค่ะ แต่ตายไปแล้ว อยู่แค่ในความทรงจำ ที่นั่งอยู่คือจำเลยค่ะ รุ่งอยู่ในฐานะโจทก์ค่ะ

หนึ่ง : ให้เขาเล่าเลยค่ะ เดี๋ยวหนึ่งจะได้อธิบายว่าเป็นเพราะอะไร

รุ่งนภา : ที่เขาบอกว่าเชื่อมโยงที่เขาโดนโกง ขอบอกว่าไม่เชื่อมโยงกันค่ะ คนละเรื่อง ตอนปี 65 หนึ่งมีปัญหากับทางบ้าน หนีไปอยู่กาญจนบุรีกับผัวใหม่ แล้วโทรหารุ่ง โดนคดีแรงงาน จะฆ่าตัวตาย จะโดดตึกตาย แม่ไม่ให้เงินสู้คดีแรงงาน รุ่งก็ไปรับจากกาญจน์ฯ จะช่วยกันว่าจะสู้คดียังไง เขาไม่มีเงินมา มาถึงไม่สบายรุ่งก็พาเข้ารพ. ตั้งหลักกัน ว่ามีหนี้สินเท่าไหร่ เกิดอะไรขึ้น เขาบอกแม่เขาโกง ทางบ้านเขาโกงเขา จนเขาหมดตัว มีคดีติดตัว เขาต้องติดคุกแล้ว จะทำยังไงดี รุ่งก็โทรคุยกับแม่เขาว่าทำไมไม่ช่วยหนึ่ง หนึ่งสร้างมาตั้งเยอะ แม่เขาก็พูดมาเยอะค่ะเป็นชม. เราก็หว่านล้อมให้ช่วยลูกเขา แต่เขาไม่ช่วย ก็บอกว่าถ้าแม่ไม่ช่วยหนูจะเอาหนึ่งมาดูแลนะ แม่จะว่าไม่ได้นะ เพราะหนึ่งขอความช่วยเหลือจากรุ่ง แม่เขาก็ผลักไสไล่ส่งแหละ อยากไปดูแลก็ตามสบาย แม่เขาพูดมาคำนึง ก็เลยถามว่าทำไมแม่ไม่ช่วยมัน เงินแค่ 9 แสนกว่าบาทเอง ทำไมไม่ช่วยมัน แม่ของอีหนึ่งที่ตายไปก็บอกรุ่งว่าจะไปช่วยมันทำไม ปล่อยให้มันล้มละลายไป ที่เหลือก็ไม่ต้องจ่าย จะจ่ายหนี้ 40-50 ล้าน จะไปจ่ายทำไม ให้อีหนึ่งล้มละลายคนเดียว ทุกอย่างจบ รุ่งก็บอกว่าแม่ ลูกแม่เพิ่ง 36 37 จะไปล้มละลายได้ยังไง คนที่ทำคู่ค้าด้วยล่ะจะทำยังไง แม่จะปล่อยให้มันติดคุกเหรอ แม่บอกว่าแม่ศึกษากฎหมายมาแล้ว แค่ 6 เดือนเท่านั้นแหละ ให้มันติดคุกไป ไม่ต้องเสียเงิน รุ่งก็ไม่ต้องไปเสียเงินกับมัน ด้วยความรุ่งรู้จักหนึ่งมานานมากก่อนผัวที่มีปัญหา พูดตรงๆ ว่าเป็นเพื่อนที่รักเลย ทำมาหากินมาด้วยกัน ขายสินค้ามาด้วยกัน ขายเครื่องสำอางมาด้วยกัน ตั้งแต่ไม่มี จนมี จนหมดตัว ก็กลับมาอยู่ด้วยกัน รุ่งก็บอกว่าโอเค งั้นไปรับจากกาญจน์ฯ มาตั้งหลักที่สุพรรณฯ มาขายสินค้า รับผลิตสินค้าตั้งแต่แรก รุ่งอยู่วงการเครื่องสำอาง อาหารเสริม 17 ปี เครดิตรุ่งดี รุ่งใช้เครดิตทั้งหมดช่วยเหลือเขา เขาไม่มีอะไรมาเลย มีแค่เสื้อผ้ากับเงินติดตัวไม่ถึงหลักหมื่น เข้ารพ.รุ่งก็เป็นคนจ่าย พอถึงเวลาปุ๊บ ตั้งหลัก เขามีช่องทางการขายสินค้า มีเพจขายสินค้า แต่ไม่สามารถทำกินได้เพราะโดนแม่ยึด นี่คือคำบอกกล่าวของเขา มาทางรุ่งก็ตั้งหลักกัน รุ่งบอกโอเค กูมีส่วนของกูอยู่แล้ว ผัวเลี้ยงกูอยู่แล้ว กูมีรายได้ มึงเอาที่เอาออฟฟิศกูตั้ง แล้วเริ่มทำกิน เริ่มใช้หนี้ มึงเชื่อกู 50-60 ล้านของมึง อย่าปล่อยให้ล้มละลาย เพราะคู่ค้าเขาเดือดร้อน ฉะนั้นมึงทำกิน แล้วทยอยใช้หนี้ คนไหนไกล่เกลี่ยได้ ประนีประนอมได้ก็ประนีประนอม พอมาทำกินปุ๊บก็ทำในนามบุคคลก่อน เดือนพ.ย. 65 เขามาอยู่กับรุ่ง ทำกินในนามบุคคลไม่ได้ตั้งบริษัทกัน มันจะมีรายรับสองส่วน ส่วนที่หนึ่งคือการเก็บเงินปลายทาง รุ่งมีของ หาของ ใช้เงินตัวเองลงทุนซื้อของ หนึ่งมีเพจขาย คือเพจหนึ่งบางปู ที่เขาขายสินค้ามาก่อนดั้งเดิม ให้เขาทำกินในเพจเดิม หวังให้เขาใช้หนี้ให้หมด เพื่อตั้งตัวได้ คำพูดของเขาบอกว่าชีวิตกูฝากไว้กับมึง กูขอตายอยู่กับมึง ชื่อเขาก็ย้ายมาอยู่บ้านรุ่ง เราเลยเริ่มทำกินกัน

เขาติดหนี้คุณยังไง?
รุ่งนภา : พอทำกินกัน ก็มีเงินรายรับสองช่องทาง หนึ่งคือการเก็บเงินปลายทาง สองคือการโอนเงินเข้าบัญชีเก่าเขาที่เคยทำกินมาก่อน คือบริษัทของเขา การเก็บเงินปลายทาง รุ่งเป็นสมาชิกของขนส่งที่สุพรรณฯ การเก็บเงินปลายทางก็เข้าที่รุ่ง รุ่งแจกแจงหมด ทุกอย่างเป๊ะ เงินรุ่งยังเกินในเก็บเงินปลายทางแสนกว่าบาท นั่นคือเงินส่วนตัวที่รุ่งลงไป เขามีหน้าที่ในการขายสินค้าและยิงแอดโฆษณา ส่วนโอนเงินเข้าบริษัทเขา เขาเป็นกรรมการคนเดียวทีเบิกเงินได้ เขาไปเบิกที่ไหนก็ได้ เขาบอกรุ่งว่าวันนี้เงินเข้า 3 แสน 5 แสน ก็โอนเท่านั้นเลย ส่วนรุ่งไม่รู้เลยว่าเงินเข้าจริงๆ เท่าไหร่ บัญชีให้เขานำสเตทเมนต์มาส่ง เขาไม่เคยนำมาส่ง

จะบอกว่าเขาเอาเงินบริษัทไปใช้โดยมิชอบ?
รุ่งนภา : เอาเงินทำธุรกิจร่วมกันออกไปใช้โดยมิชอบค่ะ

คุณเสียหายจากเขาเท่าไหร่?
รุ่งนภา : รุ่งฟ้องเขา 3 คดี คดีที่หนึ่งล้านกว่าบาท เขาจ่ายแล้ว คดีที่สองเป็นหนี้ส่วนตัว แปลงหนี้เป็นพรีเซ็นเตอร์ 7.2 แสน รุ่งชนะแต่เขาไม่เคยจ่ายแม้แต่บาทเดียว

ตกลงคุณกับเขาเป็นประเด็นแค่ไหน?
รุ่งนภา : เขายักยอกเงินค่ะ อยู่ในศาล 7.6 ล้านค่ะ ที่ฟ้องอยู่ คดีอยู่บนชั้นศาลค่ะ

เขาขึ้นศาลต่อสู้?
รุ่งนภา : คดีล่าสุดเขายังไม่มาค่ะ นัดที่ 2 คือ 18 พ.ย.ค่ะ

หนึ่ง : ไม่เห็นมีหมายมาเลยนะคะ

ตอนนี้อยู่ในกระบวนการ?
รุ่งนภา : รุ่งฟ้อง ก.ย. ขึ้นศาล เมื่อเดือนก.ย. ศาลแจ้งว่าคู่ความไม่ได้รับหมาย ขอนำส่งหมายอีกครั้ง นัดไต่สวนครั้งที่สอง วันที่ 18 ค่ะ

คุณรับทราบตรงนี้แล้ว 18 พ.ย. ก็ไปขึ้นศาลแล้วกัน เท่ากับตรงนี้ต้องรอให้ศาลตัดสินก่อน?
รุ่งนภา : เงินส่วนนี้เขารู้อยู่แล้วค่ะ เพราะเลขาฯ เขานำส่งสเตทเมนต์ให้เรา คดีแรกที่ยักยอกค่าแอดโฆษณาที่เขายักยอกล้านกว่าบาท เขาส่งสเตทเมนต์ส่วนตัว เลยทำให้เราเห็นว่าเขายักยอกมากกว่าที่เราฟ้อง เราเลยฟ้องคดีที่ 2 ขึ้นมา

คิดว่าเป็นประเด็นที่คุณโกงเขา แล้วคุณยังไม่ได้ขึ้นศาล แต่คุณไม่ได้หนี?
หนึ่ง : มีหมายศาลเราก็ไปค่ะ คุณรุ่งพูดไม่หมดค่ะ หนึ่งไม่รู้กฎหมายที่ว่าเอาเงินบริษัทไปใช้ เวลาเขาโอนค่าเพจโฆษณาวันละแสนบาท หนึ่งแบ่งออกวันละ 5 พันบาท 1 หมื่นบาท เขาจะถามว่าแบ่งเงินไว้ใช้หรือยังเพราะเราตกลงกันว่า 70-30 แต่เขาไม่พูดถึงตรงนี้เลย เหมือนหนึ่งก็ตกเป็นจำเลยว่าไปโกงเขาอีกแล้ว

เรื่องทนายตั้มจะเอายังไงต่อไป?
หนึ่ง : เราแค่อยากออกมาพูด แชร์ประสบการณ์มากกว่า ไม่ได้คิดว่าจะอะไรหรอกค่ะ แต่ถามว่าอยากได้เงินมั้ย สงสารพ่อแม่มากกว่า ทุกวันนี้ต้องรับหน้า หนึ่งกลายเป็นคนป่วยที่ทำงานได้บ้าง ทำงานไม่ได้บ้าง

คุณอยากได้อะไร?
หนึ่ง : ถ้าโดยส่วนตัวหนู หนูไม่อยากได้อะไรเลย หนูอยากได้ชีวิตสงบ แต่หนูสงสารแม่ ถ้าได้เงินคืนแม่ไปแบ่งเบา หรือเป็นทุนใช้หนี้ก็จะเป็นพระคุณกับชีวิตหนูมาก แต่ถ้าไม่ได้หนูคงทำกรรมไว้ ก็คงทำใจ

อยากขอเงินคืนสักส่วนหรือทั้งหมด?
หนึ่ง : ก็อยู่ที่คุยกันค่ะ ตอนนี้เขาไม่คุยค่ะ

เขาอาจมองว่าเป็นค่าวิชาชีพ แต่คุณมองว่ามันยังไม่สิ้นสุด เพราะเรื่องไม่จบตรงนั้น?
หนึ่ง : ค่ะ

คุณปอมีอะไรจะพูด?
ปอ : ที่อยากมาวันนี้ อย่างแรกอยากพูดถึงทนายตั้ม และอยากพูดอีกมุมของคนที่อยู่ในเหตุการณ์ของคนบนเรือ ได้รับผลกระทบจากคนใช้กระแส คนที่ดูอยู่ตอนนี้อาจไม่เคยรับรู้ แต่ขอใช้พื้นที่ตรงนี้พูดสั้นๆ ผมแชร์ประสบการณ์วันนั้นเลย ผมเรียกว่าการตัดสินใจ วันที่เราพบคุณตั้มวันแรก มันมีเรื่องประหลาด เช้าวันนั้นผมได้พูดกับคนชื่อษิทรา 2 คน ษิทราคนที่หนึ่งบอกว่าคุณต้องเล่าข้อเท็จจริงทั้งหมด ห้ามบิดเบือนแม้แต่ 1 เปอร์เซ็นต์ ข้อเท็จจริงที่คุณเล่าจะเป็นเกราะป้องกันตัวคุณเอง ส่วนษิทราคนที่สอง ที่เจอตอน 5 โมง บอกว่าเราต้องบิดเบือน แล้วเรื่องนี้จะจบง่าย เดี๋ยวผมจัดการให้ ผมก็กลับมาพิจารณาแล้วอยากให้คนดูรายการพี่หนุ่ม ถ้าวันนั้นเราเลือกที่ปรึกษาผิด ผมมั่นใจว่าชีวิตผมวิบัติ ถ้าวันนั้นผมบิดเบือนข้อเท็จจริงตามที่ปรึกษาทนายคนนี้ ผมมั่นใจว่าวันนี้ผมจะมานั่งตรงนี้ไม่ได้ เท่ากับเราให้การเท็จ หลอกคนทั้งประเทศ โยนให้กับเพื่อนซึ่งตกอยู่ในวิบากกรรมเดียวกัน การที่คุณเลือกที่ปรึกษาด้านกฎหมายหรือชีวิตคุณมันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ คุณต้องเลือกให้ถูกคน เพราะเขาจะนำแนวทางชีวิตที่ถูกต้อง ตอนเช้า พี่ปุ่น ษิทรา ทิวารี เป็นคนให้แนวผม โทรมาย้ำเลย แต่ตอนเย็น ษิทรานึง ให้คำปรึกษาเหมือนกัน ถ้าผมทำตามเขา ผมไม่รู้จะพูดยังไง คงมหาวิบัติ คงไม่ได้มานั่งตรงนี้ มากกว่านั้นสิ่งที่เราอยากแชร์ให้เพื่อนๆ ทำ และคนที่รักแตงโม หลายคนบอกว่าเฮ้ย มีฆาตกรรมโน่นนี่ ผมมีคำถามนึง คุณเคยเห็นรูปในโซเชียล ไม่ต่ำกว่า 500-1,000 ภาพ มีภาพไหนที่มีรอยหน้าบึ้ง ไม่สบายใจ เชื่อว่าทุกรูปมีรอยยิ้ม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนั้นเราไปกินข้าวกันด้วยความสุข เพื่อนที่ไม่ได้เจอกันเป็นสิบๆ ปี แซน แตงโม กระติก เป็นเพื่อนผม เราไปกินข้าวกัน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นมันคือการสูญเสีย พวกเราไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้น สิ่งที่เราเจอหลังจากนั้นต่อมา ไม่มีใครบิดเบือนได้เลย เพราะเราเจอตร. ที่สอบสวนผมน่าจะ 2-3 เดือน เจอตั้งแต่สภ. ผู้การภาค จนใหญ่สุดๆ บางทีเรียกมา 5 ทุ่ม บางทีก็ไม่ให้กลับบ้าน

แซน : เอามือถือพวกเราไปบางที 2 วัน เอาไปเลย

ปอ : ขอเส้นผม เส้นขน

แซน : ให้ถอดเสื้อผ้าหมดเลย แล้วถ่ายรูปไปด้วยเพื่อเป็นหลักฐาน ถึงขั้นนั้น

ปอ : มากกว่านั้น พวกเราเดินทางไปไหน ถ้าไปย้อนกล้อง รถทุกคันจะมีภาพหมด รถปอไปไหน รถแซนไปไหน รถโรเบิร์ตไปไหน กล้องทั้งประเทศไทยเป็นพันตัว มากกว่านั้นเรือเดินทางไปไหน กล้องตามตึก กล้องตามสะพานก็มีหมด จากหลักฐานที่เขาเก็บ มันยังหนาไม่พอเหรอ พอเขาได้ภาพมาแล้ว ภาพมีความชัดและละเอียดไม่พอ ถ้าเข้าใจไม่ผิดนะครับ เขาไปจ้างเหมือนกันตนา จ้างปรับภาพให้ชัดเพื่อเห็นพฤติกรรมโดยละเอียด แสงสะท้อนทั้งหมด จนเรื่องสอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่เราให้การทั้งหมด ทำให้เรื่องนี้ปิดคดีได้ แต่กว่าจะปิดได้ ต้องบอกว่าชั้นพนักงานสอบสวนเขาสอบละเอียดมาก อัยการกว่าจะได้ฟ้อง ของผมถึงชั้นศาลเรื่องถึงได้เสร็จสิ้น ข้อมูลทั้งหมดเป็นข้อมูลที่มีที่มาที่ไป ผ่านการตรวจสอบแลคัดกรองอย่างละเอียด แต่ที่ประชาชนที่รักแตงโม เขาเข้าใจผิด เพราะเข้าใจว่าเป็นมุมที่เราไม่เคยเล่า ไม่ได้แชร์ มากกว่านั้นผมเชื่อว่ามีสื่ออีกด้านที่เขาได้ประโยชน์ สังเกตดูดีๆ นะครับ คุณตั้มมารับคำปรึกษา ฟอลโลเวอร์สัก 5 แสน หลังจากนั้นบอกไม่รับทำ ออกมาถือกระเป๋าเดินวนไปวนมาอยู่รอบเรือ เดือนเดียวฟอลโลเวอร์ขึ้น 2 ล้าน ฟอลโลเวอร์ขึ้น 1.5 ล้าน ถามว่าคนได้ประโยชน์คือใคร คือคนที่ออกมาเกาะตรงนี้มากกว่า คนที่เสียคือประชาชน ประชาชนนั่งดูนั่งติดตาม เดี๋ยวจะมีข่าวนั้น เดี๋ยวจะเปิดอันนี้ แล้วมีอะไรครับ ผมเชื่อว่ามีผู้เสียหายแบบเรา คนดังกล่าวเขามีครอบครัว มีธุรกิจ มีสิ่งที่เขารับผิดชอบ อยากให้เห็นใจและกรองด้วย ตรงนี้ต้องออกมายืนยันว่าเราคือเพื่อนแตงโม เรารักแตงโม เรากับคุณเหมือนกัน ตรงนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุ มาถึงกระบวนการที่ศาลพิพากษาเสร็จสิ้น ก็อยากมาแชร์มุมนี้ที่เพื่อนๆ ไม่เคยฟัง

วันนี้คนก็บอกว่าคุณมาพูดฟอกตัวเอง รู้สึกยังไง?
แซน : ก็เข้าใจสังคมที่เขามีมุมมองความคิดแบบนั้น เขาเสพสื่อจากแค่ที่เขาต้องการนำเสนอ หลายคนที่ออกมาช่วงนั้น ก็ไม่แปลกที่เขาจะเข้าใจผิดพวกเรา

ปอ : ใช้คำว่าเข้าใจได้ดีกว่า แต่อย่างน้อยเราสะท้อนว่าทำไมเขาคิดแบบนั้น เพราะเขารับสารข้างเดียว แต่อย่างเรา ที่ถูกสอบ ถูกรื้อทุกอย่าง ผ่านกระบวนการเป็นปีๆ เราเจอเหตุการณ์เขาไม่เคยรู้

วันนี้คดีแตงโม ไปถึงไหนแล้ว?
ปอ : ของผมจบแล้ว ศาลชั้นต้นตัดสินเสร็จเด็ดขาดคดีถือว่าสิ้นสุด ไม่มีคนอุทธรณ์

แม่แตงโมอุทธรณ์มั้ย?
ปอ : ไม่ได้อุทธรณ์ครับ จบแค่นี้เลย ปกติเขามีเกณฑ์การอุทธรณ์ โจทก์ต้องอุทธรณ์ภายใน 30 วัน แต่เรากับแม่ก็มีการดูแลกันเป็นอย่างดี แม่ก็บอกว่าจบที่ศาลชั้นต้นตรงนี้ แม่จะไม่มีอุทธรณ์ใดๆ แม่ก็ไม่อุทธรณ์ ทุกวันนี้ผมกับแม่ก็ดูแลและรักกัน เหมือนตั้งแต่ต้นทุกอย่าง วันแรกได้เจอแม่ยังไง วันนี้ผมกับแม่ก็ยังเหมือนเดิม ที่เขาพูดเรื่องฆาตกรรมเราคุยในศาลว่ามีมูลมั้ย มีข้อเท็จจริงมั้ย

สภาพแตงโมที่บอกว่าโดนใบพัดหรือโดนมีด เขาพิสูจน์มายังไง?
ปอ : ตรงนี้เป็นเรื่องนิติเวช รายละเอียดเบื้องลึกผมไม่ทราบ ของผมไม่ได้อยู่ในขั้นสู้คดี ของผมจบก่อน ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด หลักๆ ดูมูลเหตุของการฟ้อง เขาฟ้องประมาท โทษคือประมาท ไม่ใช่ฟ้องฆาตกรรม เพราะฟ้องฆาตกรรมมันไม่มี ที่มีอย่างเดียวเลยคือคนออกมาสร้างกระแส ว่ามีขวดตีกัน มีเลือด มีรอยทั้งหลาย สรุปมีอะไรบ้าง

ตร.ทำสำนวนส่งอัยการ อัยการสั่งฟ้องคือเรื่องประมาท ไม่ใช่ฆาตกรรมตั้งแต่ชั้นตร.?
ปอ : ถูกต้องครับ

อัยการก็ส่งฟ้องศาลว่าเป็นประมาทเหมือนกัน?
ปอ : ครับ ขึ้นอยู่กับอัยการต่อ อย่างตร.ส่งมาว่าเป็นประมาท แต่อัยการไม่เชื่อขอสอบเพิ่มว่าเข้าฆาตกรรมมั้ย อัยการก็ทำได้ แต่วันนั้นตร.ส่งฟ้องมาเป็นประมาท อัยการก็ตรวจละเอียดหลายเดือน อัยการดาวท่านก็ทำละเอียดมาก สุดท้ายท่านดูละเอียดแล้วว่ามันคือประมาท ไม่มีเหตุใดเป็นอื่น

แม่ก็ไม่อุทธรณ์ ก็เลยจบ คุณแซนล่ะ?
แซน : ต้นเดือนหน้านะ ถ้าจำไม่ผิด

คุณไม่ยอมรับว่าคุณประมาท?
แซน : แซนไม่ประมาทสิคะ เพราะแซนนอนเฉยๆ ก็ต้นเดือนหน้า ศาลจะสืบจากจำเลยก่อน เรื่องยังไม่จบค่ะ

เรื่องจะจบเมื่อไหร่?
แซน : ต้องถามพี่ตุ๋ย แซนจำไม่ได้

กับแม่ล่ะ?
แซน : ไม่ได้คุยค่ะ แซนก็ยังรักและเป็นห่วงคุณแม่เหมือนเดิม เคยมีปัญหากันนิดหน่อย แต่ก็คุยดีตลอดนะคะ

ปอ : อันนึงที่อยากฝากกับคนที่ดู พี่ปุ่นบอกว่าความจริงจะเป็นเกราะป้องกันเรา บางทีเราพูดวันนี้คนอาจยังไม่เชื่อ แต่ความจริงมันบิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ สุดท้ายพอผ่านกระบวนการวิเคราะห์ สุดท้ายถ้าจริงมันก็คือจริง จะเป็นอื่นไม่ได้ ความจริงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

จะกลับไปคุยกับเขามั้ย?
หนึ่ง : ถ้าพี่เขาจะคุยก็คุยค่ะ แต่ถ้าไม่คุยก็ว่ากันไปค่ะ

ทางนี้จะเคลียร์มั้ย?
แซน : ถ้าคุณตั้มอยากเคลียร์ไม่ให้เปิดคลิป (หัวเราะ) พูดเล่นค่ะ

คลิปอะไร?
ปอ : คุณตั้มเขารู้ดี พูดตรงๆ เวลาที่เกิดขึ้น จะสะท้อนพฤติกรรม เราไม่ได้อยากออกมาซ้ำเติม ไม่อยากทำให้เขาแย่ไปมากกว่านี้ แต่ขอออกมาแชร์มุมนึง ประสบการณ์ที่เคยเกิดขึ้นก็พอ ผมขอแค่นี้

ถ้าเขาบอกว่าฝั่งคุณทำไม่ถูก แล้วเขาออกมาสวน?
ปอ : เอาเลยครับ

แซน : ตามสบายค่ะ

ปอ : เขารู้มากกว่าทุกคน เขารู้ว่าเขาพูดอะไร เขาทำอะไร ผมว่าแค่นี้มันพอแล้ว

คุณพูดเหมือนมีดาบสอง?
ปอ : ก็ไม่ได้บอกว่าไม่มีนะพี่ มี แต่วันนี้เท่านี้พอ





















กำลังโหลดความคิดเห็น