“ธงธง ม๊กจ๊ก” เผยเคยไปดูดวงกับหมอดูชื่อดัง ยืนยันแม่นจริง ทักในเรื่องที่ไม่มีใครรู้มาก่อน พอไปแก้ดวงตามที่บอกก็ได้รับโชคจริงๆ แต่ส่วนตัวไม่เชื่อเรื่องการขโมยดวง และหมอดูก็ไม่ได้น่ากลับไปหาขนาดนั้น เตรียมรอวัดความปัง หมอดูทักว่าจะรวยภายใน 1 ปีถ้าขายลูกชิ้น ไม่อยากมีความรักแล้ว เสียดายเวลา โอดติดใส่วิก ผมไม่ขึ้น มีติดบ้านเป็นร้อย
เป็นอีกคนที่เคยมีประสบการณ์ดูดวงกับหมอดูชื่อดังที่เคยเป็นข่าวสะเทือนวงการไปก่อนหน้านี้ สำหรับนักแสดงอารมณ์ดี “ธงธง ม๊กจ๊ก” ซึ่งเจ้าตัวเผยว่าเคยไปดูครั้งเดียว และทึ่งกับความแม่นมาก เพราะทักในเรื่องที่ไม่มีใครรู้ พอกลับไปแก้ไขตามคำแนะนำก็มีโชคเข้ามาจริงๆ ส่วนเรื่องขโมยดวงนั้นตนไม่เชื่อเรื่องนี้เลย และหมอดูคนนี้สำหรับตนก็ไม่ได้เฟรนด์ลี่หรือมีอะไรให้น่ากลับไปหาขนาดนั้น
“เคยไปดูมาเหมือนกัน ตอนนั้นจ่ายไป 5,000 เขาทักว่าถ้าฉันขายลูกชิ้น ฉันจะรวยภายใน 1 ปี ฉันจะลองเทสดูว่า 1 ปีฉันจะรวยไหม เขาดูว่าฉันจะเป็นเศรษฐีเมืองไทย ในปีหน้าเลยถ้าฉันขายลูกชิ้นทอดนะ ฉันก็เชื่อ 100% เพราะเขาทักในสิ่งที่ไม่มีใครรู้ อย่างเช่นเขารู้ได้ยังไงว่าเรามีรอยสักบนร่างกาย อันนี้เซอร์ไพรส์มาก และรู้ได้ยังไงว่ารอยสักนั้นคือรอยสักอะไร และรู้ได้ยังไงว่าเราไม่เคารพรอยสัก ครูบาอาจารย์ก็ไม่ชอบ และทำให้เรารู้สึกว่าสิ้นเนื้อประดาตัว
ในวงการก็ไม่ค่อยมีใครรู้นะว่าเราสัก เพราะเราไม่โชว์เลย แล้วเขาก็ทักว่าถ้าอยากจะก้าวหน้าให้ขายลูกชิ้น ขายแล้วจะรวย ปีเดียวเห็นผล เพราะฉะนั้นทุกคนติดตามเลยค่ะ เขาบอกเลยว่าให้ชื่อธงธงลูกชิ้นหมู คือเขาแม่นมาก เขาทักว่าเรามีหลวงปู่ฤาษีนารอดมาชวนไปอยู่ด้วย ซึ่งมันเป็นวัยเด็กตอนที่ท่านมาชวนน่ะ และไม่เคยมีใครรู้ เราเองยังลืมไปแล้ว แต่เขารู้ได้ยังไง คือฝันว่ามีฤาษีมาพาไป แล้วเราก็บอกว่าถ้าหนูตามหลวงปู่ไป แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าถ้าตามไปก็คงไม่ดี ก็เลยวิ่งขึ้นบ้าน แล้วก็ตื่น เขาบอกว่าถ้าไปเราก็คือตายตอนนั้นเลย ตอนนั้นอายุประมาณ 17-18 คือต้องบอกว่าครอบครัวเราเป็นพระเอกนางเอกลิเก เพราะฉะนั้นเราก็นับถือหลวงปู่ฤาษีนารอดอยู่แล้ว”
บอกแก้กรรมตามที่บอกแล้วเฮงจริงๆ
“เขาบอกอีกว่าที่เราไม่เคารพรอยสัก เพราะตอนแรกเราอยากจะไปทำเฮนน่า แต่โดนจั๊กกะบุ๋มมันแกล้งให้เขาสักยันต์ให้ เป็นสักยันต์ 5 แถว แต่เราไม่ชอบ ก็เลยไม่นับถือ แต่เขาบอกว่าพ่อแม่ครูบาอาจารย์โกรธมากที่ไม่เคารพนับถือเขา ก็เลยทำให้เราสิ้นเนื้อประดาตัว เขาถามว่าเราโดนคนโกงหรือยัง ทักถูกหมดเลย ร้านก๋วยเตี๋ยวที่มีปัญหานี่ไง เราก็เลยเลิกทำแล้ว ที่โคราชไม่มีร้านธงธงแล้วนะคะ
ซึ่งเขาก็บอกให้เราไปแก้ นั่นก็คือไปไหว้พระแก้วมรกต 3 วันติด ด้วยเวลาเท่านี้ๆ ไปกราบขอขมากรรม แล้วชีวิตจะดีขึ้น เราก็ไปทำนะ พอเสร็จถึงวันที่ 4 เราเคยไปโฆษณาอะไรมาอย่างนึง และเขายังไม่หยุดโฆษณาของเรา เขาก็โอนเงินมาให้เลย เพราะเขาเอาไปใช้เกินกำหนดเวลา เราก็งงว่าทำไมมันจริง จากนั้นพอทำบุญทุกครั้งเราก็เลยระลึกถึงให้พ่อแม่ครูบาอาจารย์”
เผยไม่เชื่อเรื่องขโมยดวง
“แต่ถามว่าตอนที่มีข่าวมันมีผลกระทบกับความรู้สึกเราไหม คือเรารู้สึกว่าตอนที่เขาทักเรามันแม่นไง เราก็เชื่อในส่วนของเรา ในส่วนที่คนอื่นเจอเรื่องขโมยดวงอะไรอย่างนี้ เราไม่เคยเจอ แล้วเขาก็ไม่เคยเอาหุ่นพยนต์มาให้เรา ไม่ได้มาขายอะไรเราเลย เขาก็ช่วยในส่วนของเราด้วย เราก็พูดในส่วนของเราว่ามันโอเคสำหรับเรา
แต่ถามว่าเชื่อเรื่องการขโมยดวงไหม เราไม่เชื่อนะ คนเราทำดีได้ดี เพราะฉะนั้นถ้าคนสามารถขโมยดวงได้ ก็ไม่ต้องทำความดีกันแล้ว อาศัยขโมยเอา เราไม่เชื่อเลย แต่ก็ยังไม่เคยได้คุยกับพี่ไก่ (วรายุฑ มิลินทจินดา) เรื่องนี้เลยนะ แต่จะเจอกันเร็วๆ นี้ ไปถ่ายรายการด้วยกัน ซึ่งหมอดูคนนี้เรารู้จักก็เพราะพี่ไก่นี่แหละ แต่ถามว่ามีผลต่อความศรัทธาของเราไหม ก็ไม่นะ และที่มีบอกว่าเราจะนึกถึงหมอดูคนนี้ตลอด และต้องไปหาเขา อันนี้ในมุมเรา ก่อนออกจากบ้านเขาน่ะ แววตาที่เขามองเราออกจะดูขวางๆ ด้วยนะ เหมือนโกรธแค้นเราด้วยซ้ำ ไม่เห็นดึงดูดให้เราอยากจะกลับไปเลย
ที่คนบอกว่าดูเป็นคนเมตตา เสมือนเป็นแม่อีกคน สำหรับเราไม่นะ แต่เขาดูเป็นคนตรงๆ พูดตรงไปตรงมาแค่นั้น ไม่มีให้ระลึกถึงหรืออยากไปหา และเราก็ไม่ได้เคยคิดต่อต้านหรือไม่เชื่ออะไรด้วยนะ และเราก็ไปดูเขาแค่รอบเดียว พอเขาบอกให้ไปแก้แบบนี้ๆ ก่อนแล้วค่อยกลับมาถ้าอยากดูอะไรเพิ่ม จากนี้ก็รอวัดความปังของหมอดูว่า 1 ปีนี้ฉันจะรวยจริงไหม”
ประกาศขายบ้านที่โคราช และเลิกทำร้านก๋วยเตี๋ยวไปแล้ว
“ที่เขาบอกว่าสิ้นเนื้อประดาตัวเนี่ย คือร้านของเราที่โคราช และเราก็มีบ้านที่นั่น ตอนนี้ก็ประกาศขาย เพราะไม่อยากอยู่แล้ว ไม่อยากสุงสิงกับคนที่นั่นแล้ว ที่เคยบอกว่ามีปัญหากับหุ้นส่วนน่ะ เราก็ยกให้เขาเลย ก็ไม่อยากไปสุงสิงกับเขาแล้ว เพื่อนฝูงอะไรเราก็ไม่อยากกลับไปอยู่ตรงนั้นแล้ว เหมือนว่าเพื่อนรักเรา ร้านที่เรารัก บ้านที่เราสร้างขึ้น ทุกอย่างหมด นั่นก็หมายถึงสิ้นเนื้อประดาตัวสำหรับเรา แต่ต้องบอกว่าเพื่อนไม่เคยหลอกนะ เพื่อนก็จริงใจกันนี่แหละ แต่การทำธุรกิจมันก็มีความคิดเห็นไม่ตรงกัน ก็เลยยุติดีกว่า”
บอกไม่อยากมีความรัก เพราะไม่อยากเสียเวลา
“ถามว่าถ้าขายลูกชิ้นแล้วปังจริงจะกลับไปหาหมอดูคนนี้อีกไหม ถ้ารวยแล้วก็ต้องหาสามีสิคะ หาคนมาช่วยใช้เงิน (หัวเราะ) เราสายเปย์ แต่หมอดูบอกว่าห้ามมีแฟนนะ เหมือนจะมีคนเข้ามาในชีวิตนะ แต่ห้ามมี แต่เรารู้สึกว่าทำไมหมอทักแบบนี้ แต่หมอดูเขาบอกว่ามีไปก็เหนื่อยเปล่า เสียเวลา แต่เราก็ไม่ได้ถามถึงวิธีแก้เรื่องนี้นะ เพราะจริงๆ เราก็ไม่ได้อยากมีหรอก แต่ถามว่ามีคนมาจีบไหม เยอะแยะ ถ้าจีบได้ แต่อย่าลงลึก ไม่อยากเป็นแฟนแล้ว รู้สึกเสียดายเวลา มันต้องมาเริ่มใหม่ กินข้าวหรือยัง อยู่ไหน เราจะเริ่มรำคาญ
แต่ที่บอกว่าอยากมีความรัก พูดเล่น จริงๆ คือไม่ได้อยากมี ทุกวันนี้แฮปปี้แล้ว ลูกหลานช่วยกันใช้เงิน หาเงินให้ลูกหลานใช้ก็เหนื่อยแล้ว อาจจะเพราะสนิทกับแม่ชีกิ๊ก (มยุริญ ผ่องผุดพันธ์) ด้วยมั้ง ก็มีบางส่วนที่เราคิดเหมือนกัน แต่ก็ด้วยความที่เราอกหักบ่อยๆ ด้วย เราก็รู้สึกว่าความรักไม่มีอยู่จริง ไม่เชื่อ ทำแล้วมันเหนื่อยเปล่า เสียดายเวลาจริงๆ เวลาเรารักใครสักคนมันก็ทุ่มเทเนอะ เราก็เสียดายเวลา อกหักบ่อย ตอนนี้ก็ไม่เชื่อเรื่องความรัก”
เผยชอบการใส่วิกแล้ว ที่บ้านมีเป็นร้อยอัน
“เริ่มจากการที่เวลาเราไปกองถ่ายเราก็ขี้เกียจทำผม เวลาเล่นละครก็ขอว่าใส่วิกได้ไหม จะได้เปลี่ยนคาแรกเตอร์ไปเรื่อยๆ และเราก็ไม่อยากทำให้ผมเสียด้วย แต่พอใส่วิกบ่อยๆ ผมก็ไม่ขึ้นเลยจ๊ะ (หัวเราะ) มันมีผลนะ ก็ทำใจค่ะ ต้องยอมรับความจริงว่าพอเราอายุเยอะขึ้น สังขารมันเสื่อม ผมก็เหมือนกัน พออายุเยอะขึ้นมันก็จะบางลง สมัยเราวัยรุ่นเอวบาง ผมหนา แต่พออายุเยอะขึ้นเอวหนา ผมบาง (หัวเราะ)
ตัวเราเองก็มีเรื่องความดัน เบาหวาน ไขมัน ทำให้ผมร่วงด้วย และเราใส่วิกทั้งวัน ตื่นยันนอน นี่ก็ใส่มาตั้งแต่ตี3 จะถอดจริงๆ ก็ตอนกลับบ้าน แต่เอาจริงๆ ถ้าคิดจะถอดก็ถอดได้เลยนะ ถามว่านอยด์ไหม ไม่เลย เพราะเราสนุกสนานในการเปลี่ยนวิก เปลี่ยนทรง เปลี่ยนสีผมไปเรื่อยๆ ที่บ้านมีวิกเป็นร้อยอัน แต่อันไหนเก่าๆ ก็ทิ้งเลย วิกผมจริงก็มี แต่ไม่เคยมีผีตามมานะ อยากให้มีเหมือนกัน อยากขอหวย”
