“ทับทิม มัลลิกา” ร่ำไห้เปิดใจ อยากเป็นพลังให้ครอบครัว เล่าเบื้องหน้าสวยงาม แต่เบื้องหลังต้องแลก ทำงานจนหูหนวก ก่อนพบเนื้องอกในสมอง ใหญ่ 6 เซนฯ โชคดีไม่เป็นมะเร็ง ไม่ผ่าตัด แต่ต้องเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ทั้งหมด เผยชีวิตก่อนเจอวิกฤตโควิด ซื้อของไม่เคยดูป้ายราคา ว่างจนฟุ้งซ่าน ลงไปกรี๊ดในน้ำ พบความสุขแท้จริงจากการปฏิบัติธรรม
ออกมาเผยถึงเรื่องราวชีวิต กับเบื้องหน้าที่สวยงาม แต่เบื้องหลังต้องแลกอะไรเยอะมาก สำหรับ “ทับทิม มัลลิกา จงวัฒนา” พิธีกรและอดีตยูทูบเบอร์ชื่อดังจากช่อง VRZO โดยเจ้าตัวเผยผ่านรายการ Lesson B interviews ทั้งน้ำตา เรื่องราวปมในใจ ที่ไม่เคยเล่าที่ไหน
“ช่วงก่อนแต่งงานเป็นช่วงไม่ได้นอนเลย น้ำหนักลด สิวขึ้นหนักมาก เพราะทำงานทั้งวันทั้งคืน แต่ใจมีความสุข มีความฝันตั้งแต่เด็ก อยากเดินสายไอดอล ไม่ได้เก่งหรือดีมีอะไรเลิศเลอ แต่อยากเป็นคนๆ นึงที่สดใสร่าเริง เป็นแสงให้ใครสักคนได้ ทับทิมอยู่ทุกวงการ กล้าพูดว่าเป็นเจ้าแม่เราสนุกกับโลกอินเตอร์เน็ตมาตั้งแต่เด็ก
ช่วงก่อนแต่งงาน เป็นช่วงแมสมากๆ ไปไหนคนเดียวไม่ได้ ต้องใช้การ์ด อันนั้นรู้สึกว่าชีวิตเปลี่ยนแน่นอน ไปไหนคนรุม ฟีลห้างแตก ยุคนั้นห้างแตกต้องเป็นดารา แต่กลับเป็นวัยรุ่นที่ทำช่อง เป็นยูทูบเบอร์ เป็นพลัง เอเนอร์จี้ของเพื่อนและเรา ทำแล้วปัง มันขาดใครไปไม่ได้เลย มันสวยงามมาก เรานิยามตัวเองไม่ได้ ว่าเราเป็นดารา ซุปตาร์หรืออะไร แต่เราเป็นตัวเอง เรารู้แค่นี้ คนดูก็พูดภาษาเดียวกันกับเรา เขาถึงรับรู้ว่ามันสนุก
เบื้องหน้าสวยงามมาก แต่เบื้องหลังแลกเยอะมาก ทับทิมไม่รับโทรศัพท์คุณแม่เลย เพราะพลังงานให้รายการหมดแล้ว (ร้องไห้) ไม่มีเวลาฟังคุณแม่สอน คุณแม่สอนเราตลอด ชอบโทร.มาสอน เพราะเราอยู่ห่างไกลกัน คุณแม่อยู่จันทบุรี แต่เราอยู่กรุงเทพฯ ทุกอาทิตย์ต้องมีโทร. 2-3 ครั้ง โทรเช็กสภาพจิตว่าลูกเป็นยังไง เหนื่อยไหม ช่วง VRZO มันยุ่งมากๆ ยุ่งจนเราวางครอบครัวไว้ด้านหลัง เป็นหนึ่งอย่างที่เรารู้สึกว่าเราแย่ เป็นเรื่องความรักที่เราต้องทำงานควบคู่กับคนรัก เบื้องหลังก็ไม่ได้เหมือนหน้าจอซะทีเดียว ไม่เป็นเหมือนที่เราหวัง แล้วการทำงานร่วมกับความทุกข์ เราก็ต้องสู้ ทับทิมมีความรักล้น ความรักเยอะมากความรักสวยงามเป็นพลังมากๆ แต่ไม่ได้เป็นอย่างที่เราหวังทุกมิติ
ถ้ามองย้อนกลับไป เรารู้สึกขอบคุณมากๆ ทุกคนเลย เหมือนเราได้บทเรียน วันนี้ทับทิมรู้สึกว่าอะไรก็หักเราไม่ได้ แม้กระทั่งความรัก มันเหมือนได้เรียนกับตัวบอสมาแล้ว (หัวเราะ) เจอขั้นกว่าก็เจอมากกว่านั้นมาแล้ว ไม่ได้อยู่แบบมีความสุขทุกวัน ไม่ได้โลกสวยขนาดนั้น เจอแต่ว่ามันเบามาก เบาไปเลยกับสิ่งที่เราเคยเจอ แล้วเราก็แก้ไขมันได้ง่ายขึ้นมาก เพราะเราโดนทดสอบมาสุดๆ แล้ว ทับทิมไม่มีความรู้สึกอยากติดใจอะไรกับใครเลย เราปฏิบัติธรรมด้วย เราอโหสิกรรมไปหมดแล้ว มองปัญหาวันนั้นเป็นบทเรียน ที่ทำให้เราเติบโต
ทับทิมโชคดีตรงที่คุณแม่แข็งแกร่งมาก คุณแม่จะสำรวจสภาพจิตเราตลอด คุณแม่สอนตลอดว่าเป็นผู้หญิงยังไงก็ต้องยืนได้ด้วยขาตัวเองนะลูก ไม่ว่าอะไรก็ตาม ถ้าเจอความรักที่รู้สึกว่าเราไม่มีค่า ต้องกล้าตัดสินใจอะไรบางอย่าง แต่แม่ไม่เคยบอกให้เราเลิกเลย ให้เราคิดเอง ให้เราตระหนักคุณค่าในตัวเองมากขึ้น เราแคร์แม่มากกว่าผู้ชาย ทับทิมให้ความสำคัญกับความซื่อสัตย์มากๆ ในแง่ครอบครัว เพื่อน เราจะไม่เป็นคนพูดอะไรไม่ดีกับเรื่องของเพื่อนลับหลัง เราซื่อสัตย์กับความรัก ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น เราก็แค่ต้องตัด จริงๆ คุณแม่ไม่เคยเข้าข้างทับทิมเลย คุณแม่บอกว่าเราเลือกเอง เป็นกรรมของหนู ให้เราเรียนรู้จากสิ่งที่เกิดขึ้น เรากลับไปแก้ไม่ได้ ตอนนั้นคิดว่าเป็นความซวยของเรา”
เจอมรสุมชีวิตหนักๆ ตั้งแต่ม.5 ออกจากโรงเรียนเพราะป่วย แต่ถูกโจมตีว่าท้อง ไม่เต็ม ต้นเหตุ VRZO วงแตก
“ข่าวคราวที่คนทั่วไปเข้าใจผิด เกิดมาตั้งแต่เด็ก โดนเข้าใจผิดตลอด หนักๆ คือดรามาในอินเตอร์เน็ต ก่อนหน้านั้นโดนมามากแล้ว ตั้งแต่สมัยเรียน สัก ม. 5 อะไรก็งานกลุ่ม เราโหลด ด้วยความเป็นไมเกรนมาตั้งแต่เด็ก ป่วยจนหมอบอกว่าเรียนไม่ไหว ต้องพักการเรียน ช่วงนั้นทำให้ทับทิมต้องกลับมาอยู่จันทบุรีกับแม่ พักผ่อน รักษาตัว พอเราออกกลางคัน เว็บบอร์ดโรงเรียนก็โจมตีเราว่าเราท้องหรือเปล่า โดนโจมตีในเว็บเด็กดี จนเราไม่ไหวแล้ว เราถ่ายใบรับรองแพทย์ แล้วโพสต์ลงไปในอินเตอร์เน็ต นั่นคือดรามาแรกที่เราเจอ แล้วรู้สึกว่ามันหนัก สำหรับเด็กม. 5 ตอนนั้นพอเราโพสต์ใบรับรองแพทย์ไป ก็มีคนเข้ามาบอกว่าเราป่วยนะ ไม่สบายจริง แต่ก็แค่นั้น จากนั้นคุณแม่ก็ห้ามอ่านอีก ไม่ต้องไปติดตาม
แล้วช่วง VRZO เป็นงานอินเตอร์เน็ตเต็มตัว 100 เปอร์เซ็นต์ จะมีดรามาจากคนดูอยู่แล้ว แต่ช่วงนั้นไม่ถึงกับดำดิ่งหรือทำร้ายเราได้ ถึงขั้นกินข้าวไม่ได้นอนไม่หลับ มีคอมเมนต์นึงที่จำได้จนทุกวันนี้ แล้วเป็นจุดเปลี่ยนเราเบาๆ เหมือนกัน คือคำว่ามีคนวงในบอกว่าทับทิมมันไม่เต็ม เราอ่านแล้วก็เอ๊ะ เพื่อนเราเหรอ เริ่มระแวง เราไม่เต็มจริงหรือเปล่า เรารั่วเกินไปหรือเปล่า ก็เริ่มเอ๊ะตัวเอง ก็เริ่มเป็นจุดบาลานซ์อะไรบางอย่าง เราทำพิธีกรมากๆ ต้องใช้คำพูดเยอะ แล้วกรรมจากคำพูดนี่แหละค่ะ เวลาเราแซวสด ก็ต้องกลับมาตบปากตัวเองว่าไม่น่าพูดอย่างนั้นเลย มันเป็นกรรมละเอียดๆ ที่เราเอากลับมาแก้ไขตัวเองเรื่อยๆ
ถ้าดรามาหนักมากจริงๆ คือการแตกวงออกไป ทุกคนแยกย้าย โดนว่าเป็นปัญหาที่เรา เราทำให้วงแตก แต่ทับทิมอ่านแล้วไม่โกรธนะ เพราะมันไม่จริง ทุกข์ไหมทุกข์ แต่เราแค่ให้เวลาเปิดเผยอะไรเอง เราเชื่อเรื่องเวลามากๆ ด้วย ถ้าเรื่องจริงไม่ช้าก็เร็วทุกคนก็จะรู้ มีหลายรายการมากๆ อยากให้พูดหรือแถลง แต่เรารู้สึกว่าพูดไปแล้วกระทบบุคคลสองสามสี่ ก็เลยไม่พูดดีกว่า ไม่มีใครได้ประโยชน์จากการพูดอะไรเลย แต่เราโชคดีที่มีเพื่อนๆ ถึงแม้จะแตกไปก็จริง แต่เขาโอบกอดเรา แค่นี้ก็มากพอแล้วสำหรับทับทิม”
ทำงานจนหูหนวก ก่อนตรวจเจอเนื้องอกในสมอง ใหญ่ 6 เซนฯ เพราะเครียด และเล่นโยคะหัวทิ่ม
“เป็นคนสุขภาพไม่ดีเลยตั้งแต่เด็ก ที่บ้านจะรู้ และห่วงเราที่สุด ช่วงทำ VRZO หูดับไปข้างนึงเลย เราทำงานจนหูหนวก บ้านหมุน ช่วงนั้นงานกำลังพีก ต้องขึ้นสเตท ทับทิมกำลังถามสัมภาษณ์ เขาพูดแล้วเราไม่ได้ยิน ข้างนึงดับสนิทเลย ก็เครียดมาก ไปตรวจอะไรต่างๆ เป็นปลายประสาทอักเสบ พักผ่อนน้อย
พอโตขึ้นก็เริ่มดูแลตัวเองมากขึ้น ไปโยคะใดๆ รักษาตัวเองมากๆ แล้ว ก็เป็นอีก เดินแล้วบ้านหมุน หน้าชาไปครึ่งซีก เราเอามือเคาะๆ ไม่รู้สึกเลย อายุ 27 28 เป็นครั้งแรกลองไปเอกซเรย์ดูว่าเป็นอะไรหรือเปล่า MRI เจอเลย เจอเนื้องอกในสมอง ข้างที่เราหน้าชา ใหญ่ 6 เซนฯ แต่ก่อนสแกนสมองก็โทรบอกแม่ แม่บอกว่าหนูเจอแน่ๆ เนื้องอก แต่ไม่ต้องตกใจนะ ไม่ต้องร้องไห้ ไม่ต้องตกใจ ขออย่างเดียวถ้าหมอบอกให้ผ่าเลยวันนี้ห้ามผ่า แม่พูดแค่นี้ เราไปตรวจแล้วเจอจริงๆ แต่เราเตรียมตัวมาแล้ว (หัวเราะ) แม่บอกว่าเราจะมีเราก็รับสภาพ ก็กลับมาดูแลตัวเองกันใหม่
ตอนนั้นคุณหมอก็บอกว่ามันอาจเกิดจากความเครียด ตอนนั้นทับทิมเล่นโยคะแบบเอาหัวทิ่มพื้นเป็นนาที เลือดลงไปคั่งในถุงเนื้องอกได้ ทำให้โตขึ้นได้ ไม่เป็นมะเร็งก็โชคดีแค่ไหนแล้ว ทับทิมไม่ได้ผ่า โชคดีเป็นเนื้องอกชนิดดี สามารถหดได้ ต้องปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์เยอะมาก มันถึงค่อยๆ ทำให้เขาหดไป ถ้าผ่ามันจะทำให้เราได้รับเอฟเฟกต์เยอะ อาจทำให้เราหน้าเบี้ยวไปเลย ทุกปีเราไปตรวจมันเล็กลงปีละเซนฯ แล้วอาการมันหายไปหมดเลย หูเราได้ยินแล้ว เราเดินตรง ออกกำลังกายได้ เราก็เลยคิดว่ามันถูกทางแล้ว ตอนนี้มันเป็นก้อนเล็กลง แต่ก็มีอยู่ เราเลือกอยู่กับมันให้ได้”
ซื้อของไม่เคยดูป้ายราคา ก่อนเจอวิกฤตโควิด ว่างจนฟุ้งซ่าน ลงไปกรี๊ดในน้ำ
“ก่อนโควิดอู้ฟู่มากๆ ซื้อของไม่เคยดูป้ายราคา ใช้ชีวิตสุดมาก่อน หลังเจอโควิด เราหยุดทำยูทิวบ์ด้วย พอว่างเกินไปก็ฟุ้งซ่านในหัว เคยเป็นเจ้าแม่ร้อยโปรเจกต์มาก่อน มันเหมือนเฉา ช่วงนั้นอ่านข่าวโรคซึมเศร้ามันเยอะ หรือเราเป็น หรือยังไง มันมีก้อนในใจ เราก็ลงไปกรี๊ดในน้ำ ไม่มีใครได้ยิน เป็นหลายครั้ง เรารู้สึกว่าไม่ใช่แล้ว ความเป็นทับทิมที่สดใสร่าเริงกับตอนนี้มันคนเดียวกันหรือเปล่าวะ ก็เกิดคำถาม แม่ก็ชวนไปปฏิบัติธรรม ไม่ยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอก มันมีความสุขมาก สว่างในใจเรา เรารู้ว่าเราไม่ได้ต้องการความโด่งดัง ทุกอย่างมาแล้วไป เกิดแล้วดับ การปฏิบัติธรรมทำให้ทับทิมเจอความเบิกบานในใจที่แท้จริง”
ร่ำไห้ ความสุขคือการได้อยู่เป็นพลังให้ครอบครัว
“ความสุขตอนนี้คือเหมือนอยู่เพื่อเป็นพลังให้ครอบครัว (ร้องไห้) ขอโทษที่ร้องไห้นะคะ (ร้องไห้) ครอบครัวเราเป็นผู้หญิง 5 คนที่ช่วยกัน จริงๆ แล้วการอยู่ในโลกใบนี้ เราอยากเป็นพลังที่ดีให้ครอบครัวเท่านั้น”
