xs
xsm
sm
md
lg

“ใหม่” รับศึกหนัก พา “แม่หยัว” ฝ่าทุกคำดูถูก! อัปสกิลละครทีวี กลบดรามา “หน้าแบบนี้? ไม่เหมาะกับชุดไทย”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“อำนาจ วังหลัง และ อิสตรี”อยู่ควบคู่กับทุกชาติในทุกประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นส่วนนึงจากอดีตส่งต่อถึงปัจจุบัน จะว่าไปนี่คือแกนหลักของ “แม่หยัว (The Empress of Ayodhaya)”ซีรีส์ฟอร์มยักษ์จาก oneD ORIGINAL ที่ผู้ชมจะได้ดูผ่านสายตาในตอนแรกวันที่ 24 ตุลาคมนี้ ผ่านช่องวัน31 เวลา 20.30 น.

ย้อนกลับไป วันเปิดโปรเจกต์ “แม่หยัว” หนึ่งในโปรเจกต์จาก oneD ORIGINAL ได้รับเสียงฮือฮาชนิดที่อยากให้มีหลายตอน เพราะรู้ๆ กันอยู่ว่าถ้ามาจาก oneD ORIGINAL นั้นจะมีเพียงไม่กี่ตอน ซึ่งแม่หยัวมีทั้งหมด 10 อีพี ทำให้หลายคนแอบบ่นว่าน่าจะมีมากกว่านี้ เพราะโปรดักชั่นระดับพรีเมียม ทั้งฉาก เครื่องทรง รวมไปถึงนักแสดง บวกกับเงินทุนที่ลงไปนั้น พูดเลยว่าซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้มาเล่นๆ และยิ่งเปิดตัวให้ได้เห็นในอีพีแรก ก็ว้าวในหลายๆ ซีนที่ทำให้รู้สึกว่านี่ไม่ใช่ “ละครโทรทัศน์” ที่คุ้นเคย แต่มันเหมือนเรากำลังดูภาพยนตร์เงินลงทุนสูงสักเรื่องนึงอยู่

“แม่หยัว” หรือ “แม่อยู่หัว” ได้รับแรงบันดาลใจมาจากบุคคลที่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์ ก็คือ “ท้าวศรีสุดาจันทร์” ชื่อของสตรีคนนี้เริ่มคุ้นหูของคนไทยจากภาพยนตร์เรื่อง “สุริโยไท”รับบทโดย “ใหม่ เจริญปุระ”แต่พอมาในเวอร์ชั่น one31 ได้ถูกตีความใหม่ตามมุมมองของคนเขียนบท จาก “หญิงร้าย” จะกลายเป็น “ผู้หญิงที่ต้องสู้” สู้เพื่อให้ตัวเองและแผ่นดินอยู่รอด ผ่านการแสดงของ “ใหม่ ดาวิกา โฮร์เน่” ที่ไม่ต้องสวมสบง แต่ก็ทรงพลังได้

และก็ไม่วายเกิดดรามาที่ตามติดตัวของสาวใหม่ในทุกๆ ครั้ง เวลาสวมชุดไทยว่า “หน้าฝรั่ง ยังไง? ก็สวมชุดไทยไม่ขึ้น” ซึ่งเจ้าตัวเคยตอบไปแล้วว่า ตนเองชื่นชอบชุดไทย และชอบสวมใส่ในทุกๆ ครั้ง และในทุกโอกาสที่ได้ใส่ก็ทำให้ดูสวยสง่า เหมาะสมกับสรีระของตัวเธอ และในบทของ “แม่หยัว” ที่เจ้าตัวได้รับนั้น รับรองถ้าใครได้ดูแล้วจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าสนมแต่ละคนเดินแบบสับๆ เหมือนมาจากแคตวอล์กกันเลยทีเดียว

รวมไปถึงความปังแบบฟอร์มยักษ์ ยังได้ “สันต์ ศรีแก้วหล่อ” มานั่งแท่นกำกับในผลงานลำดับที่ 38 ของเขา และเป็นเรื่องที่ 3 ของปีนี้ ไล่เรียงมาจากสงครามสมรส, บางกอกคณิกา และส่งท้ายปีด้วยแม่หยัว เจ้าตัวได้โพสต์ความรู้สึกเอาไว้ว่าเหตุผลที่รับทำเรื่องนี้เพราะได้เงินค่าผลิตมากกว่าละครปกติ และสัญญาว่าจะทำให้คุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ เพียงแค่หวังไปต่อท้ายเคียงบ่าเคียงไหล่กับโปรเจกต์ร้อยล้านได้บ้าง รวมไปถึงเป็นการอัปสกิล ลบคำปรามาสให้กับละครไทย ที่มักจะถูกเอาไปเปรียบเทียบกับต่างชาติอยู่เสมอว่า “ทำไม? ทำได้ไม่เท่าชาติอื่น” จึงทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ “กล้าเล่นใหญ่” แบบไม่มีกั๊กในทุกๆ องค์ประกอบ

นอกจากการเชือดเฉือนของอิสตรี “สนมเอกสี่ทิศ”ใน “วังหลัง” ที่รับบทโดย “เป้ย ปานวาด เหมมณี” รับบทเป็น “จิตรวดี” จากราชวงศ์สุพรรณภูมิ ทางทิศตะวันตก ได้รับการแต่งตั้งเป็น “ท้าวอินทรสุเรนทร์”, “บิ๊นท์ สิรีธร ลีห์อร่ามวัฒน์” รับบทเป็น “ละอองคำ” จากราชวงศ์พระร่วง ทางทิศเหนือ ได้รับการแต่งตั้งเป็น “ท้าวศรีจุฬาลักษณ์”, “เฟิร์น นพจิรา ฤกษ์ขจรนามกุล” รับบทเป็น “ตันหยง” จากราชวงศ์ศรีธรรมโศกราช ทางทิศใต้ ได้รับการแต่งตั้งเป็น “ท้าวอินทรเทวี” ส่วน “ใหม่ ดาวิกา” รับบทเป็น “จินดา” จากราชวงศ์ละโว้ ทางทิศตะวันออก ได้รับการแต่งตั้งเป็น “ท้าวศรีสุดาจันทร์” แต่ยังได้เห็นพิธีการถวายตัวโดยมีท่า “พับเป็ด” ซึ่งเป็นไวรัลตั้งแต่ปล่อยทีเซอร์ออกมา เพื่อจะสื่อถึงการพับขาไม่ให้ชี้ไปทางกษัตริย์ โดยปัจจุบันท่านี้เป็นหนึ่งในท่าโยคะ

ถ้าคิดว่าละครประวัติศาสตร์ บางคนอาจจะคิดว่าน่าเบื่อ แต่อยากให้ดูเพื่อความบันเทิงและความอลังการ ที่คนไทยทำแล้วก็ไม่แพ้ชาติใด เพราะถ้าคนไทยช่วยสนับสนุนกันอย่างต่อเนื่อง เงินในอุตสาหกรรมนี้ก็จะเพิ่มขึ้น จนทำให้เราทัดเทียมกับต่างชาติได้แบบสบายๆ



















กำลังโหลดความคิดเห็น