“เบนซ์ เรซซิ่ง” ลั่นไม่ยุติธรรม 18 บอส โดนขังในเรือนจำ ตอนนี้ยังถือว่าไม่ผิด ควรได้ประกันตัวออกมาสู้คดีข้างนอก ใส่กำไล EM จำกัดพื้นที่ไม่ให้ไปยุ่งกับหลักฐาน หรือแยกไม่ให้ไปรวมกับผู้ต้องหา
หลัง “เบนซ์ เรซซิ่ง” นักธุรกิจหนุ่ม อดีตสามีของ “แพท ณปภา ตันตระกูล” ได้ออกมาโพสต์ไอจีแชร์ความรู้ เรื่องการประกันตัวและปล่อยตัวช่วยคราว จากกรณีที่มีการจับกุมบอส 18 คน ของ THE iCON GROUP ในฐานะของผู้มีประสบการณ์มาก่อน ล่าสุดเมื่อวันศุกร์ ที่ 18 ตุลาคม ที่ผ่านมา เจ้าตัวก็ได้ไปร่วมพูดคุยกันถึงประเด็นนี้อีกครั้ง ในรายการเรื่องใหญ่รายวัน กับพิธีกร “อ๊อฟ ชัยนนท์ หาญคีรีรัตน์” พร้อมด้วย “ทนายเกิดผล แก้วเกิด” และ “อาจารย์ปรเมศวร์ อินทรชุมนุม” โดยเผยว่าเคสนี้ส่วนตัวรู้สึกไม่ยุติธรรม เพราะการที่ถูกคุมตัวไปอยู่ในเรือนจำมันยากต่อการสู้คดี เพราะไม่สะดวกในหาหลักฐาน ทำให้บางคนที่อาจจะสู้ได้ ก็กลายเป็นแพ้
“เบนซ์“ : “การที่ตัวเข้าไปอยู่ข้างใน มันยากต่อการสู้คดี อย่างผมบอกทนายเกิดผลครับ ให้ไปหาหลักฐานในโทรศัพท์ผม หรือในลิ้นชัก ในเก๊ะ มันยากไปหมด มันไม่สะดวก จากบางคนที่อาจจะสู้คดีได้ อาจจะกลายเป็นแพ้ก็ได้ เพราะหลักฐานที่เขาเตรียมหามันยาก”
ทนายเกิดผล : “ผมเห็นด้วยกับคุณเบนซ์ คือเวลาไปพบลูกความในเรือนจำ เขาก็อึดอัดใจที่จะคุย บางเรื่องเขาก็อยากจะฝากไปบอกให้เมียหรือแม่เขาทำ แต่ไปคุยแล้วแม่กับเมียเขาไม่ให้ความร่วมมือก็มี”
อ. ปรเมศวร์ : “ปกติเวลาคุยใช้โทรศัพท์ ผู้ต้องขังบางคนก็กลัวจะถูกดักฟัง ก็ไม่กล้าพูด แต่ผมเห็นด้วยกับคุณเบนซ์นะ”
เบนซ์ : “สิ่งที่ผมกำลังจะบอก คือวันนี้ถ้าได้ประกันตัวอาจจะค้านความรู้สึก แต่มันอาจจะมีวิธีทีดีกว่านี้ไหม ติดกำไล EM ได้ไหม จำกัดพื้นที่ อยู่ในบ้าน อยู่ในเขต อยู่ในกรุงเทพฯ เพื่อที่จะไม่ให้เขาไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน แล้วก็มาเตรียมต่อสู้คดีความ หรือจำกัดเวลาก็ได้ ว่าเข้าบ้านไม่เกินกี่โมง”
ทนายเกิดผล : “ผมคัดค้านเรื่องนี้นะ ส่วนตัวผม แต่ผมไม่ได้พูดถึงคดี THE iCON นะ คือความผิดฐานฉ้อโกงที่ผ่านมา มันมีผู้เสียหายเยอะ พอมันประกันตัวได้ มันก็ไปหลอกลวงคนอีก แล้วก็เอาเงินที่หลอกคนมาสู้คดี จนถูกจับเป็นหมายที่ 2-3 ก็ยังมี จนผมคิดว่าอัตราโทษฉ้อโกงมันน้อยไปหรือเปล่า มันเลยไม่กลัว พอหลอกได้เยอะ ผู้เสียหายเยอะ แล้วก็ประกันตัวได้ง่าย ผมเลยรู้สึกว่ามันควรไม่ให้ประกันนะในคดีแบบนี้”
เบนซ์ : “ในเคสนี้ผมได้มีการปรึกษากับท่านทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ผมมีความรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมเลย ยังไม่ถูกตัดสินว่าผิด แต่ต้องไปอยู่กับนักโทษ เขาก็รับแนวความคิดนี้ไว้แล้ว ต่อให้ศาลไม่อนุญาตประกันตัว เราไม่ไปก้าวล่วง แต่การที่เอาตัวไปคุมขังข้างใน คุณแยกปฏิบัติได้ไหม ให้สิทธิ์เขาได้มากกว่านี้ได้ไหม คนทำผิดเขายอมรับอยู่แล้วว่าเขาจะต้องเจออะไร จะติดกี่ปี แต่ผมเชื่อว่าในคดีนี้ปฏิเสธสู้คดีหมดครับ คือตอนนี้ก้าวขาเข้าไปเป็นนักโทษแล้ว ทั้งที่ยังไม่มีคำพิพากษา ผมเลยมีแนวคิดว่าคุณแยกการคุมขังได้ไหม ไม่ต้องไปสร้างเรือนจำใหม่หรอก แต่คุณแยกแดนไปเลย แยกเรือนจำไปเลย ให้สิทธิ์ในการเยี่ยมญาติ พบทนายความ ให้สิทธิ์เขาเต็มที่ในการสู้คดี”
