“ใหม่-เต๋อ” เปิดตัวทำธุรกิจร่วมกันครั้งแรก ตั้งบริษัททำซีรีส์แนวแซฟฟิกประเดิมความอยากของตัวเอง บอกเริ่มจากความอยากเล่นเอง แต่ทำไม่ได้ เพราะคนคงไม่อินจากภาพความเป็นแฟนกันของคู่ตนไปแล้ว บอกคงยังไม่แต่งเร็วๆ นี้ เพราะมีงานต้องทำอีกเยอะ
เรียกว่าเป็นธุรกิจแรกที่ทำด้วยกันเลยก็ว่าได้ สำหรับคู่รักคู่หวาน “ใหม่ ดาวิกา โฮร์เน่” กับพระเอกหนุ่ม “เต๋อ ฉันทวิชช์ ธนะเสวี” ที่ล่าสุดทั้งคู่ได้เปิดตัวนิยายแนวแซฟฟิก (ผู้หญิงรักผู้หญิง โดยไม่จำเป็นจะต้องเป็นผู้หญิงอย่างเดียว ซึ่ง แซฟฟิก ประกอบไปด้วย เลสเบี้ยน (Lesbian), ไบเซ็กชวล (Bisexual), แพนเซ็กชวล) เรื่อง ClaireBell ภายใต้สังกัดค่าย ไมน์ มีเดีย โปรดักชั่นในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่ 29ณ ฮอลล์ 7 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งสาวใหม่บอกว่าจริงๆ แล้วจะทำเป็นซีรีส์ต่อ และเป็นการสนองความต้องการของตัวเองด้วย เพราะตนอยากเล่นซีรีส์แนวแซฟฟิกมาก แต่คงไม่มีคนจ้าง และคนคงไม่เชื่อ
เต๋อ : “My media production เริ่มต้นจากเราสองคนทำงานอยู่ในวงการมาพักนึงก็รู้สึกว่ามีประสบการณ์อะไรมาเยอะ ก็เลยอยากจะถ่ายทอดสิ่งนี้ให้กับเด็กรุ่นใหม่ อยากจะเห็นเด็กเติบโตขึ้นมาเป็นนักแสดงที่มีคุณภาพ ก็เป็นไอเดียเริ่มต้นมาจากน้องใหม่ครับที่อยากจะปั้นเด็ก”
ใหม่ : “เราอยากทำซีรีส์ค่ะ พี่เต๋อเองก็เขียนบทพันล้านเนอะ พี่เต๋อเก่งเรื่องเขียนบท ก็เลยอยากให้มาทำซีรีส์ร่วมกัน และในการที่จะทำซีรีส์ขึ้นมาตัวใหม่เองก็อยากจะลองหานักแสดงเอง และถ้าเราได้นักแสดงที่มาเล่นเรื่องนี้ เราก็อยากจะดูแลเขาไปยาวๆ ค่ะ และที่มาทำซีรีส์แนวยูริ แน่นอนว่ากระแสกำลังมาใช่ไหมคะ ก็อาจจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ในเรื่องของธุรกิจ และใหม่รู้สึกว่าใหม่ชอบ อยากเล่นเอง รอค่ายไหนติดต่อมาเหมือนกัน ใหม่อยากเล่นมากค่ะ แต่คนก็อาจจะโฟกัสที่นักแสดง เหมือนเราที่ก็เลือกเด็กมาเล่น ค่ายต่างๆ ก็อาจจะไม่ได้เลือกอย่างเราไปเล่น เราก็ยังเลือกเด็กๆ ใหม่ๆ มาเล่นเลย คือใหม่ชอบเรื่องความรักหญิงหญิงอยู่แล้ว ก็เลยชวนพี่เต๋อมาทำ พี่เต๋อก็ยังไม่เคยค่ะ
ซึ่งโครงเรื่องนี้ก็มาจากใหม่เอง ใหม่รู้สึกว่ามันเท่มากเลย ใหม่อยากเล่นมาก ใหม่รู้สึกว่าตัวคาแรกเตอร์แคลเป็นอะไรที่น่าเล่นมาก และในที่ที่มันอันตราย คือเราเล่าเรื่องเกี่ยวกับคุกหญิง ในคุกใหม่เชื่อว่ามันมีหลากหลายสิ่งที่เกิดขึ้น และหนึ่งในนั้นก็น่าจะมีเรื่องของความรักใหม่ก็เลยหยิบเรื่องนี้มาเล่าค่ะ คือใหม่ชอบเสพพวกหนังเก่าๆ หนังฝรั่งฮอลลีวูดที่มันมีเรื่องราวเกิดขึ้นในคุก ใหม่รู้สึกว่าประทับใจมาก ดูแล้วบางทีร้องไห้ กินใจ เราก็เลยคิดว่าถ้ามันต่อยอดไปเรื่อยๆ มันจะเป็นยังไง ก็เลยเกิดเป็นไอเดียนี้ขึ้นมา”
เต๋อ : “จริงๆ ครั้งแรกที่ได้ฟังผมก็ยังเอ๊ะว่ามันจะไปยังไงต่อ ข้อแรกคือเราไม่เคยดูซีรีส์แนวยูริมาก่อน สองเป็นเรื่องรางในเรือนจำหญิง เรายิ่งห่างไกลมากเลย แต่เราก็ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าสิ่งที่มันน่าสนใจคือมันเป็นพื้นที่ที่คนรู้สึกว่าคนที่เข้าไปก็ต้องชดใช้ในความผิด มันจะมีความหดหู่ มีความน่ากลัว และเราอยากจะรู้ว่าข้างในเป็นยังไง ก็เลยคิดว่าถ้าที่นั่นมันมีความหวังเล็กๆ ที่เรียกว่าความรัก มันก็น่าจะมีอะไรที่น่าสนใจ คนน่าจะอยากเห็น ก็เลยเริ่มต้นจากจุดนั้นที่น้องใหม่ส่งมา ผมก็พยายามพัฒนาขึ้นมา ก็มีการรีเสิร์ชข้อมูล แล้วค่อยๆ เขียนต่อยอดๆ ขึ้นมาเรื่อยๆ ถามว่ายากไหม ยากเลยครับ แต่ก็ถือว่าสนุก เพราะมันเป็นโลกที่เรายังไม่เคยไป และพอลองได้เข้าไปสัมผัส ยิ่งเขียนก็ยิ่งรู้สึกหลงรักตัวละคร เขามีความน่ารัก เราก็ลุ้นตัวเขา อยากให้เขาคู่กัน”
ใหม่ : “อันนี้บทจะเสร็จก่อนซีรีส์ค่ะ พอจะเริ่มทำซีรีส์ก็เลยอยากมาเล่าในแบบของนิยายก่อน”
เต๋อ : “ถามว่าจุดเด่นของเรื่องนี้ต่างจากยูริเรื่องอื่นยังไง คือมันเป็นโจทย์แรกในการทำเรื่องนี้เลยครับ ว่าถ้าเราจะทำยูริ เราจะทำยูริในแบบที่ยังไม่เคยมีใครทำ และมันต้องมีความน่าสนใจในแบบที่เราอยากดู พอมันเป็นเรื่องในเรือนจำก็คิดว่ามันมีความน่าสนใจ”
ใหม่ : “และในมุมของนักแสดง ใหม่อยากทำอะไรที่ใหม่รู้สึกอยากเล่น เพราะมันไม่เคยเจอมาก่อน คิดว่าจะเจาะตลาดยากไหม ก็เสี่ยง แต่กล้าเสี่ยง เพราะเรารู้สึกว่าถ้าเราทำอะไรซ้ำๆ เดิมๆ มันก็จะไม่ได้มีอะไรมูฟไปข้างหน้าถ้าเราทำอันนี้แล้วก็ลองมาดูกันว่ามันเป็นอีกทางนึงที่ผู้ชมชอบหรือเปล่า หรือถูกใจใครหลายๆ คนไหม แต่ที่แน่ๆ ถูกใจใหม่กับพี่เต๋อ เรียกว่าสนองนี้ดส์ตัวเองในระดับนึงเลยค่ะ (หัวเราะ) ถ้าหาแคสไม่ได้จะเล่นเองเลยจริงๆ”
บอกอยากเล่นเองมาก แต่กลัวคนติดภาพความเป็นแฟนกับ “เต๋อ”
ใหม่ : “ถามว่าทำไมใหม่ไม่เล่นเอง คือคนคงไม่อินแล้ว (ชี้ไปที่เต๋อ) มีญาติผู้ใหญ่ยืนอยู่ตรงนี้”
เต๋อ : “เป็นญาติผู้ใหญ่ไปซะแล้ว (หัวเราะ) คือในแง่ของความเป็นซีรีย์ของยูริ ในโลกแห่งจินตนาการเขาสองคนนี้รักกัน แต่พอเป็นโลกจินตนาการของน้องใหม่ พอน้องใหม่เล่นปุ๊บจะมีหน้าผมโผล่ขึ้นมาในจินตนาการเรื่อยๆ มันก็เหมือนจิ้นไม่ได้เต็มที่”
ใหม่ : “ถ้าจะให้ใหม่เล่นก็คงต้องถามคนดูว่าโอเคไหม ถ้าโอเค ให้เล่นได้ ใหม่ก็จะลุย บอกตรงๆ ว่าอยากเล่นค่ะ ถ้าไม่มีคนทำเดี๋ยวทำเองก็ได้ ส่วนเรื่องนี้เป็นเจ๊ดัน ปั้นเด็ก”
เต๋อ : “ตอนนี้ก็ยังหานักแสดงหลักสองคนอยู่นะครับ เพราะสุดท้ายรู้สึกว่าเรายังสามารถสำรวจไปเรื่อยๆ กับตัวละครสองตัวนี้”
ใหม่ : “ตราบใดที่โปรเจกต์ยังไม่เปิดกล้อง ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงได้ เหมือนเด็กในค่ายเรา เราก็อยากให้เขาได้เล่นแหละแต่ทุกอย่างมันพัฒนาไปเรื่อยๆ”
เต๋อ : “เขาก็ต้องมาแคสตว่าเขาเหมาะสมกับบทจริงๆ ตอนนี้เหมือนว่ากำลังชั่งน้ำหนักดูว่าอะไรเวิร์กกับเราที่สุด เหมาะสมที่สุด”
ใหม่ : “อาจจะมีโปรดักชั่นหลักๆ ที่เราต้องการด้วยค่ะ ตอนนี้ไม่กังวลเลยค่ะ”
เต๋อ : “สปอนเซอร์ก็มีเข้ามาบ้างครับ แต่ตอนนี้สปอนเซอร์หลักยังเป็นเราสองคนอยู่”
ใหม่ : “ใหม่ก็มีค่ะ มีคนไลน์มาเยอะอยู่ค่ะ เป็นก้อนเงินที่ค่อนข้างเราเปิดได้เลย แต่แค่เรายังรู้สึกว่าพัฒนามันไปได้ไหม”
เต๋อ : “ดูว่าเขาสามารถอยู่ร่วมกับเราในฐานะแบบใดได้บ้าง”
บอกยังไม่ถือเป็นธุรกิจเพื่ออนาคตร่วมกัน ขอลุยงานให้เต็มที่ก่อน เรื่องแต่งค่อยว่ากัน
ใหม่ : “ยังไม่เรียกว่าธุรกิจครอบครัวค่ะ เพราะเขายังไม่ขอแต่งงาน เรียกครอบครัวไม่ได้”
เต๋อ : “เรียกธุรกิจแฟน”
ใหม่ : “ถามว่าหวั่นใจเรื่องธุรกิจไหม หวั่นใจว่ามันจะเป็นไปได้ด้วยดีไหม แต่อย่างน้อยมันออกมายังไง ดีไม่ดี สุดท้ายแล้วสิ่งที่ได้คือใหม่ได้ลองทำแค่นี้ก็โอเคแล้ว ไม่เคยรีเควสหรือเสียใจทีหลัง เพราะว่าอันนี้ใหม่ได้บทเรียน ส่วนเมื่อไหร่จะมีข่าวดี นั่นสิ”
เต๋อ : “ข่าวดีคือถูกลอตเตอรี่เหรอครับ จริงๆ ล่าสุดที่มีการถามไปก็ 1- 2 อาทิตย์ที่แล้วเอง ก็ยังคงตอบเหมือนเดิมครับ ใจน่ะอยากอยู่แล้วแหละ แต่ตอนนี้มันมีอะไรให้ทำเยอะจริงๆ โปรเจกต์นี้เราก็ต้องทำด้วยกัน อยากจะโฟกัสกับมันให้ดีที่สุดก่อน ถ้ามันประสบความสำเร็จหลังจากนี้ก็ไม่แน่”
ใหม่ : “รีบๆ หน่อย อายุก็เยอะขึ้นเรื่อยๆ แต่งานมันเยอะจริงๆ ค่ะ”
เต๋อ : “ถ้ามันเหมาะสม จริงๆ ได้เริ่มต้นจากการเป็นครอบครัวก็น่าจะดี แต่อย่างที่บอกมีอะไรให้ทำเยอะจริงๆ มันโฟกัสเยอะมาก ถ้าเอาเรื่องนี้เข้ามา มันจะกลายเป็นว่าแล้วเราจะลำดับความสำคัญอะไรไว้เบอร์ 1”
บอกยังไงก็ไม่เฟดจากงานเบื้องหน้า
ใหม่ : “ส่วนตัวใหม่เองไม่มีทางเฟดอยู่แล้ว ไม่มีทาง เขาเรียกว่าเหมือนเป็นการเตรียมตัวที่เราจะขยับขยายในอนาคตว่าเราจะทำอะไรได้เพิ่มเพื่อรันวงการไปอีก เพราะพวกเราอาจจะกลายเป็นบุคลากรหรือกูรูของวงการ เราก็ใช้ความรู้ที่เราเรียนมาจากพี่ๆ หลายๆ ท่านมาทำอะไรให้เกิดประโยชน์ สร้างรอยยิ้ม สร้างหนัง และสร้างรายได้ สำหรับโปรเจกต์นี้ใหม่รู้สึกว่าถ้าเรารักอะไร เราก็จะมีเวลาให้มัน เหมือนคู่รัก เหมือนถ้าเรามีแฟน แล้วรักแฟน มันจะไม่มีคำว่าไม่มีเวลาให้ ก็เหมือนงานที่เรารับแหละ ยังไงเราก็มีเวลาให้มัน ถ้าเรารักที่จะทำมันจริงๆ นอกจากเราจะเหนื่อยหรือเบื่อ อันนั้นเราอาจจะมีข้ออ้างว่าไม่อยากทำ”
เต๋อ : “ถามว่าผมจะลงมาทำเบื้องหลังเต็มตัวเลยไหม จริงๆ เบื้องหลังผมก็อยู่มานานพอสมควรแล้ว เดี๋ยวมีภาพยนตร์ที่กำลังเข้าฉาย และผมก็มีถ่ายภาพยนตร์เรื่องต่อไปอีก ส่วนน้องใหม่งานก็จะเยอะอยู่เหมือนกันครับ ซึ่งจริงๆ ผมนับถือเขามากเลยนะครับ เพราะในพาร์ตนี้เป็นช่วงที่เขาต้องดูแลเยอะมากกับเด็กๆ เพราะว่าของผมพาร์ตโปรดักชั่น ซึ่งยังไม่ถึงจุดที่ต้องทำโปรดักชั่นของผมเขียนบทเสร็จก็คล้ายว่าโอเคแล้ว ชิลล์ แต่เขาต้องดูแลเยอะ”
ใหม่ : “แต่ใหม่รันวงการต่อ”
เต๋อ: “มีเวลาไหมเหรอ มีๆ ก็มีบ้างครับ”
ใหม่ : “ไม่มีเวลานะ เวลาที่จะไปเดตก็ไม่ได้เดต”
เต๋อ : "เวลาทำงานก็แอบขโมยโมเมนต์โรแมนติกบ้าง อย่างคุยงานกันอยู่ก็แวะไปชมเขาว่าวันนี้สวย แล้วกลับมาคุยกันต่อ”
เป็นสไตลิสต์ส่วนตัวให้เต๋อ เพราะคบกันแล้วอยากให้อีกฝ่ายหล่อและดูเด็กลง
ใหม่ : “ใหม่ใส่ใจมากค่ะ เพราะรู้สึกว่าเราคบกันแล้วต้องดูดี และพี่เต๋อต้องดูหล่อขึ้น และดูเด็กลงหรือเปล่าคะ”
เต๋อ : “ซึ่งดูหล่อขึ้นและดูเด็กลงเนอะ แรกๆ เขินนะ แต่หลังๆ รู้สึกดีมาก เพราะเราก็จะรู้มากขึ้นว่าการไปไหนยังไงเราควรจะแต่งตัวแบบไหนเรื่องแฟชั่นหรือสไตลิสต์เขาเป็นเบอร์หนึ่งอยู่แล้ว”
ใหม่ : “แต่หลังๆ ไม่ค่อยได้ดูให้แล้วนะคะ เพราะเก่งแล้ว แต่ช่วงปีแรกจนถึงปีที่แล้วก็ยังดูให้แบบจริงๆ แต่หลังๆ มาก็ไม่ได้ดูให้แล้วค่ะ น่าจะสักเดือนนึงแล้วเนอะ เวลาไปงานคู่ต้องแมชต์กันไหม ไม่ต้องแมชต์ค่ะ แต่ต้องออกมาแล้วทั้งคู่ต้องดูดีในแบบของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องเสื้อคู่ แต่ก็ต้องไม่ให้พี่เต๋อรู้สึกอึดอัดด้วย”
เต๋อ : “เขาเหมือนค่อยๆ พัฒนาสไตล์เราโดยที่เราไม่รู้สึกอึดอัด มีแค่บางวันชุดเรามันหายไปเท่านั้นเอง ไม่รู้ไปไหน ก็จะเหลือแต่สิ่งที่เหมาะกับเรา แต่แฮปปี้มากครับ”
ใหม่ : “ไม่ต้องเสียค่าสไตลิสต์ แต่ใครเหนื่อย”