“ไบร์ท นรภัทร” เผยให้ของขวัญตัวเองช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา คือการหักดิบ เลิกเที่ยว เลิกเหล้า ไม่ลงแดง กินอีกนี่หมา! บอกที่ผ่านมาใช้ชีวิตเสี่ยงมาก ตอนนี้เปลี่ยนพฤติกรรมทั้งหมด ตื่นเช้าขึ้น รักษาสุขภาพ ไม่ซีเรียสคนติดภาพนักเที่ยว เดี๋ยวคนจะเปลี่ยนภาพจำไปเอง
ตอนนี้แฟนๆ และคนใกล้ชิดคงต้องเรียกพระเอกหนุ่ม “ไบร์ท นรภัทร วิไลพันธุ์” ว่า นิวไบร์ท แล้ว เพราะเจ้าตัวบอกว่าตอนนี้เปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองใหม่ เลิกเป็นหนุ่มกลางคืน เลิกเที่ยว เลิกเหล้าแบบหักดิบมาเกือบปีแล้ว บอกอยากให้เป็นของขวัญวันเกิดตัวเอง เพราะไม่อยากถลำลึกไปมากกว่านี้
“ละครเรื่องใหม่เรื่องบนพระจันทร์มีกระต่าย เป็นโปรเจกต์ที่ติดต่อไว้ตั้งแต่สมัยยังก๋ากั๋นในโลกกลางคืนอยู่ ก็เลยเป็นผลพวงมาถึงปัจจุบัน ตอนนี้เราเซย์โนแล้ว แต่เราก็ยังเล่นได้ อีก 2 เดือนจะครบปีแล้วที่ไม่ได้ไปเที่ยว ไม่ได้ดื่มเลย ผมดื่มล่าสุดเมื่อวันเกิดตัวเองสิ้นปีที่แล้ว ถามว่าอึดอัดไหม ก็ไม่นะ ตอนนี้สบายมาก แต่แรกๆ มันยากมาก เพราะเหงามากเลย เพราะเพื่อนๆ เราก็มีแต่แบบนั้น สาเหตุที่ทำให้พอกับมัน ผมรู้สึกว่าผมเลยเถิดไป ผมควบคุมตัวเองไม่ได้ มันไปเรื่อย แล้วมันน่าจะนำพาเราไปหาสิ่งไม่ดี มันนำไปหลายรอบแล้วแหละ แต่กลัวมันจะถลำลึกไปอีกเรื่อยๆ
มันมีหลายเรื่องมากที่รู้สึกว่าเราถลำลึกไป สตอรี่มันดาร์กมาก คือผมไปเรื่อย ใครชวนก็ไป ถ้าเรามาคิดตอนมีสติมันก็อันตรายนะ แต่ตอนไม่มีสติเราก็สนุกสนาน แล้วยิ่งเราทำงานแบบนี้ด้วย มันก็มีสิทธิจะเสียหายได้ง่ายๆ เลย ก็เลยเลิก และเรื่องสุขภาพด้วย โทรมมาก นอนไม่เป็นเวลา ทำงานหนักแต่ก็ยังอยากไปเที่ยวอยู่ ก็เลยรู้สึกว่าเราควรจะเริ่มโตขึ้นแล้ว วันเกิดก็ขอตัดสิ่งไม่ดีออกจากชีวิตสักอย่างแล้วกัน
ก็ตัดสินใจก่อนวันเกิดแป๊บนึงว่าขอเป็นของขวัญให้ตัวเอง เราไม่รู้ว่าใครจะให้อะไรเรา แต่เราขอให้เรื่องนี้กับตัวเองแล้วกัน ก็ทิ้งท้ายวันเกิดเลย จัดเต็มสุดเหวี่ยง ก็อายุ 26 ปีเต็ม ก็คิดว่าส่งท้าย เพื่อนๆ ก็มากันมากมาย แล้วก็เลิกเลย พอห่างมามันก็แค่ว้าวุ่น แต่ไม่ถึงกับลงแดง ผมว่ามันอยู่ที่ใจเลยนะ ถ้าเราคิดจะไม่ก็คือไม่ คือผมเป็นคนชอบหักดิบ แต่ถ้าพูดแล้วกลับไปกินนี่หมาเลยนะเนี่ย (หัวเราะ)”
เปลี่ยนพฤติกรรมทุกอย่าง ตื่นเช้า ออกกำลังกายมากขึ้น
“แต่ช่วงแรกยอมรับว่ามันยากครับ เพราะเราคลุกคลีกับสังคมแบบนั้น เราออกทุกคืน เที่ยวตลอด เพื่อนสนิทก็จะอยู่ในวงเหล้า คิดอะไรไม่ออกก็จะร้านเหล้า ไปเที่ยว จะหาใครสักคนก็ร้านเหล้า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับร้านเหล้าหมดเลย พอวันนึงไม่มีแล้วก็อาจจะว้าวุ่นหน่อย ผมเคยโพสต์ไอจีตอนแรกๆ ว่าหาเพื่อนไปวิ่งตอนเช้า คือเราต้องเปลี่ยนพฤติกรรม เรื่องออกกำลังกายตอนช่วงกินเหล้านี่ไม่รู้จักเลย แต่พอหลังจากที่เลิกกินเหล้าเราก็เปลี่ยนพฤติกรรมทั้งหมดเลย พยายามกินของดีๆ พยายามตื่นเช้ามาทำอะไรมากขึ้น เปลี่ยนจากตื่น 5 โมงเย็นมาเป็น 6 โมงเช้า จูงหมาไปขี้ (หัวเราะ) ทำเพราะความตั้งใจว่าจะทำ แต่ถามว่าอยากทำไหมก็ไม่ได้อยากทำ แต่ก็ทำไปเรื่อยๆ จนรู้สึกว่ามันก็โอเคนี่หว่า ก็เป็นชีวิตที่ดีไปอีกแบบนะ ได้เจอป้าๆ ตอนเช้าๆ ในหมู่บ้าน
ตอนนี้สุขภาพดีครับ ไม่เหนื่อย รู้สึกว่าไหว เมื่อก่อนเหมือนมีเหล้าอยู่ในเลือดตลอด พอวันนึงมันคลีนก็รู้สึกสดชื่น นอนเต็มตื่น ตื่นมาก็สดชื่น ทำงานได้ แต่ 6 เดือนแรกไม่มีใครเชื่อผมเลย พ่อแม่แรกๆ ตอนที่เที่ยวก็มีเตือนบ้าง แต่เขาก็ไม่ได้กีดกันหรือห้ามอะไรเท่าไหร่ แต่พอเลิกเขาก็คงแปลกใจ แต่ไม่ได้ถามอะไร เราก็ไม่ได้เล่าอะไร แค่บอกว่าเลิกแล้ว ไม่เอาแล้ว”
ไม่โกรธถ้าใครยังติดภาพเดิม แต่ต่อไปเชื่อว่าคนจะจำภาพใหม่ได้
“ก็เคยไปร้านเหล้าครั้งนึงนะตอนที่เลิกแล้วเนี่ย รู้สึกเบื่อมากเลย เพราะเราไม่กินเหล้าแล้วไง ก็อยู่ได้นะ แต่ไม่รู้จะอยู่ทำไม ก็หวังว่าโปรเจกต์เลิกเหล้านี่จะอยู่ตลอดไปนะ แต่เอาจริงๆ ผมก็ไม่ได้ใช้ชีวิตกินเหล้าทุกวันขนาดนั้นนะ แต่ก็ทุกครั้งที่ปิดกล้อง พอปิดกล้องเราก็เต็มที่ คือไม่ได้คิดถึงเรื่องสุขภาพเลย คิดแค่ว่าเราเพิ่ง 20 กว่า ยังสบาย ต่อให้กินถึงตี 3 ลากถึงเที่ยง นอนแป๊บนึงออกไปกินหม่าล่าแล้วไปเที่ยวต่อก็ยังได้ มันเป็นวนลูปจริงๆ
แต่ก็อยู่ที่เพื่อนด้วยพูดตรงๆ ยิ่งเพื่อนผู้ชายก็ไม่ค่อยขัดกันอยู่แล้ว ก็ไปเรื่อย ไปกันใหญ่ ทุกวันนี้เพื่อนก็น้อยลงเยอะเลยครับ (หัวเราะ) ภาพที่คนมองเราว่าเป็นนักเที่ยวก็เข้าใจได้นะ ไม่โกรธโทษใครเลย เราก็เคยเป็นอย่างนั้น แต่ก็คิดว่าแล้วไงล่ะ ถ้าเราเป็นอย่างทุกวันนี้ได้จริง เดี๋ยวภาพมันก็เปลี่ยนเองแหละ”
บอกเตรียมไปบาร์โฮสเพื่อศึกษาพฤติกรรมมาแสดงในละคร
“ที่ยังมีละครแนวนี้ให้เล่นอยู่ คนอาจจะจำเราในภาพนั้นไปแล้ว แต่เราก็ไม่จำเป็นต้องเป็นอย่างนั้นก็ได้นี่ เราก็ยังคงทำงานได้ สบายมาก ที่เล่นได้เนียนๆ ก็เรียกว่าเราเข้าใจ แต่พอเราศึกษาจนเข้าใจ เราก็ละมันทิ้งไป แต่เรื่องนี้ก็ไม่ค่อยหนักเรื่องเปลืองเนื้อเปลืองตัวนะ แต่เน้นไปเรื่องรักๆ แนวดรามามากกว่า จริงๆ เคยคุยกับเด็กโฮสมาบ้างว่าเป็นยังไง เก็บรายละเอียดข้อมูลมาประมาณนึง แต่ยังไม่เคยไปสถานที่จริง แต่ก็คิดอยู่เหมือนกันว่าคงได้ไปสักครั้ง แต่ที่ไปคุยกับเด็กโฮสคือเราถามเรื่องแบ็กกราวด์มากกว่าว่าทำไมถึงทำ ทำแล้วรู้สึกยังไง แล้วคนที่บ้านรู้ไหม มีแฟนหรือเปล่า แฟนโอเคเหรอ เราก็เก็บข้อมูล เพราะมันก็คือชีวิตตัวละครของเรา”
