“หน่อย บุษกร” ชื่นใจ “น้องคุน” เดินแบบ เริ่มหาเงินเองได้ในวัย 16 ปี ลั่นต่อไปจะนั่งแบมือขอเงินลูก เตรียมเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้เพราะว่าง ปลื้มลูกชายทำหนังสั้น งบ 4 พัน แต่ดันไปถูกใจต่างประเทศ ปล่อยเรื่องสาวๆ อย่าไปยึดติดชีวิต ไม่เสียใจไร้งานผู้จัด ยอมรับและปรับตัว เป็นเรื่องสถานการณ์โลก
เริ่มมาสายเดินแบบแล้ว สำหรับ “น้องคุน คุนนธรรม วงศ์พัวพันธ์” ลูกชาย “หน่อย บุษกร - เคน ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์” ล่าสุดเจ้าตัวมารับเดินแบบในงาน “DAKS” เฉลิมฉลอง "130th Anniversary Collection" ณ ชั้น 3 ห้อง Great Room, W Hotel Bangkok สาธร คุณแม่ก็ตามมาให้กำลังใจด้วยความชื่นอกชื่นใจ อายุเท่านี้ หาเงินเองได้แล้ว
หน่อย : “ชื่นใจค่ะ จริงๆ มี 2 หน่อ อีกหน่อนึงเขาก็อยากมาเชียร์พี่เขานะ แต่เผอิญไม่สบาย ก็เลยกลับบ้านไปก่อน อยากจะมานั่งดูพี่ ไม่ได้เดินด้วย เพราะมีน้องๆ อีกหลายคน ครอบครัวอื่นก็ต้องรับบ้าง (หัวเราะ) จริงๆ เราก็ตื่นเต้นกับเขานะ คุนตื่นเต้นไหมลูก”
น้องคุน : “ตื่นเต้นครับ ก็พยายามโฟกัสกับเวลาเดิน พยายามจะไม่สนใจว่าแม่กรี๊ดหรือเปล่า”
หน่อย : “วันนี้ก็เทรนนิดหน่อยค่ะ แค่บอกว่ามาเดินแบบก็ต้องอดทน ต้องรอ พอใส่เสื้อแล้วจะมานั่งไม่ได้ ต้องยืนทนรอไปนะก็บอกเขาตั้งแต่วันที่รู้ว่าเขาจะได้ทำงานเลย ก็บอกเขาว่างานเดินแบบจะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย ลูกต้องรู้จักอดทนทุกงานแหละ เพราะมันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่ลูกคิดนะ ก็ฟังพี่ป้าน้าอาที่เขาคอยสอนเรา ฟังคิวงาน ก็จะบอกเขา”
น้องคุน : “ตอนนี้เริ่มชอบแล้วครับ”
หน่อย : “สนับสนุนเต็มที่ค่ะ ตอนนี้แม่ให้ลูกทำงานหาเงินแล้วค่ะ เพราะว่าแม่จะแบมือขอเงินลูกแล้ว (หัวเราะ)ถามว่ามีแววด้านไหน ก็ได้หมดนะ จริงๆ พี่คุนเขาชอบกล้อง ชอบอยู่หลังกล้องมากกว่า เขาชอบอยู่เบื้องหลัง ชอบเป็นผู้กำกับ เป็นตากล้อง มีทำหนังสั้นของตัวเองค่ะ”
น้องคุน : “ตอนนี้ก็ชอบเดินแบบ เพราะเริ่มเคยทำบ้างแล้วครับ แต่งานแสดงยังไม่เคย”
หน่อย : “เริ่มมีแฟนคลับสาวๆ บ้างนิดหน่อย ไม่หวงหรอก จริงๆ ก็แล้วแต่เขานะ จริงๆ เราก็ปล่อยเขานะ อยากทำอะไรก็ทำ พอวันทำงานก็ให้ดูแลตัวเองดีๆ รับผิดชอบงานที่ทำ”
จากแฟนคลับพ่อแม่ ย้ายไปเป็นแฟนคลับลูก ภูมิใจน้องคุนทำงานแล้ว
น้องคุน : “ฟีดแบ็กก็ไม่ค่อยเช็กครับ ส่วนใหญ่จะฟังจากพ่อกับแม่ว่าเขาจะว่ายังไงบ้าง”
หน่อย : “แต่แฟนคลับเราบอกว่าจากแฟนคลับพ่อกับแม่ ตอนนี้ขอย้ายไปเป็นแฟนคลับลูกแล้ว กระจายรายได้ ก็ภูมิใจนะคะ เหมือนที่เคนเขาก็บอกว่าสนับสนุน เพราะตอนนี้ลูกก็ 16 แล้ว โตแล้ว ทำงานได้แล้ว อะไรที่อยากทำก็ทำ พอมีคนติดต่อให้ทำงาน ลูกก็หาเงินได้แล้วก็ต้องหาเงินเนอะ ถามว่าเร็วไปไหม หน่อยคิดว่าไม่เร็วนะ เพราะเขาก็ดูแลรับผิดชอบตัวเองได้แล้ว ลูกว่าเร็วไปไหม”
น้องคุน : “ก็ไม่เร็วครับ แต่ก็ค่อยๆ ทำไปเรื่อยๆ”
แม่ว่างเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้ น้องคุนไม่แบ่งเงิน เก็บไว้เอง
หน่อย : “เราก็จะถามเขาก่อนว่ามีงานนี้นะคุน อันนี้เป็นเสื้อผ้าลูกโอเคไหม ถ้าโอเคเขาก็จะบอกว่าขอดูหน่อยแม่ว่าเป็นแบรนด์อะไร พอบอกเขาก็ไปเสิร์จหาเอง ตอนนี้เป็นผู้จัดการส่วนตัวค่ะ (หัวเราะ) ก็รับงานให้ทั้งครอบครัวเลย เพราะตอนนี้แม่ก็ว่าง (หัวเราะ)”
น้องคุน : “ถามว่าแบ่งผู้จัดการไหม เก็บเองครับ (หัวเราะ)”
หน่อย : “เขาก็หาเงินเรียนเองไง หน่อยก็บอกว่าถ้าลูกอยากเรียนอะไร หรืออยากทำอะไรเพิ่มเติมก็ใช้เงินตัวเอง”
น้องคุน : “ส่วนใหญ่ก็เก็บไว้เวลาออกไปกินข้าวเอง ถ้าไม่ได้ไปกับพ่อแม่ก็จะได้มีเงินตรงนี้ไว้ใช้ แล้วก็ซื้ออุปกรณ์ถ่ายรูปครับ ก็จะซื้อกล้อง ซื้อเลนส์”
พร้อมรับละคร แต่ยังไม่มีบทที่ถูกใจ
หน่อย : “ก็พร้อมนะ เพราะว่าพี่คุนเขาก็เคยดูบท แล้วก็ดูว่าสนใจไหม”
น้องคุน : “ยังไม่ได้มีบทไหนที่ชอบเป็นพิเศษครับ ก็คงดูเป็นเรื่องๆ ไป แต่ก็ยังไม่ค่อยมีประสบการณ์ด้านนี้ครับ แต่ชอบบทที่พ่อเล่นในหนัง มันเท่ดีครับ”
หน่อย : “ยังไม่มีใครจีบ มีแต่งานแบบนี้แหละ แต่ถ้าเขาอยากรับจริงๆ ก็คงต้องส่งไปเรียนการแสดงค่ะ เดี๋ยวต้องดูก่อนว่าบทมายังไง ก็ค่อยคุยกันอีกที ใช้เวลาช่วงปิดเทอมก็พอได้ บอกแล้วว่าแม่ร้อนเงิน รับเลย”
อวยพรแม่ ขอให้แข็งแรง อยู่ด้วยกันไปนานๆ หน่อยแซวลูกอย่าไปหาสาวก่อนแล้วกัน
น้องคุน : “ก็แฮปปี้เบิร์ธเดย์ครับ ตื่นมาก็แฮปฯ เลยครับ ก็อวยพรให้แม่แข็งแรงๆ แล้วก็อยู่ด้วยกันไปนานๆ ครับ”
หน่อย : “ลูกอย่าไปหาสาวก่อนแล้วกัน (หัวเราะ) แต่เอาจริงๆ ก็ไม่ได้หวงนะ ได้เลย แต่วันเกิดปีนี้จริงๆ พอถึงวัยนี้แล้วอะไรก็ได้ อะไรที่เรามีความสุขก็ทำไปเถอะอย่าไปคิดอะไรกับชีวิตเยอะ เหลืออีกกี่ปีข้างหน้าก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวกับคนที่เรารัก ถามว่าห่วงอะไรเขา ก็ไม่นะ เพราะรู้สึกว่าลูกเราก็เป็นเด็กดี ได้ดั่งใจ เขารู้จักรับผิดชอบ เรื่องเรียนก็เรียนตามหน้าที่ของตัวเอง ถึงจะไม่ได้เรียนเก่งมาก ก็รับผิดชอบได้”
น้องคุน : “ก็ไม่ได้ห่วงอะไรครับ เพราะอยู่ด้วยกันตลอด แล้วก็ค่อนข้างสนิทกันมาก คุยกันตลอด มีเรื่องอะไรก็ปรึกษากันตลอด”
ไม่มีงานผู้จัด ยอมรับและปรับตัว เป็นเรื่องสถานการณ์โลก
หน่อย : “ไม่มีค่ะ โชคดีที่ไม่มีอะไรอยู่ในสต็อก ต้องบอกว่าเราก็ต้องยอมรับและปรับตัวแหละค่ะ ก็เหมือนสมัยก่อนที่หน่อยอยู่ในยุคนิตยสาร พอวันนึงนิตยสาร สิ่งพิมพ์ก็หายไป ก็เข้าใจนะ เราก็ต้องยอมรับและปรับตัว คือมันเป็นเรื่องของสถานการณ์โลก เหมือนโลกมันเปลี่ยนเร็วมาก ทุกคนก็จะไปอยู่ในแพลตฟอร์มต่างๆ ถามว่าเราได้รับผลกระทบไหม ก็ได้รับ แต่ก็ต้องปรับตัว คือตอนนี้มันมีสื่อโซเชียลเยอะมากที่ให้เราได้เสพแพลตฟอร์มต่างๆ เราก็ต้องยอมรับ ไม่ได้รู้สึกว่าเศร้า น้อยใจ เสียใจ ก็ไม่ เพราะทุกคนก็ได้รับผลกระทบกันหมด ก็ไปหาสิ่งที่ดูว่าจะทำอะไรต่อไปดีกว่า
ก็ยังไม่ได้คุยกับใคร แต่ถ้ามีใครติดต่อให้ไปเล่นละครก็เล่นนะตอนนี้ (หัวเราะ) ก็คงจะเล่นละครไป แต่ถ้าวันนึงมีเรื่องที่อยากทำจริงๆ เราอาจจะไปติดต่อที่ไหนก็ได้ อย่างน้องคุนอายุ 16 ทำหนังสั้น 10 นาที เขาทำของเขาเองแล้ว แล้วก็ส่งประกวดด้วย มีที่ไหนติดต่อมานะ”
น้องคุน : “ก็มีต่างประเทศติดต่อมาครับ กำลังอยู่ในระหว่างพิจารณาครับ”
หน่อย : “เด็กแค่นี้เขาก็ทำหนังกันแล้ว เขียนบทเอง กำกับเอง ถ่ายเอง แล้วก็ให้เพื่อนเล่น แล้วก็มาติดต่อแม่ว่ามาเล่นเป็นแม่ให้หน่อย (หัวเราะ) ตัดต่อเอง ลงเสียงเอง ทำเองทุกอย่างเลย เราก็ต้องยอมรับนะว่าเดี๋ยวนี้เด็กเขาคิดแบบนี้กัน”
น้องคุน : “ที่ชอบทำเพราะเหมือนซึมซับจากพ่อแม่มาตั้งแต่เด็กด้วยครับ ชอบเล่นถ่ายกับเองกับพ่อแม่อยู่แล้ว เล่นเป็นผู้กำกับ แล้วก็ชอบดูหนัง ก็ซึมซับมาเรื่อยๆ ครับ”
หน่อย : “เขามีพ่อเป็นที่ปรึกษา พ่อเขาก็แค่บอกว่าลองแบบนี้ๆ ดูไหม สุดท้ายแล้วมันก็เป็นความภูมิใจของเขาเองค่ะ แต่เขาทำหนังสั้นใช้งบ 4,000 บาทเองนะ แต่ไปถูกใจต่างประเทศแล้ว ก็ต้องรอดูว่าเขาจะตอบกลับมายังไงค่ะ ส่วนพี่เคนจะมีภาพยนตร์ค่ะ ใกล้จะถ่ายแล้ว เดี๋ยวคงได้ดูกัน”
