xs
xsm
sm
md
lg

จาก Forex สู่ THE iCON บทเรียนดารา เหยื่อธุรกิจ หรือ ทำนาบนหลังคน? (คลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กลายเป็นประเด็นใหญ่โต กับกรณีผู้เสียหายออกมาร้องเป็นจำนวนมาก อ้างถูก THE iCON GROUPหลอกขายฝัน เสียเงินเป็นแสน บางรายสูญเป็นล้าน สิ้นเนื้อประดาตัว แม้ “บอสพอล วรัตน์พล วรัทย์วรกุล” ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง THE iCON GROUP จะออกมายืนยันความบริสุทธิ์ในฝั่งตัวเอง พร้อมเดินเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่กระแสสังคมก็ยังโจมตี ลามไปถึงดารา คนดัง ที่เคยร่วมกิจกรรม ทั้งเป็นพรีเซ็นเตอร์ และรับตำแหน่งต่างๆ ใน THE iCON GROUP



เปิดกลยุทธ์การขาย สะกดจิตสร้างความฮึกเหิม โดยใช้ชื่อดารา ทำให้น่าเชื่อถือ
จุดเริ่มต้นในการดึงดูดความสนใจของผู้คน คือการยิงแอดโฆษณา ที่ระบุว่าอยู่บ้านเฉยๆ ก็ได้เงินแสน เพียงแค่เข้าคอร์สเรียนกลยุทธ์การขายทั้งติ๊กต๊อก เฟซบุ๊ก ในราคาเริ่มต้น 97 98 99 บาท บางคอร์สเรียนฟรี 3 วัน ระหว่างเรียนมีการพูดจาหว่านล้อม ยกเคสคนที่ประสบความสำเร็จ หรือเคสโดนใจ เอามาสร้างแรงบันดาลใจ รวมทั้งดึงดารา คนดังมาสร้างความน่าเชื่อถือ หว่านล้อมต่างๆ นานาให้ผู้เรียนเกิดความฮึกเหิม จนยอมร่วมลงทุนเปิดบิล ไล่ตั้งแต่ 2,500 บาท , 25,000 บาท สำหรับร้านค้าส่งขนาดเล็ก , 250,000 บาท สำหรับร้านค้าส่งขนาดใหญ่ ล็อกกลุ่มเป้าหมายคือกลุ่มวัยกลางคน คนในวัยเกษียณ และนักศึกษาจบใหม่ ที่อยากสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้ตัวเอง

ข้อมูลจากผู้เสียหาย ต่างเผยว่า ในระยะหลัง แม่ทีมจะเริ่มพูดโน้มน้าวใจ ให้หาคนมาต่อสาย กฎคือ “ไม่มีไม่ได้” อยากมีชีวิตใหม่ก็ต้องเอาชีวิตเก่ามาแลก สะกดจิตให้กู้เงินมาลงทุน กดบัตรเครดิต ให้ขายบ้าน ขายรถ ขายฝันต่างๆ นานา สุดท้ายเหยื่อหมดเงินไปกับค่ายิงแอดโฆษณา สินค้าขายไม่ได้ กลายเป็นสินค้าค้างสต็อก ทั้งที่ทางบริษัท มีการรับรองว่า “ไม่ต้องกลัวจะขายไม่ได้” บายรายเกิดความเครียดสินค้าขายไม่ออก เงินจม ตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง

คิดว่าจะเข็ด เคยมีบทเรียนมาแล้วจาก “เมจิกสกิน”
คนในวงการบันเทิงที่แม้จะหาเงินได้มากจากการแสดงอยู่แล้ว แต่เงินเบี้ยไบ้รายทาง ทั้งการรับงานพรีเซ็นเตอร์ ออกอีเวนต์ รีวิวสินค้า ล้วนเป็นงานที่ทำให้รับทรัพย์กันจุกๆ โดยอาศัยภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือ ยิ่งเป็นงานรีวิว ยอดผู้ติดตามเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่ละคนค่ารีวิวไม่เท่ากัน บางรายหลักหมื่น บางรายหลักแสน ขึ้นอยู่กับความดัง และยอดผู้ติดตาม ครั้งหนึ่งเหล่าคนดังครึ่งค่อนวงการ จึงตกเข้าไปอยู่ในวังวน รับรีวิวสินค้าให้กับ “เมจิกสกิน” อาหารเสริมไม่มีอย. จนกลายเป็นมหากาพย์ ต้องขึ้นโรงพัก ชีวิตเฉียดคุก จ่ายค่าปรับกันสะเทือน จากเรื่องดังกล่าว คนดังหลายรายเข็ดกับการรับรีวิวสินค้าไปเลย

แชร์ลูกโซ่ “Forex-3D” คดีตัวอย่าง ถึงเป็นดาราก็ติดคุก!
Forex ย่อมาจากคำว่า Foreign Exchange Market คือ “ตลาดซื้อขายอัตราเงิน” เป็นการลงทุนประเภทหนึ่งที่มีความเสี่ยงสูง นักลงทุนที่เล่น Forex ต้องมีความรู้สูงมาก และเข้าใจในภาวะเศรษฐกิจโลก Forex ไม่มีสถาบันการเงินในไทยที่รองรับการลงทุนรูปแบบนี้ คนจะเล่น ต้องไปเล่นกับโบรกเกอร์ต่างประเทศ แม้ Forex จะเป็นช่องทางที่ทำเงินได้อย่างมหาศาลหากนักลงทุนเก็งกำไรสกุลเงินได้อย่างแม่นยำ แต่ก็เป็นเส้นทางของมิจฉาชีพที่หาช่องโหว่หลอกสูบเงินคนโดยมีระบบ “ดาวน์ไลน์” มีเงินปันผลให้ ถ้าสมาชิกคนไหน ไปหาสมาชิกใหม่มาลงทุนเพิ่มได้ ก็จะได้เงินส่วนแบ่งเพิ่มเป็นพิเศษ

ขณะที่ “นายอภิรักษ์ โกฎธิ” มีภาพลักษณ์ของซีอีโอผู้ร่ำรวย จัดอีเวนต์ดึงคนดังมากมายเป็นแบ็กสร้างความน่าเชื่อถือ แต่สุดท้ายเมื่อถูกจับได้ว่าเป็นธุรกิจแชร์ลูกโซ่ นายอภิรักษ์โดนจับ คนดังก็พลอยร่วมร่างแห เพราะเป็นหนึ่งในผู้ร่วมกระบวนการ พิ้งกี้ สาวิกา , ดีเจแมน พัฒนพล, ใบเตย อาร์สยาม คอตกเข้าซังเต กลายเป็นมหากาพย์สุดดรามา คนดังหลายราย มีชีวิตวุ่นวาย ต้องวิ่งโร่ปฏิเสธไม่เคยหาดาวน์ไลน์ สูญเสียความศรัทธาไปไม่น้อยเลยทีเดียว

เบนเข็มไลฟ์ขายของในติ๊กต๊อก ก่อนจอดกับคดี “แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์”
หลังเจอคดีใหญ่อย่างฟอเร็กซ์ คนบันเทิงระแวดระวังตัวมากขึ้น เบนเข็มมาอีกหนึ่งช่องทาง คือไปร่วมไลฟ์สินค้ากับแม่ค้าออนไลน์ชื่อดัง ง่ายๆ แค่เพียงไม่กี่ชม. ก็รับทรัพย์หลักแสนเข้ากระเป๋า บางรายฟันค่าตัวคู่หลักล้าน แม่ค้าพ่อค้าออนไลน์ยอมทุ่มทุนจ่ายเป็นล้าน เพราะยอดขายได้คืนมากกว่านั้นหลายเท่า เรียกว่าใครมีกระแสล้วนถูกจ้างมาไลฟ์ ทำให้ดารามีช่องทางใหม่ๆ ในการหาเงิน

แต่เมื่อมาเจอกรณี “แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์” หลอกขายทอง วงการไลฟ์ในติ๊กต๊อกก็เลยสะเทือน จากเดิมที่คนบันเทิงรับงานกันฉ่ำๆ ตอนนี้ดาราร้อนๆ หนาวๆ ไปตามๆ กัน หวั่นจะติดร่างแหไปด้วยหรือไม่ บางรายยุติการรับงานไลฟ์ขายของออกไปก่อน รอให้เรื่องซาค่อยว่ากันใหม่

“ดารา” เหยื่อทางธุรกิจ หรือทำนาบนหลังคน?
ยามมีเรื่องราว คนดังมักอ้างให้ตัวเองลอยตัว ว่าตกเป็นเหยื่อ ตกเป็นเครื่องมือคนโกงแบบรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบางธุรกิจ ทั้งที่ธุรกิจที่หลอกลวง ล้วนบุกเข้าถึงตัวคนดัง เพื่ออาศัยชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือมาต่อยอดธุรกิจให้ตัวเอง จนฟันรายได้งามๆ หลักร้อยล้านพันล้านหมื่นล้าน ถึงมีบทเรียนให้เห็นซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่คนดังหลายรายก็ยังพลาด สุดท้ายจากเหยื่อ ก็ถูกตั้งคำถามว่า “เป็นการทำนาบนหลังคน?” เพราะคนดังได้เงิน แต่เหยื่อกลับชีวิตพัง!
 
ไม่ผิดที่คนเราจะดิ้นรนหาอาชีพเสริม แต่เพราะเป็นคนบันเทิง จึงต้องระวังและรับผิดชอบต่อสังคมให้มากกว่าคนทั่วไป เพราะเป็นคนสาธารณะ อยู่ในที่สว่าง ทุกการกระทำล้วนมีอิทธิพลต่อคนที่ติดตาม หากเกิดเรื่องราวใดๆ จะปัดความรับผิดชอบไม่ได้

















กำลังโหลดความคิดเห็น