“มิ้นต์” ไม่ยอม! ฝรั่งเตะหน้าน้องชาย ไร้ค่าทำขวัญ - ไม่ติดคุก จบไปแบบงงๆ ตอบยากได้รับความยุติธรรม!

“มินต์ ชาลิดา” ตอบยาก น้องได้รับความยุติธรรม หลังถูกฝรั่งทำร้ายร่างกาย รับรุนแรง ไม่เคยคิดจะเกิดกับครอบครัวตัวเอง คู่กรณีจ่ายแค่ค่าปฐมพยาบาล ไร้ค่าทำขวัญ ไม่ติดคุก ไม่รู้เสียค่าปรับไหม ออกนอกประเทศหรือยังก็ยังไม่ทราบ ครอบครัวประกาศไม่ยอม ลั่นไม่อยากให้จบแบบงงๆ แบบนี้ กระทบกระเทือนจิตใจน้องชาย

กรณี “มอส ราชัย วิจิตรวงศ์ทอง” น้องชาย “มิ้นต์ ชาลิดา ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง” ถูกชายชาวต่างชาติทำร้ายโดยการเตะเข้าที่ใบหน้าที่ร้านและโรงแรมของครอบครัวตนเอง จนมิ้นต์ต้องออกมาโพสต์ขอความช่วยเหลือ หวั่นเรื่องเงียบ ต่อมาพบว่าชายรายดังกล่าวเป็นผู้พิการทางหู เบื้องต้นรู้สึกผิด ประสานเจรจาขอโทษ แต่ผู้เสียหายไม่ยอม

ล่าสุดเจอตัวมิ้นต์ ชาลิดาระหว่างมาร่วมงาน SLC x Quantum Health Care The Future of Beauty ณ บริเวณ ชั้น 1 ลานบี เซ็นทรัลลาดพร้าว เจ้าตัวได้อัปเดตความคืบหน้าเรื่องนี้ ลั่นชายรายดังกล่าวไม่มีค่าทำขวัญ ไม่ติดคุก จบไปแบบงงๆ ไม่อยากให้เกิดแบบนี้กับใคร

“ก็น่าจะเรียบร้อยแล้วมั้งคะ ในเรื่องของศาล มิ้นต์ยังไม่แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์ น้องมอสมีโอกาสได้ไปขึ้นศาลรอบหนึ่ง ทางนั้นเขาก็มารับฟังข้อกล่าวหาแล้วก็ยอมรับผิดค่ะ คือวันนั้นมิ้นต์ไม่ได้ไปด้วย ส่งทนายแก้ว (ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล) ไปดูแลคดีให้น้อง เนื่องจากว่าวันนั้นมิ้นต์ติดงานที่ต่างจังหวัดหลายวัน เราก็เป็นห่วงเพราะน้องเป็นคนที่จิตใจบอบบางอยู่แล้วบวกกับว่าเขาเป็นคนที่อะไรก็ได้

ส่วนที่หลายคนที่เห็นคลิปนั้นก็ตกใจเป็นห่วง ก็ตามที่เห็นเลยค่ะ มิ้นต์ก็เห็นจากในคลิป และกล้องวงจรปิด สำหรับมิ้นต์มองว่ามันเป็นอะไรที่ค่อนข้างรุนแรงมากทั้งภายนอกและทั้งจิตใจด้วย มันเคยเห็นเหตุการณ์นี้ตามข่าวอยู่แล้วแต่ไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งมันจะมาเกิดกับครอบครัวตัวเอง น้องมอสเขาเคยทำอาชีพเป็นสจ๊วต การบริการคืออันดับหนึ่งก็เลยไม่มีการต่อสู้อะไรกลับไป”
 
ตอบยากน้องได้รับความยุติธรรม คู่กรณีชดเชยค่าเยียวยา แค่ค่าปฐมพยาบาล ไร้ค่าทำขวัญ
“ค่าเยียวยาก็ได้รับแค่ค่าปฐมพยาบาล ไม่มีค่าทำขวัญ คือมิ้นต์ไม่ทราบข้อเท็จจริงตรงนี้เพราะว่าเป็นดุลยพินิจของศาล ไม่เข้าใจว่าเป็นการไกล่เกลี่ยหรือเป็นไปตามข้อกฎหมาย มิ้นต์ก็ไม่ทราบรายละเอียดตรงนี้จริงๆ ก็คือตามนั้นค่ะ ส่วนน้องเราได้รับความยุติธรรมไหม เป็นเรื่องที่ตอบยาก”

ไม่ยอม! คู่กรณีไม่ติดคุก 
“เขาไม่ได้รับการติดคุก เนื่องจากว่าเขายอมรับผิด โอเคเรื่องที่เขารู้สึกผิดแล้วอยากขอโทษมันคือเรื่องนึง เราพร้อมให้อภัย คนที่ทำผิดแล้วรู้สึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองกระทำ แต่เรื่องของการเป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย มิ้นต์ว่าคนที่รับผิดก็ต้องได้รับผิดตามข้อกฎหมายเพราะว่าเราอยู่ในประเทศไทย หรือว่าอยู่กันเป็นส่วนรวม มันต้องมีข้อกฎหมาย และความปลอดภัยให้กับพวกเราทุกคน คือทางบ้านมิ้นต์ก็รู้สึกว่าถ้าเป็นเรื่องของข้อกฎหมาย เราไม่ยอม เพราะทำกันขนาดนี้ แล้วน้องเราไม่ได้มีการต่อสู้อะไร

เรื่องดำเนินคดีถึงที่สุด คือหมายถึงว่าถ้ากฎหมายเป็นไปตามยังไง มิ้นต์ก็เคารพตรงนั้น ไม่ว่าจะเป็นทางตำรวจหรือว่าทางศาลค่ะ ก็เคารพในสิ่งที่ได้รับมา ที่มิ้นต์ได้ทราบจากน้องมอส เขายอมรับผิดโทษมันก็จะลดลง คือมันไม่ได้มีการคุยกันโดยตรง มันคุยกันผ่านศาล ด้วยความที่เราก็มีทนายของเรา ส่วนเขาก็ต้องมีล่ามภาษามือ มันก็เลยไม่ได้มีการขอโทษเป็นทางตรง หรือได้รับทราบข้อกล่าวหาของเขา เราก็ได้รับทราบผ่านศาลมาอีกทีนึง เนื่องจากว่าเขายอมรับผิด โทษที่ได้รับเป็นการรายงานตัวในการเข้าประเทศไทย ไม่ได้ติดคุก ส่วนค่าเสียหายได้แค่ค่ารักษาพยาบาลตามจริงเลย เขาได้เสียค่าปรับไหม มิ้นต์ไม่ทราบ เพราะทางศาลแจ้งว่าผู้กระทำความผิดไม่มีบัดเจ็ตสำหรับตรงนี้เลย”

ออกนอกประเทศหรือยังก็ยังไม่ทราบ
“อันนี้มิ้นต์ไม่ทราบ ก็รอฟังอยู่เหมือนกันว่าสรุปแล้วจุดจบของคดีจะเป็นยังไง แต่ว่าสิ่งที่ได้รับในวันที่น้องชายมิ้นต์ได้ไปศาลกับทนายได้ประมาณนี้ค่ะ คือทนายก็พูดว่า ไม่อยากให้เคสนี้เกิดขึ้นกับคนไทยอีก สำหรับมิ้นต์ไม่ได้มองว่าน้องเราโดนกระทำแล้วมันต้องมีการเปลี่ยนแปลงอะไร คือมันมีหลายเคสแล้วที่เกิดขึ้นแล้วมันก็จบแบบงงๆ แบบนี้ไป ซึ่งมันไม่ควรจะเกิดขึ้นกับใครอีก มิ้นต์มองว่าถ้าเป็นไปได้เราก็อยากจะไม่ได้ยอมความทางด้านกฎหมาย”

กระทบกระเทือนจิตใจน้องชาย
“วันที่ไปคุยน้องยังบอกว่าขอไม่ให้ถามอะไรทั้งนั้น สภาพจิตใจเขาไม่โอเคเลย ปัจจัยเราไม่ได้เป็นเรื่องเงิน แต่ว่าน้องเขารู้สึกว่ามันกระทบกระเทือนจิตใจมากไปกว่านั้น แล้วสิ่งที่ได้รับมาก็ตามนั้นค่ะ

มิ้นต์ว่ามันเป็นเรื่องของความปลอดภัยที่มิ้นต์อยากให้คนไทยได้รับเท่าเทียมกัน ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นเคสมิ้นต์แล้วถูกยกมาว่าทุกอย่างต้องดำเนินการเร็วขึ้น ทุกอย่างมิ้นต์ก็ให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย สิ่งแรกมิ้นต์ไม่ได้อยากจะออกมาโพสต์โซเชียลมีเดีย มิ้นต์รอระยะเวลา แล้วน้องมิ้นต์ก็ไปในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่ไม่มีใครทราบหรอกว่าเป็นน้องมิ้นต์ แต่มิ้นต์ก็อยากให้เราได้รับข้อกฎหมายที่ตรงไปตรงมาและถูกต้องค่ะ”