xs
xsm
sm
md
lg

“นารา” กลัวโดนคุก! ยันไม่เคยได้อย่างอื่น นอกจากค่าตัว เผยส่งเงินซื้อขนมจีนให้ “แม่ตั๊ก - ป๋าเบียร์” ในเรือนจำ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“นารา” หอบหลักฐานยืนยันความบริสุทธิ์ หนักใจกลัวโดนคุกอีกรอบ แฉไปไลฟ์ขายทอง “แม่ตั๊ก” เพราะเจอเปลี่ยนหน้างาน ย้ำไม่เคยได้ของเหมือนคนอื่น มีแค่ค่าจ้างไลฟ์ตามปกติ เผยฝากเรือนจำวันละ 120 บาท ซื้อขนมจีน 5 วันติดให้ “แม่ตั๊ก - ป๋าเบียร์” เข้าใจคนไม่เคยติดคุก เลยซื้อให้เพราะอย่างน้อยเคยรู้จักกัน

เพิ่งได้รับอิสรภาพ หลังศาลอาญามีคำสั่งให้ประกันตัว “นารา เครปกะเทย” นายอนิวัติ ประทุมถิ่น อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชนเรื่องกล่องสุ่มทอง แต่ออกจากเรือนจำได้ไม่นานก็งานงอกอีก เพราะเคยไปไลฟ์สดขายทองกับ “แม่ตั๊ก” น.ส.กรกนก สุวรรณบุตร ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เจ้าตัวถึงกับเครียดหนักเพราะกลัวต้องติดคุกอีกรอบ

โดยวันนี้ (7 ต.ค.67) เวลา 12.30 น. นาราเดินทางมาที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เพื่อเข้าพบ พ.ต.ท.ปริญญา ปาละ รอง ผกก. (สอบสวน) กก.1 บก. ปคบ. เพื่อชี้แจงแสดงความบริสุทธิ์ใจ ยืนยันโดนหลอก เพราะหลังจากออกมาจากเรือนจำมีการจ้างงาน 2 ครั้ง ครั้งแรกไลฟ์ขายสบู่ ได้ค่าจ้าง 120,000 บาท ครั้งที่ 2 แม่ตั๊กอ้างว่าจะให้ไลฟ์ขายเสื้อผ้าเพื่อช่วยน้ำท่วม แต่พอถึงหน้าร้านกลับกลายเป็นให้ไลฟ์ขายทอง และทองที่ไลฟ์คือทองหลังร้าน ไม่ใช่ทองที่โชว์หน้าร้าน ในการไลฟ์ครั้งนั้นได้ค่าจ้าง 80,000 บาท

“หนูทำงานกับแม่ตั๊กมานานมากแล้ว 3-4 ปี แต่หนูจะเป็นลูกอีพอยต์ตลอดเลย ถ้ามีกระแสถึงได้ไปไลฟ์กับเขา ไม่เคยได้ไปไลฟ์ประจำเลย ไม่เคยได้ของอะไรกับเขา แล้ววันที่เราออกมา เขาทักมาถามเราว่าน้องมาไลฟ์กับพี่ไหม พี่ให้น้อง 120,000 บาท เราก็ต้องไป เพราะเราอยากได้เงินใช้หนี้ เขาบอกไลฟ์เป็นสบู่ จนเขาบอกจะจ้างไลฟ์อีก เขาบอกจะจ้างวันที่ 3 เป็นการไลฟ์ขายเสื้อผ้าช่วยคนน้ำท่วม เลยบอกได้เดี๋ยวไป พอถึงตอนเที่ยง เขาบอกน้องนารา เปลี่ยนเป็นไลฟ์ร้านทองนะ เราก็อ้าว ทำยังไงได้รับปากเขาไปแล้ว

แต่การที่เราไปไลฟ์ร้านทองตอนนั้น ร้านเขามีอยู่จริง และยังไม่เห็นเกิดปัญหาอะไรแบบนี้ เห็นหลายคนไป เราก็ไปด้วย แล้วถามว่าไปร้านทองเราจะตรวจสอบยังไง เราจะไปถามเขาได้เหรอ ว่าทองจริงหรือเปล่า ทุกคนไม่กล้าหืออือเขาเลยนะตอนนั้น เราจะไปกล้าอะไร ซึ่งร้านทองที่หนูไป ทองมีอยู่จริง ทองเต็มไปหมดเลย แต่ทองที่เอามาไลฟ์ขาย เอามาจากข้างหลังบ้าน ไม่มีใครรู้ค่ะ คนที่รู้มีแค่แอดมิน 4 คน แต่ตอนนี้แอดมินอยู่ไหนเรายังไม่ทราบเลย ไม่มีใครสัมภาษณ์พวกเขาเลย มีแต่สัมภาษณ์พวกอินฟลูฯ

ซึ่งตัวเราก็ไม่ได้ถาม ว่าทำไมเอาทองหลังบ้านมาขาย เพราะเรามีหน้าที่แค่ไลฟ์ขายของ ไม่กล้าถามรายละเอียดตรงนั้นเยอะ วันนั้นที่ไปขาย เขาก็ไม่ได้บรีฟอะไรเลย เขาแค่ตามสไตล์ คนที่มาไม่มีใครได้ขายเต็มๆ แค่ไปเรียกคน หรือสร้างความมั่นใจ เพื่อให้คนมาซื้อสินค้าเรา เพราะทาร์เก็ตของเขาสังเกตได้เลยจะไม่มีวัยรุ่น จะมีแต่ชาวบ้านที่ซื้อของเขา เพราะราคามันสูง ซึ่งคนต่างจังหวัดที่มาซื้อ ก็เพราะคลิปช่วยคนของเขามันทัชใจ

ส่วนเงื่อนไขการรับงาน เวลาหนูไลฟ์กับแม่ตั๊ก ก็จะตกลงว่า 1 ชั่วโมงเท่านี้นะ แต่วันนั้นหนูลากไป 3 ชั่วโมง แต่ไม่เป็นไรถือว่าเป็นมืออาชีพ เขาสนับสนุนเรา เราก็ทำ แต่เราขอดูเลข อย.จดแจ้งอยู่แล้ว แต่ในส่วนของวันที่ 3 ที่หนูไปไลฟ์ หนูไม่ได้ถามอะไรเยอะ เพราะว่าเป็นการไลฟ์ขายเสื้อผ้ามือสอง แต่ไปถึงเปลี่ยนเป็นช่วยขายทอง ซึ่งปกติไม่เคยโดนเปลี่ยนหน้างานแบบนี้เลย ครั้งนี้ครั้งแรก เหมือนแจ็กพอตเพิ่งออกจากคุก แล้วเหมือนกำลังจะเข้าไปในคุกอีกรอบหนึ่ง ถ้าเราเข้าข่าย เราต้องเข้าไปหรือเปล่า เราก็กลัว ที่มาวันนี้เรากลัวมาก ว่าจะเป็นเสียงรถด่วนขบวนสุดท้ายอีกรอบหนึ่ง ไม่อยากจะโดนแล้ว ถ้าโดนอีกรอบหนึ่ง ครอบครัวจะอยู่ยังไง รอบนี้คูณสองกับที่รอลงอาญาไว้เลย รวมเป็น 200 กว่าปี หนูออกมาทำอะไรได้

หนูไม่มีเงินจ้างทนายเลยตอนนี้ ณ เบื้องต้นจะเอาเอกสารทั้งหมดมาให้ท่านรองดูก่อน ว่าหนูได้แค่ ค่าจ้างจริงๆ นะ ไม่เคยได้ของอะไรจากเขาเลย หนูไม่ได้ดังขนาดที่จะมีคนเข้ามาช่วยเหลือ หนูต้องกลับไปขายเครปจ้างทนาย ทนายก็แพงแต่เราก็ควรมี ไม่รู้จะปรึกษาใคร เส้นทางการเงินคือได้แค่ค่าจ้าง เป็นลูกอีช้อย อีคำ ไม่เคยได้ไอโฟน ไม่เคยได้ทอง ไปไลฟ์ร้านทอง ก็คิดว่าจะต้องได้ทองกับเขาบ้าง แต่ก็ไม่ได้

เขาจ้างหนู 120,000 แค่รอบเดียว วันที่ออกมาไลฟ์สบู่ รอบสองไลฟ์ร้านทองคือ 80,000 แล้วจริงๆ เขาดีลต่อ แต่เราไม่เอา เห็นเขาจะทำบ้านให้น้องพู่กัน เรารู้สึกเว่อร์เกิน ไม่เอาแล้ว ไม่ไปดีกว่า อยู่ตรงนี้มานานเรารู้แล้วว่าอะไรจริงอะไรปลอม อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ เราต้องเซฟตัวเอง ถามว่าหน้าไลฟ์กับหลังไลฟ์ เขามีพฤติกรรมที่แตกต่างกันไหม สำหรับตัวหนูไม่เคยเจอ ไม่เคยโดนวีนอะไร”

เผยหนักใจที่สุดตอนนี้ คือกลัวโดนจับเข้าคุกอีกรอบ
หนักใจที่สุดคือกลัวโดนเข้าคุกอีกรอบ ตอนนี้หนูอยากใช้หนี้ทุกคน หนูกลัวภาพที่ตำรวจบุกบ้าน กลัวต้องโดนจับ มีนั่งปิดตาชี้ของ กลัวภาพนั้นมาก กลัวครอบครัวและคนที่ซัปพอร์ตเสียใจ กลัวเขาผิดหวังในตัวหนูอีกรอบหนึ่ง ส่วนหลักฐานที่เอามาวันนี้ ก็จะมีแชตที่คุยงานกับเขา ว่าจ้างไปทำงาน ได้มาแค่ค่าตัวตามที่ตกลงไว้เท่านั้นเลย สเตทเม้นหนูไม่มี มีแต่หลักฐานแชต การที่เรามาวันนี้ เขาต้องการให้เรามาแสดงความบริสุทธิ์ใจ ว่าเราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในหลังบ้าน หรือได้ส่วนแบ่ง ได้เปอร์เซ็นต์หรือเปล่า”

ยันไม่ได้สนิทกับ “แม่ตั๊ก” เหมือนคนอื่น แต่ในฐานะคนเคยรู้จัก ได้ฝากเรือนจำวันละ 120 บาท เพื่อซื้อขนมจีนให้กิน 5 วันติด
“ก็เอาแค่รู้จักกัน แต่ไม่ได้สนิทเหมือนคนอื่น วันนี้เขาเข้าคุกไป หนูก็ซื้อข้าวให้เขานะ ไปฝากกับทางเรือนจำ ให้ส่งให้เขาทั้งสองคน คนละ 120 บาท แต่ไม่ได้เจอ ไม่ได้ไปเยี่ยม เพราะหนูแค่รู้สึกว่าวันที่หนูออกมา เขาถามถึงเรา แล้วเราก็เข้าใจความรู้สึกคนเคยเข้าคุก หนูเคยทำผิดพลาด หนูก็ยังเคยได้โอกาสเลย วันนี้เรารู้ว่าเข้าคุกครั้งแรกต้องกินอะไรยาก เพราะข้าวมันแข็ง หนูเลยซื้อขนมจีนให้เลย 5 วันติด วันละ 120 บาทเพื่อให้เขาได้ปรับตัวในคุก

หนูให้เพราะอย่างน้อยเราเคยรู้จักกัน หนูเชื่อว่าการเข้าคุกมันสอนเรา พอเขาได้ออกมาเขาจะได้บทเรียน แต่หนูไม่ได้ฝากข้อความอะไรไปถึงเขา แล้วก็ไม่ได้อยากจะพูดอะไรแทนเขา เพราะสิ่งที่เขาจะพูดได้ เขาต้องพูดเอง การที่เราพูดแทนเราไม่รู้ว่าความจริงเป็นยังไง แต่หนูเป็นคนหนึ่งที่ไปร่วมไลฟ์ ทำให้คนเกิดความเสียหาย ต้องขอโทษตรงนี้

ถามว่าถ้าเขาออกมาเรากล้าร่วมงานกับเขาไหม ตอนหนูออกมาจากคุก คนยังกล้าร่วมงานกับหนูเลย ตอนนี้เราตอบอะไรไม่ได้ เราต้องสถานการณ์ พูดตรงๆ ถ้าสังคมให้โอกาส เราก็อยากร่วมงานกับเขา ถ้าสังคมไม่ให้โอกาส เรากผมคอยเป็นกำลังใจห่างๆ ให้เขา อย่างน้อยเราเคยรู้จักกัน”

แก้ข่าว “แม่ตั๊ก” ไม่ใช่คนที่ถามว่าเป็นขอทานเหรอ หลังไปขอทุนเปิดร้านเครป
จริงๆ วันนี้ที่ให้สัมภาษณ์ คืออันนี้หนูกราบตีxนักข่าวเลยค่ะ ไปลงให้หนูที คือหนูโดนจริงๆ หนูทักไปขอคนหนึ่งมา ที่ไม่ใช่แม่ตั๊ก เป็นคนที่บอกว่าถ้าวันหนึ่งนาราเดือดร้อน ทักไปเขาได้เลย ไม่ว่าจะเปิดร้านเครปหรือทำอะไร หนูก็ทักไปว่าแม่หนูขอทุนไปเปิดร้านเครปหน่อย แล้วเขาถามว่าเป็นขอทานเหรอ 555 เราก็ละอายแก่ใจ แต่ไม่ได้ตอบโต้ เลยรู้สึกว่าเราควรพึ่งตัวเองก่อน ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ก็เลยต้องกราบขอโทษที่ทำให้คนเข้าใจผิดว่าเป็นแม่ตั๊ก หนูไม่อยากให้ใครเข้าใจผิด เรื่องที่ไม่จริง”

รู้ตัวคนมอง “นารา” อีกแล้วเหรอ
“เราไม่สามารถทำใครให้คิดเหมือนกันได้ เพราะสิ่งสำคัญที่สุดเราต้องทำตัวเราให้ดี การจะทำอะไรมันถูกต้องไหม มันมีผลกระทบต่อเราไหม ถ้าทำไปแล้วชีวิตดี มีความสุข เราไม่จำเป็นต้องฟังใคร แต่ถ้าทำแล้วแย่ เป็นสิ่งที่ไม่ดี เราก็ควรจะหยุดตั้งแต่ก่อนจะทำ หลังจากนี้จะทำอะไรก็ตาม หนูจะต้องคิดก่อนค่ะ ตอนนี้หลังเกิดกรณีแม่ตั๊ก ทุกแบรนด์ผวาหมด ไม่กล้าจ้างใคร เขากลัวเกิดเรื่อง ทุกคนทำธุรกิจอยากรวย อยากประสบความสำเร็จหมด แต่พอเกิดปัญหาแบบนี้เขาต้องเซฟตัวเอง เราจะเติบโตได้ ก็ต้องทำทุกอย่างให้ถูกต้อง บ้านเรามีกฎหมาย หนูเคยทำผิดพลาด ก็ต้องเข้าคุก อยากรวยเร็วแต่สุดท้ายไม่เหลืออะไรเลย

เพราะฉะนั้นฝากถึงเจ้าของแบรนด์ที่กำลังทำธุรกิจอยู่ หนูอยากให้กำลังใจ ไม่ว่าตอนนี้คุณกลัวอะไรอยู่ ถ้าคุณไม่เคยทำผิดพลาด ทำอย่างโปร่งใสและถูกต้อง ก็เดินหน้าต่อไปเลย สู้ต่อไปเพราะแบรนด์เราต้องเติบโต อย่าหยุดเพราะทุกเวลามีค่า แต่ถ้าทำผิดพลาดก็ปรับปรุงแก้ไขให้มันดี เพราะผู้บริโภคคือปัจจัยหลักที่สำคัญ เราอยู่ได้เพราะลูกค้า เขาซื้อของเพราะความไว้ใจเชื่อใจ เราก็ต้องรักษาไว้ให้ดีที่สุด”









กำลังโหลดความคิดเห็น