“Joker: Folie à Deux” ครองอันดับหนึ่งบ็อกซ์ออฟฟิศ แต่รายได้กลับไม่แรงอย่างที่หวัง และเสียงวิจารณ์ก็ออกมาในแง่ลบเป็นส่วนใหญ่
หนังภาคต่อของ Joker ที่กำกับโดย ทอดด์ ฟิลลิปส์ ซึ่งเคยประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามในปี 2019 กลับเปิดตัวในโรงภาพยนตร์สุดสัปดาห์นี้ ด้วยรายได้เพียง 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามรายงานของสตูดิโอเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของรายได้เปิดตัวภาคแรก
แม้จะยังครองตำแหน่งอันดับหนึ่งในบ็อกซ์ออฟฟิศ แต่รายได้ที่ไม่เข้าเป้า ทำให้คนในวงการต่างสงสัยว่า ภาพยนตร์ภาคต่อของหนังรางวัลออสการ์และทำเงินทะลุพันล้านดอลลาร์เรื่องนี้ผิดพลาดได้อย่างไร ทั้งที่ทีมผู้สร้างชุดเดิมกลับมาทำงานอีกครั้ง
เพียงแค่สามสัปดาห์ก่อนหน้าหนังจะเข้าฉาย นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า Joker: Folie à Deux จะทำเงินเปิดตัวถึง 70 ล้านดอลลาร์ แม้ว่าจะยังคงน้อยกว่ารายได้เปิดตัวสูงสุดของ Joker ภาคแรก ที่เคยทำไว้ 96.2 ล้านดอลลาร์ในเดือนตุลาคม 2019 ก็ตาม
แต่หลังกระแสตอบรับจากเทศกาลภาพยนตร์เวนิสก็ยังไม่ดีเท่าเดิม แม้ว่าหนังจะได้รับเสียงปรบมือนานถึง 12 นาทีเช่นเดียวกับภาคแรก
แต่คะแนน Rotten Tomatoes กลับลดลงจาก 63% ในช่วงเปิดตัวเทศกาล เหลือเพียง 33% ในสุดสัปดาห์แรกที่เข้าฉายในโรงภาพยนตร์
ความเห็นจากผู้ชมยิ่งหนักกว่า โดยหนังได้คะแนน D จาก CinemaScore และมีคะแนนจาก PostTrak เพียงครึ่งดาวจาก 5 ดาวเท่านั้น
“มันเป็นสถานการณ์ที่ยากจะกู้กลับมาได้” พอล เดอร์การาเบเดียน นักวิเคราะห์สื่ออาวุโสของ Comscore กล่าว “ประเด็นหลักคือ งบประมาณการสร้างหนังภาคนี้ แม้ว่ารายได้เปิดตัวที่ 40 หรือ 50 ล้านดอลลาร์จะถือว่าโอเคถ้าหนังมีต้นทุนต่ำกว่านี้”
งบการผลิตของ Joker: Folie à Deux สูงเป็นสองเท่าของภาคแรก บางรายงานระบุว่างบอยู่ที่ราว 190 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ทอดด์ ฟิลลิปส์บอกกับ Variety ว่า ตัวเลขที่ถูกต้องคือไม่ถึง 200 ล้านดอลลาร์
หนังเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ 4,102 แห่งในอเมริกาเหนือ โดยรายได้จากจอ IMAX คิดเป็น 12.5% ของรายได้ในประเทศ ส่วนรายได้จากต่างประเทศอยู่ที่ 81.1 ล้านดอลลาร์ จากโรงภาพยนตร์ 25,788 แห่ง ทำให้รายได้รวมทั่วโลกอยู่ที่ 121.1 ล้านดอลลาร์ ซึ่งในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า หนังยังจะเปิดตัวในประเทศญี่ปุ่นและจีนอีกด้วย
ทอดด์ ฟิลลิปส์ และวาคีน ฟีนิกซ์ นักแสดงนำ ได้ออกมาพูดถึงความมุ่งมั่นในการสร้างหนังที่ “ท้าทาย” เช่นเดียวกับภาคแรก ภาคต่อได้เพิ่ม เลดี้ กาก้า เข้ามาร่วมทีม ในบทหญิงสาวที่เป็นแฟนคลับตัวยงของโจ๊กเกอร์ และพยายามเข้าถึง ลงลึกไปในจิตใจของอาเธอร์ เฟล็ก ซึ่งถูกคุมขังในโรงพยาบาลจิตเวชอาร์คแฮม เพื่อรอการพิจารณาคดีในข้อหาฆาตกรรมจากภาคแรก นอกจากนี้
หนังยังนำเสนอในรูปแบบมิวสิคัล มีฉากร้องเพลงและเต้นรำตามบทเพลงเก่า ๆ อีกด้วย เลดี้ กาก้า ยังปล่อยอัลบั้มคู่ชื่อ Harlequin ออกมาพร้อมกับหนังเรื่องนี้อีกด้วย
เจค คอยล์ นักวิจารณ์จาก Associated Press เขียนว่า “ฟิลลิปส์ได้ตามติดผลงานภาคแรกของเขาด้วยภาคต่อที่ "แอนตี้" แนวทางเดิม หนังมีทั้งแนวดราม่าในเรือนจำ ศาลระทึกขวัญ และมิวสิคัล แต่กลับกลายเป็นหนังที่เฉื่อยชา ทั้ง ๆ ที่ภาคแรกเต็มไปด้วยพลัง”
ภาคต่อนี้กลายเป็นหัวข้อวิจารณ์ในสื่อหลายเจ้า หลายคนมองว่าหนังตั้งใจแกล้งผู้ชมที่ชื่นชอบภาคแรก โดยบางคนถึงขั้นเรียกว่า “การชูนิ้วกลาง” ใส่ผู้ชม แต่แฟนหนังมักไม่สนใจคำแนะนำของนักวิจารณ์ โดยเฉพาะเวลาต้องตัดสินใจควักกระเป๋าจ่ายเพื่อดูตัวละครคอมิกชื่อดังบนจอเงิน
“พวกเขาตั้งใจเสี่ยงกับหนังเรื่องนี้” เดอร์การาเบเดียนกล่าว “แต่ผู้ชมในปี 2024 ดูเหมือนจะต้องการหนังที่แน่นอน ชัดเจน และคุ้นเคย”
ยังมีคนในวงการที่ปกป้องหนังเรื่องนี้อยู่เช่นกัน ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา ผู้กำกับชื่อดัง ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้คะแนน D+ จาก Megalopolis หนังทุนสูงของเขา ได้ออกมาโพสต์ในอินสตาแกรมว่า “ผลงานของ @ToddPhillips มักจะทำให้ผมทึ่งและชื่นชมเสมอ ตั้งแต่หนังเรื่อง The Hangover เขาก็ยังคงนำหน้าผู้ชมอยู่เสมอ ไม่เคยทำตามสิ่งที่ผู้ชมคาดหวังเลย”
ในขณะที่ Megalopolis เองก็ทำรายได้ลดลงถึง 74% ในสัปดาห์ที่สอง ด้วยรายได้เพียง 1 ล้านดอลลาร์ รวมรายได้ทั้งหมดอยู่ที่ 6.5 ล้านดอลลาร์ จากทุนสร้าง 120 ล้านดอลลาร์
แอนโทนี ดาลิแซนโด บรรณาธิการ Deadline มองว่า ปัญหาหลักเริ่มต้นจากการตัดสินใจทำภาคต่อ Joker ให้เป็นหนังมิวสิคัล “แฟนหนังภาคแรกไม่อยากเห็นภาคต่อในรูปแบบมิวสิคัล”
Joker ภาคแรกเคยเป็นหนังที่สร้างความแตกแยกทางความเห็น มีการถกเถียงว่าเนื้อหาของหนังอาจสื่อสารผิดไปถึงคนกลุ่มหนึ่ง แต่ถึงกระนั้น ผู้ชมก็ยังหลั่งไหลเข้ามาดูจนทำให้หนังทำรายได้เกิน 1 พันล้านดอลลาร์ ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ 11 สาขา รวมถึงสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและผู้กำกับยอดเยี่ยม และได้รับรางวัลมา 3 สาขา
Joker ยังเคยครองตำแหน่งหนังเรต R ที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาล จนกระทั่งถูก Deadpool & Wolverine จากค่ายมาร์เวลโค่นตำแหน่งในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา
