ภาพยนตร์ไทยเรื่อง "หลานม่า" กำลังเป็นที่พูดถึงเป็นอย่างมากหลังเป็นหนังไทยเรื่องแรกที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นภาพยนตร์ 1 ใน 15 เรื่องในการลุ้นชิงรางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์นานาชาติยอดเยี่ยม
ถึงตอนนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกหากหลายคนจะเชียร์และลุ้นไปไกลแล้วว่า "หลานม่า" เองอาจจะผ่านเข้าเป็น 1 ใน 5 ภาพยนตร์และอาจจะจบไปถึงขนาดคว้ารางวัลออสการ์มาครองเลยก็ได้หากพิจารณาถึงเสียงตอบรับของหนังที่มีโอกาสเข้าฉายในหลายๆ ประเทศทั้งในเรื่องของรายได้กว่า 2 พันล้านบาท ที่สำคัญก็คือคำวิจารณ์ต่างๆ ที่ล้วนแล้วแต่เป็นไปในทิศทางบวกทั้งสิ้น
แต่กระนั้นคำถามที่น่าสนใจก็คือปัจจัยดังกล่าวเพียงพอแล้วหรือที่จะทำให้หนังไทยเรื่องนี้จะสร้างประวัติศาสตร์ในการคว้ารางวัลออสการ์มาครองได้?
เอเชียชื่นชม
ในทวีปเอเชีย หลานม่า ได้รับการชื่นชมจากผู้ชมในวงการภาพยนตร์ทั่วทั้งภูมิภาค สื่อจากสิงคโปร์ได้ชื่นชมว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทอดชีวิตครอบครัวออกมาได้อย่างสมจริง โดยกล่าวว่า “ทุกอย่างในภาพยนตร์ทำให้ฉันนึกถึงครอบครัวของตัวเอง” ในขณะที่สื่อจากฟิลิปปินส์ก็มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน ผู้สร้างภาพยนตร์กล่าวว่าครอบครัวของเขาซึ่งเป็นต้นแบบของตัวละครในเรื่องนี้ “รู้สึกตะลึงกับภาพยนตร์เรื่องนี้ และแม้ว่าพวกเขาจะไม่พูดถึงมัน แต่พวกเขาก็รู้สึกดีที่มันเกิดขึ้นจริง”
ในบทวิจารณ์จากสิงคโปร์ สื่อได้ชื่นชมการแสดงของ บิวกิ้น อัสสรัตนกุล โดยกล่าวว่าเขาถ่ายทอดบทบาทของหลานชายที่เย็นชาจนกลายเป็นอบอุ่นได้อย่างน่าเชื่อถือ และกล่าวอีกว่าการแสดงของ อุษา เสมคำ ที่มีบุคลิก “ซ่าเกือบจะดื้อรั้น” และการสวมบทบาทหญิงแกร่งอย่างเป็นธรรมชาตินั้นถือเป็นจุดเด่นของภาพยนตร์ ขณะที่สื่อจากฟิลิปปินส์ได้ชื่นชมงานออกแบบโปรดักชั่นและการถ่ายทำของ ไกรทอง
ในบทวิจารณ์จากอินโดนีเซีย สื่อได้ชื่นชมจังหวะของเรื่องที่ดำเนินไปอย่างช้า ๆ โดยกล่าวว่า “ความละเอียดอ่อนคือจุดแข็งที่แท้จริงของภาพยนตร์เรื่องนี้” และเรียกการแสดงของนักแสดงว่า “เต็มไปด้วยความละเอียดอ่อนและอารมณ์” ยังได้กล่าวถึงการใส่อารมณ์ขันในเรื่องอย่างแยบยลที่เพิ่มความลึกและเสน่ห์ และตอนจบของเรื่องที่ “ชวนให้รู้สึกซาบซึ้งและอิ่มเอมทางอารมณ์”
ทางอินโดนีเซียยังได้กล่าวยกย่อง หลานม่า ว่าเป็นภาพสะท้อนที่สมจริงของพลวัตครอบครัวเอเชีย
สื่อจากมาเลเซียมีความเห็นคล้าย ๆ กันว่าหนังมี “บทพูดที่ฉลาดและเป็นธรรมชาติ” ถือเป็นหนึ่งในจุดแข็งของภาพยนตร์เรื่องนี้ รวมถึงการแสดงที่ “มีเสน่ห์และน่าเชื่อถือ” ของ บิวกิ้น และการแสดงของ อุษา ที่สื่อถึง “ความอบอุ่นและความเฉลียวฉลาด” อีกทั้งยังกล่าวว่าเคมีบนหน้าจอของทั้งคู่คือ “หัวใจและจิตวิญญาณ” ของภาพยนตร์เรื่องนี้
ตะวันตกยกย่อง
นอกเหนือจากในเอเชีย ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังประสบความสำเร็จในการตอบรับเชิงวิจารณ์อีกด้วย Film Threat จากสหรัฐอเมริกาได้ให้คำวิจารณ์ในเชิงบวกโดยกล่าวว่า หลานม่า “เต็มไปด้วยความชาญฉลาดและความเข้าใจลึกซึ้ง” และเรียกคอมเมดี้ในเรื่องนี้ว่า “มีทั้งความเสียดสีและความอ่อนโยน” สื่อยังได้ชื่นชมบทสนทนาในภาพยนตร์ที่ “คมคาย ฉลาด และชวนให้รู้สึกสะเทือนใจบ่อยครั้ง”
ขณะที่นักวิจารณ์จาก RogerEbert.com ได้ยกย่องทั้งดนตรี การแสดงตลก และการกำกับโดยกล่าวว่า “ทุกฉากเต็มไปด้วยรายละเอียดที่ชวนให้รู้สึกมีชีวิตชีวา” และยังชื่นชมความ “ใส่ใจ” และ “อ่อนไหว” ในบทภาพยนตร์อีกด้วย สื่อสรุปว่าภาพยนตร์เรื่องนี้คือ “ภาพเหมือนครอบครัวที่อบอุ่นและมีชีวิตชีวา”
ScreenDaily จากอังกฤษยังได้ชื่นชมการกำกับภาพยนตร์ โดยเรียก หลานม่า ว่าเป็น “การเดินทางสู่การไถ่บาปที่ผู้กำกับสร้างขึ้นจากความเข้าใจและความเห็นอกเห็นใจ”
พร้อมทั้งชื่นชมดนตรีประกอบที่เพิ่มน้ำหนักให้กับอารมณ์ในภาพยนตร์ นอกจากนี้ยังได้ชื่นชมการแสดงของนักแสดงนำ โดยชม บิวกิ้น อัสสรัตนกุล ว่า “แสดงออกได้อย่างละเอียดอ่อนและเปี่ยมด้วยความคิด” และกล่าวว่า อุษา เสมคำ “น่าทึ่ง” ในการถ่ายทอดบทบาทของ “คุณยายผู้ฉลาด มีความสมจริง และมุ่งมั่น ไม่ใช่คุณยายที่น่ากอดตามแบบทั่วไป แต่เป็นคนที่ฉลาด เข้าใจโลก และมีจุดยืนของตัวเอง”
ที่ผ่านมากระแสวิจารณ์บนเว็บไซต์รีวิว Rotten Tomatoes ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับคะแนนรีวิวเชิงบวกจากนักวิจารณ์ถึง 100% จากทั้งหมด 10 รีวิว ในขณะที่เว็บไซต์ Metacritic ซึ่งใช้การคำนวณคะแนนเฉลี่ยแบบถ่วงน้ำหนัก ให้คะแนนภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ 84 จาก 100 โดยพิจารณาจาก 4 บทวิจารณ์ แสดงถึงการตอบรับในเชิงชื่นชมอย่างสูง ผู้ชมใน Rotten Tomatoes ให้คะแนนเฉลี่ยภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ 97% และจากผู้ชมจำนวน 140,000 คนบนเว็บไซต์รีวิว Douban ของจีน ให้คะแนนเฉลี่ยภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ 8.9/10
ลุ้นออสการ์
ภาพยนตร์เรื่อง หลานม่า ได้รับเลือกเป็นตัวแทนของประเทศเพื่อส่งเข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์นานาชาติยอดเยี่ยมก่อนสร้างประวัติศาสตร์เข้ารอบ 15 เรื่องสุดท้ายนับเป็นก้าวสำคัญในเส้นทางการสร้างชื่อเสียงในระดับสากล อย่างไรก็ตาม โอกาสที่จะประสบความสำเร็จในเวทีนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณา
ออสการ์เป็นรางวัลของ สถาบันศิลปะและวิทยาการภาพยนตร์แห่งสหรัฐอเมริกา (Academy of Motion Picture Arts and Sciences) ซึ่งมักจะให้ความสนใจกับภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงในอเมริกา ภาพยนตร์ที่มีโอกาสเข้าชิงรางวัลส่วนใหญ่มักจะเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจจากผู้ชมชาวอเมริกัน หรือมีชื่อเสียงในเวทีระดับโลกจากเทศกาลภาพยนตร์สำคัญ เช่น Cannes, Venice, Toronto หรือ Sundance
สำหรับภาพยนตร์เรื่อง หลานม่า แม้จะได้รับรางวัลจาก Cambodia International Film Festival และ New York Asian Film Festival แต่ก็ยังขาดรางวัลจากเทศกาลใหญ่ที่เป็นที่จับตามองมากกว่านี้ ดังนั้น หากต้องการสร้างโอกาสในเวทีออสการ์ อาจจำเป็นต้องเพิ่มการฉายในเทศกาลภาพยนตร์อื่น ๆ เพื่อสร้างกระแสและการยอมรับในวงกว้าง
ปัจจัยสำคัญในการลุ้นรางวัลออสการ์
หนังที่ได้รับการคัดเลือกเข้าชิงหรือได้รับรางวัลมักจะเป็นเรื่องที่ได้รับความนิยมในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะในแง่ของรายได้และคำวิจารณ์ สำหรับ หลานม่า ที่ได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์เพียง 56 แห่งทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา และทำรายได้ประมาณ 294,886 เหรียญสหรัฐ จึงอาจยังไม่เพียงพอที่จะสร้างกระแสให้กับคนในอุตสาหกรรมภาพยนตร์อเมริกันได้มากนัก
แน่นอนว่าหากภาพยนตร์เรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคลดังระดับโลก เช่น ผู้กำกับชื่อก้อง นักแสดงนานาชาติที่ผู้ชมชาวอเมริกันคุ้นเคย หรือมีการสนับสนุนจากค่ายหนังใหญ่ โอกาสที่จะได้รับการพิจารณาในเวทีออสการ์ก็คงจะสูงขึ้น เพราะหนังที่มี "คนดัง" มักได้รับความสนใจและการโปรโมตที่เข้าถึงวงกว้างมากกว่า ยิ่งไปกว่านั้น บารมีและชื่อเสียงของทีมงานระดับสากลจะช่วยผลักดันให้ภาพยนตร์มีโอกาสเข้าไปอยู่ในสายตาของผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนมากขึ้นอีกด้วย
นอกจากนั้นการโปรโมตภาพยนตร์ในลักษณะ "ออสการ์แคมเปญ" ก็เป็นปัจจัยที่สำคัญมาก
การโปรโมตภาพยนตร์เพื่อลุ้นรางวัลในเวทีออสการ์ถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก ซึ่งเรียกกันว่า "Oscar Campaign" โดยค่ายภาพยนตร์บางแห่ง เช่น Miramax หรือ The Weinstein Company (ที่ปัจจุบันไม่ได้มีบทบาทเนื่องจากปัญหากฎหมายของเจ้าของบริษัท) เคยมีชื่อเสียงในการผลักดันภาพยนตร์จนคว้ารางวัลมาแล้วหลายเรื่องในอดีต
การโปรโมตนี้มักรวมถึงการจัดอีเวนต์ การประชาสัมพันธ์อย่างเข้มข้น การทำให้ผู้มีสิทธิ์โหวตได้ชมภาพยนตร์ และบางครั้งอาจถึงขั้นมีของขวัญหรือของสมนาคุณ และเลี้ยงดูปูเสื่อให้กับคนในวงการที่มีสิทธิ์ลงคะแนน
ปัจจุบัน ค่ายอย่าง A24 และ Neon เป็นตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จในการผลักดันหนังนานาชาติ เช่น Parasite (2019), Titane (2021), Triangle of Sadness (2022), Anatomy of a Fall (2023) และล่าสุด Anora (2024) ให้กลายเป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับจนคว้ารางวัลสำคัญต่าง ๆ มากมาย
ถ้าหาก หลานม่า ไม่ได้จัดจำหน่ายโดยบริษัทเหล่านี้ และขาดการโปรโมตในลักษณะนี้ โอกาสที่จะได้รับการพิจารณาอาจลดลงไปมาก สุดท้ายจึงอาจต้องไปลุ้นกันที่ตัวหนังล้วน ๆ
ผู้มีสิทธิ์โหวตเลือกหนังเข้าชิงรางวัลออสการ์จำเป็นต้องมีโอกาสได้ชมภาพยนตร์ทั้งหมดที่ส่งเข้าชิง โดยในอดีตการเข้าถึงอาจทำได้ผ่านการส่ง DVD หรือ Blu-ray จนมาปัจจุบันก็ดูกันผ่านทางช่องทางออนไลน์พิเศษ ซึ่งเป็นสื่อสำคัญในการเผยแพร่หนังให้กับผู้มีสิทธิ์โหวตได้ชม
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากหนังที่เข้าชิงมีจำนวนมาก "กรรมการ" จึงอาจไม่ได้รับการชมครบทุกเรื่อง ทำให้บางครั้ง “เรื่องย่อ” หรือคำบอกเล่าปากต่อปากเกี่ยวกับเนื้อหาของหนังกลายเป็นสิ่งสำคัญในการดึงดูดความสนใจของผู้มีสิทธิ์โหวตให้เลือกรับชมและลงคะแนนให้
ดังนั้น หาก หลานม่า ต้องการสร้างโอกาสในการเข้าชิงรางวัลออสการ์ ก็จำเป็นต้องเน้นการประชาสัมพันธ์อย่างเข้มข้น การนำเสนอเรื่องราวที่ดึงดูดความสนใจ และสร้างกระแสในเวทีระดับสากลมากยิ่งขึ้น