“บอย ปกรณ์” ยอมรับเหตุไฟไหม้รถบัสนักเรียนนำเที่ยวมีผลต่อการตัดสินใจส่งน้องสาว “วันใหม่” ไปเข้าค่ายกับโรงเรียน ควรมีมาตรการดูแลเรื่องความปลอดภัยให้ดีกว่านี้ รถบัส 50 ปีปล่อยมาวิ่งได้ไง
เป็นประเด็นเศร้าสลดในสังคมไทยตอนนี้จากกรณี ไฟไหม้รถบัสนักเรียนนำเที่ยว แถมนักเรียนเป็นเด็กเล็ก ด้าน “บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์” ในฐานะผู้ปกครองที่มีน้องสาวอยู่ในวัยเรียน ยิ่งเศร้าสะเทือนใจกับเหตุการณ์ดังกล่าว โดยเล่าความรู้สึกที่มีต่อเหตุการณ์ดังกล่าวว่า
“เป็นเรื่องสะเทือนใจ หดหู่ใจมาก น่าสงสาร ในฐานะที่ผมเองก็เป็นผู้ปกครองเหมือนกัน (เวลาวันใหม่ขอออกไปทัศนศึกษาเรามีกังวลใจ?) เป็นอยู่แล้ว พ่อแม่ทุกคนเป็นหมด ผมเองก็เป็น คือตั้งแต่เด็กกๆมาแล้ว ทัศนศึกษามีมาทั้งแต่ ป.1 จากใกล้ๆไปไกลขึ้นเรื่อยๆ นั่งรถทัวร์ไปต่างจังหวัด เราก็กลัวทุกอย่างในฐานะเป็นผู้ปกครอง พอเด็กห่างตาเราก็จะมีความกังวลว่าไปแล้วจะเป็นยังไง เดินเที่ยวตรงนั้นจะตกน้ำไหม แต่การทัศนศึกษามันก็มีมานานและเป็นเรื่องปกติของโรงเรียนทุกโรงเรียนอยู่แล้ว ทางโรงเรียนก็ดูแลนักเรียนดีเต็มที่ ไม่มีใครอยากให้สิ่งที่ไม่ดีเกิดขึ้นมาอยู่แล้ว ฉะนั้นเราก็ต้องมีความวางใจกับทางโรงเรียน
ส่วนอุบัติเหตุ เคสนี้เลย ผมเชื่อว่าทางโรงเรียน คุณครูก็ดูแลนักเรียนเต็มที่ที่สุด ปัญหาจริงๆต้องดูจากรถ ทำไมถึงปล่อยให้รถที่มีอายุถึง 50 กว่าปียังออกมาวิ่งอยู่ ทำไมถึงไม่ปลดระวาง มันไม่ควรจะถูกนำออกมาใช้งานแล้ว ต่อให้มันยังวิ่งได้ ซ่อมได้ก็ตาม อันนี้เป็นเรื่องของจิตสำนึกของผู้ประกอบการ คนที่ทำงานอาชีพบริการจะต้องตรวจสอบที่คุณจะนำไปให้คนใช้บริการอยู่เสมอ ไม่ว่าสินค้านั้นๆจะคืออะไร อาหาร การบริการต่างๆ รถ
ผมว่าในเมืองไทยมันมีเหตุการณ์พวกนี้เกิดขึ้นเรื่อยๆ พอเกิดขึ้นแล้วมันก็หายไป เช่น มีรถบรรทุกทำตู้คอนเทนเนอร์หล่นทับรถคันอื่น ก็มีการรณรงค์อยู่พักนึงให้ล็อคตู้ ถามว่าทุกวันนี้ขับไปเห็นรถบรรทุกมีคันไหนล็อคตู้คอนเทนเนอร์บ้าง ไม่มี เพราะฉะนั้นผมคิดว่าการรณรงค์หรือการเข้มงวดอะไรพวกนี้ มันจะต้องมีการตรวจสอบกันตลอดและต่อเนื่องกันไป ให้ความเสี่ยง ความอันตรายที่ไม่รู้มันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ พอเกิดแล้วค่อยมาตระหนักถึง อย่าทำแบบวัวหายล้อมคอกเลย”
รับข่าวมีผลกับการวางใจให้ “วันใหม่” ไปทัศนศึกษาอีก? ขอไม่ตอบประเด็นทัศนศึกษาควรมีอยู่ไหม ขอโฟกัสเรื่องการเตรียมพร้อมอุปกรณ์ความปลอดภัยสำหรับการจะเดินทางไปทัศนศึกษามากกว่า
“มีแน่นอน เจอเหตุการณ์แบบนี้เป็นใครก็ต้องกลัว แล้ววันใหม่มีคิวที่จะต้องไปทัศนศึกษาเร็วๆนี้ด้วย ผมว่าพ่อแม่ทุกคนเจอแบบนี้สะเทือนใจหมด เป็นห่วงมากขึ้น มันคงต้องคุยกันมากขึ้น วันนี้ถามกันว่าทัศนศึกษาควรมีไหม ผมมองว่าการศึกษานอกห้องเรียนก็สำคัญ ทุกคนเคยผ่านการไปทัศนศึกษามา เราเติบโตมาได้โดยที่ไม่เกิดอะไร เรื่องยกเลิกหรือไม่ยกเลิกผมขอไม่ออกความเห็นแล้วกัน ผมคิดว่าสิ่งที่ควรจะโฟกัสมากกว่าคือสิ่งที่เราควบคุมได้ คือ การดูแลความปลอดภัยให้เด็กๆนักเรียนให้ดีที่สุดดีกว่า อะไรที่เด็กนักเรียนต้องใช้ ก็ตรวจสอบ เช็คสภาพให้ดีที่สุด มาดูตรงนี้น่าจะดีกว่า”
แล้วจะให้วันใหม่ไปทัศนศึกษาอยู่ไหมคงต้องไปคุยกันครับ ยังไม่รู้ว่าพอเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ทางโรงเรียนเทคแอคชั่นยังไง ตอนเราเป็นเด็กเราก็ชอบไปทัศนศึกษานะ เพราะเราได้ไปเที่ยวกับเพื่อน มันพูดยาก คุณครูเขาก็ดูแลเต็มที่แหละ แต่เด็กเยอะ ผมเองเคยไปทัศนศึกษากลับบ้านมาฟันบิ่น ฟันแตก กลับบ้านไป แม่พูดมาคำนึงว่าปีหน้ามึงไม่ต้องไป สุดท้ายก็เป็นหน้าที่ของผู้ปกครองด้วยที่จะต้องกำชับบุตรหลานของตัวเองให้ดูแลตัวเอง“