“ร็อคกี้ สุรบดินทร์” เผยชีวิตพลิกผัน เป็นหนี้หลักล้าน จากธุรกิจ และเพื่อนสนิทโกง โอดยังจับตัวไม่ได้ เพราะหนีไปอยู่อเมริกา รออนุมัติส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน มีผู้เสียหายเกือบ 30 คน รวมมูลค่า 80 กว่าล้าน
จากเคยเป็นเจ้าหนี้ ต้องกลายมาเป็นลูกหนี้แทนซะวั้น สำหรับ “ร็อคกี้ สุรบดินทร์ สมบัติเจริญ” ที่ล่าสุดวันนี้ (1 ต.ค. 67) ได้เปิดใจกับสื่อในงาน “Ageing Thailand: International Day of Older Persons 2024 วัยเก๋า...ไม่เก่าเลย” ว่าชีวิตตอนนี้เหมือนใช้หนี้แทนคนอื่น เพราะทั้งเป็นหนี้จากธุรกิจที่ขาดทุนแล้ว ยังมาโดนเพื่อนสนิทโกงเงินแล้วหนีไปต่างประเทศอีก
“ได้ไปรับเชิญในละครในรอบหลายปี ก็ขอบคุณที่ไม่ลืมกัน เราก็ค่อนข้างสู้ชีวิตอยู่ เพราะภาระก็ยังเยอะอยู่ ตอนนี้ก็ทำงานทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังครับ ตอนนี้มีหนี้สองส่วน หลักๆ คือจากการทำงาน และโดนโกง เราเป็นคนระวังตัวมากแล้ว เวลาทำงานต้องมีเงินฉุกเฉิน แต่ปัญหาคือเราอาจจะเป็นคนเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ตรงที่สำรองไว้ก็ดันไปช่วยเหลือคนอื่นที่เขาลำบาก พอวันหนึ่งที่มันเกิดปัญหาสองฝั่งขึ้นมา เลยจัดการมันไม่ได้ ก็เลยเป็นอย่างที่เห็น ทุกวันนี้ชีวิตก็เหมือนใช้หนี้แทนคนอื่น”
“ในส่วนธุรกิจขาดทุนไปเกือบ 10 ล้าน ส่วนที่ให้คนยืมก็หลายล้านเหมือนกัน พูดแล้วมันจี๊ดใจ ตอนนี้ก็คือทำยังไงก็ได้ให้ทุกอย่างมันกลับมาเป็นปกติให้ได้ เงินที่มันกระจายไปหลายส่วน ก็พยายามจัดให้มันเข้าระบบให้หมด แล้วก็โฟกัสเป้าหมายชัดเจน ว่าทำงานแล้วก็ต้องส่ง คือรวมๆ ตอนนี้ก็เหลือไม่ถึงหลัก 10 ล้านแล้ว แต่ก็ยังเป็นหลักล้านอยู่ แต่ที่บอกว่าเหนื่อย คือมันเป็นโมเดลที่ต้องใช้คนทำ เปรียบเทียบให้เห็นภาพก็คล้ายๆ พี่วิลลี่ แมคอินทอช พี่เสนาหอย ซึ่งผมก็มีแรงบันดาลใจจากพี่เขาเหมือนกัน ว่าพี่เขายังทำได้เลย”
“ตอนนั้นเราอาจจะเฟลหนักๆ เพราะเราโดนทั้งจากธุรกิจ แล้วก็จากเพื่อนที่เรารักและไว้ใจมากๆ ที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก เลยรู้สึกว่ามันเป๋ไปหมดเลย ใครที่มีปัญหาแบบนี้ให้นึกถึงผมไว้ ว่าไม่ใช่คุณคนเดียวที่มีปัญหาหนักๆ ผมเคยรู้สึกแบบนี้ แล้วก็ดูจากพี่ๆ เขา แล้วก็มาให้กำลังใจตัวเอง ต้องมีสติ ใจเย็นๆ และแก้ปัญหาไป คนข้างหลังยังคอยเราอยู่”
เผยทำอะไรไม่ได้ เพราะลูกหนี้หนีไปต่างประเทศ
“ทำอะไรไม่ได้เพราะเขาอยู่ต่างประเทศ เขาไปตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ จริงๆ หนี้ทั้งหมดมันไม่ใช่ของผมคนเดียว เพราะมันมีหลายส่วน แต่มูลค่าหนี้ทั้งหมดมันประมาณ 80 กว่าล้าน ซึ่งคนอื่นๆ เขาก็ดำเนินการกันไปพอสมควรอยู่ แต่มันมีเรื่องกฎหมายต่างประเทศ MOU ส่งผู้ร้ายข้ามแดนอีก ซึ่งอันนี้มันเกินความสามารถของเรา ก็ได้แต่ปล่อยให้ทางการเขาจัดการ แต่ส่วนตัวผมยังไม่ได้ดำเนินการอะไร เพราะผมเห็นมีคนจัดการอยู่ประมาณ 20-30 เจ้า แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่กลับมาได้แล้วผมยินดี เพราะตอนนี้พูดตรงๆ ผมไม่มีเวลา 24. ชั่วโมง แต่ผมใช้ 38 ชั่วโมงในการทำงานหาเงิน ดูแลที่บ้าน และจัดการเรื่องหนี้สิน”
หวังจะได้เงินคืนจนเลิกหวังแล้ว
“ตอนแรกหวัง ตอนนี้เลิกหวัง เพราะถ้ามัวแต่หวังอยู่ เราจะไม่ยอมเดินไปข้างหน้าเพื่อหาเงิน ทุกวันนี้ก็ยังติดต่อเขาไม่ได้ รู้แค่ว่าเขาอยู่อเมริกา ก็น่าจะ 2 ปีแล้ว แต่จริงๆ คิดว่าน่าจะมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ เพราะเพื่อนๆ ผมที่เป็นตำรวจ เขาก็บอกว่าดำเนินการไปสุดแล้ว แต่ตอนนี้มันเป็นปัญหากฎหมายระหว่างประเทศ ก็รอว่าเมื่อไหร่ต่างประเทศเขาจะเซ็นอนุมัติกลับมาสักที”
จากเป็นเจ้าหนี้ กลายมาเป็นลูกหนี้แทน
“ตอนแรกมีคำว่าทำไมเยอะเลย แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนเป็นทำยังไงแทน ถ้ามัวแต่ถามว่าทำไมๆ เราจะไม่ทำอะไรเลย แต่พอเขาคิดใหม่ เราจะหาวิธีทันทีว่าจะทำยังไงให้ชีวิตมันมูฟออนและไปต่อได้ แต่ถ้าพรุ่งนี้เอามาคืนให้ก็เอาครับ แต่ถ้ามัวไปโฟกัสแต่มันเราจะไม่ทำอะไรเลย ต้องคิดถึงคนข้างหลังให้มากที่สุด”