โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ภายใต้การกำกับดูแลของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ไม่ได้เป็นเพียงแค่การขยายท่าเรือเท่านั้น แต่เป็นการสร้างโอกาสครั้งสำคัญที่จะยกระดับประเทศไทย ให้กลายเป็นศูนย์กลางทางการค้าและโลจิสติกส์ของภูมิภาคในฐานะ World Class Gateway Port
สำหรับโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 1 และ 2 สามารถรองรับตู้สินค้าได้ 11 ล้าน TEU ต่อปี และรองรับการนำเข้า-ส่งออกสินค้าประเภทรถยนต์ได้มากถึง 2 ล้านคันต่อปี ทำให้ท่าเรือแหลมฉบังซึ่งเป็นท่าเรือน้ำลึกหลักของประเทศไทย กลายเป็นแหล่งรองรับการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอินโดจีน โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMV ได้แก่ ลาว เวียดนาม กัมพูชา และเมียนมา รวมถึงภูมิภาคเอเชียตะวันออก เช่น จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ อีกทั้งยังเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญบนเส้นทางการค้าทางทะเล ที่เชื่อมต่อมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดียอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม การท่าเรือและรัฐบาลเล็งเห็นถึงศักยภาพทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศที่จะขยายตัวมากขึ้นในอนาคต จึงวางแผนพัฒนาขีดความสามารถของท่าเรือให้เพียงพอต่อความต้องการในการใช้บริการขนส่งสินค้าทางทะเล และรองรับปริมาณตู้สินค้าที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 จึงตั้งเป้าเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับตู้สินค้าจาก 11 ล้าน TEU ต่อปี เป็น 18 ล้าน TEU ต่อปี รวมถึงรองรับสินค้าประเภทรถยนต์ได้มากถึง 3 ล้านคันต่อปี
ไม่เพียงเท่านั้น โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ยังให้ความสำคัญกับการสนับสนุน Green Technology ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนใช้ระบบปฏิบัติการยกขนเคลื่อนย้ายตู้สินค้าแบบรีโมตคอนโทรล การใช้รถบรรทุกไฟฟ้าพร้อมเทคโนโลยีสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ การใช้พลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ รวมถึงการเปลี่ยนระบบขนส่งตู้สินค้าเป็นทางรถไฟ ซึ่งเป็นการประยุกต์นำพลังงานสะอาดมาช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อยกระดับสู่การเป็นท่าเรือ Green Port 100% แห่งแรกของประเทศไทยในอนาคต
ทั้งนี้ หากโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 แล้วเสร็จจะกลายเป็นท่าเรือสำคัญชั้นนำของโลกแห่งใหม่ ซึ่งนับเป็นจุดยุทธศาสตร์ในการขนส่งและกระจายสินค้าที่สำคัญของภูมิภาค ที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และรองรับการเติบโตตามแผนพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC เปรียบเสมือนประตูสู่โอกาสใหม่ ที่จะนำพาเศรษฐกิจไทยไปสู่ความมั่งคั่งและยั่งยืน
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ LINE OA : @PATConnex
ติดตามข่าวสารได้ที่ https://pat.marketing/
หรือ https://www.facebook.com/patmktbd