xs
xsm
sm
md
lg

“ณัฏฐ์ เทพฯ” สารภาพเรื่องเดียวที่เสียใจที่สุด ที่ไม่ได้ทำกับ “อ๋อม อรรคพันธ์” ขณะยังมีชีวิตอยู่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ณัฏฐ์ เทพฯ” เผยเรื่องเดียวที่เสียใจ ไม่ได้โทร.หรือไปหา “อ๋อม อรรคพันธ์” บ่อยเหมือนเมื่อก่อน เหตุมีครอบครัว ได้แต่ฝากความคิดถึงและห่วงใย บอกเพื่อนเป็นคนที่ปิดทองหลังพระมาตลอด ช่วยเหลือสังคมแบบไม่เอาหน้า ไม่แฟร์ที่โรคร้ายมาพรากคนดีๆ ไปเร็ว บอกอ๋อมชอบถามตลอดว่ารักไหม วันนี้คงรู้แล้ว มีคนรักมากมายขนาดนี้

เห็นได้ชัดเลยว่าพระเอกหนุ่มผู้ล่วงลับ “อ๋อม อรรคพันธ์ นะมาตร์” มีเพื่อนพี่น้องที่รักเจ้าตัวมากขนาดไหน อย่างนักแสดงหนุ่ม “ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา” ก็เป็นอีกคนที่ได้เผยความรู้สึกว่ายังช็อกกับเหตุการณ์ครั้งนี้ เพราะเรียกว่าเป็นเพื่อนซี้กันมาตั้งแต่เข้าวงการ แต่ก็ห่างกันไปเพราะต่างคนต่างโตและแยกย้ายไปมีครอบครัว ซึ่งเป็นสิ่งที่เสียใจที่สุดที่ทำให้ไม่ค่อยได้โทร.คุยหรือไปหาเพื่อนได้เหมือนเมื่อก่อน

“ผมสนิทกับอ๋อมตั้งแต่เข้าวงการใหม่ๆ เลย ตั้งแต่แก๊งอ้วน (รังสิต ศิรนานนท์) , อ๋อม , กันต์ (กันต์ กันตถาวร) ก็คือแก๊งเดียวกันหมด โตมาด้วยกัน ทำงานมาด้วยกัน วันที่รู้ข่าวผมอยู่ที่เชียงใหม่ ตื่นมาวันนั้นก็ได้ข่าวร้าย จริงๆ ไม่ค่อยอยากเชื่อเท่าไหร่ เพราะเมื่อต้นปีทราบข่าวมาว่าอ๋อมเขาดีขึ้น จากการทำคีโมครั้งแรก และดูเหมือนว่าเขาสดใสขึ้น เราได้ข่าวดีมาเราก็รู้สึกดีใจ 

แต่เมื่อ 1-2 เดือนที่แล้วก็ได้ข่าวจากเพื่อนสนิทอีกคนว่าเหมือนมะเร็งกลับมาอีกรอบ เขาก็ยังสู้อยู่ แต่เหมือนรอบนี้น่าจะมีอะไรที่มันยากกว่ารอบแรก เรื่องของการรักษารายละเอียดเราก็ไม่ได้ลงลึก เพราะผมก็ทราบดีว่าอ๋อมค่อนข้างรักความเป็นส่วนตัว ยิ่งเขาป่วยหรือเป็นอะไรก็ไม่ค่อยบอกให้ใครรู้ เขาจะเก็บไว้คนเดียว ด้วยนิสัยเขาเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว เราก็เลยไม่ค่อยได้ติดตามถามสักเท่าไหร่

แต่เราคิดในแง่ดีมาตลอดว่าเพื่อนเราต้องสู้ไหว เพราะเขาเป็นนักสู้ เขาเป็นคนที่เล่นกีฬา เราเล่นกีฬามากับเขา เรายังรู้สึกว่าอ๋อมเป็นคนที่มีความพยายาม มีความตั้งใจ และมีอุตสาหะมากๆ เราก็รู้สึกว่ามันต้องมีปาฏิหาริย์ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็คงเหนื่อยจริงๆ เมื่อวานก็ได้คุยกับน้องอุ๋ม (น้องสาวอ๋อม) น้องอุ๋มก็บอกว่ามันเป็นตัวที่รักษาไม่หายจริงๆ เราก็เสียใจที่ไม่ได้คุยกับเพื่อนมากกว่านี้ อันนี้เป็นอย่างเดียวเลยที่รู้สึกเสียใจ พอเราเริ่มโตมีครอบครัวก็ห่างๆ กันไป จากที่เมื่อก่อนและเจอกันทุกอาทิตย์ ได้ไปแฮงก์เอาต์กัน กลายเป็นค่อยๆ ห่างกันไป ต่างคนต่างมีหน้าที่ มีครอบครัว”

ขอโทษที่ไม่ได้โทรหา-ไปหาเหมือนเมื่อก่อน
“ถ้าสิ่งที่อยากจะบอกอ๋อมก็คือขอโทษที่ไม่ได้ไปหา ไม่ได้โทร.ไปหาบ่อยๆ เท่าที่ควร ก็รู้สึกว่าอ๋อมเป็นคนที่จะชอบถามอยู่เสมอว่ารักเขาไหม เราก็ไม่ได้เอะใจว่าอ๋อมเป็นคนอย่างนี้นะ เขาเป็นคนที่ไม่ค่อยโทร.หาคนอื่นก่อนหรอก เขาชอบให้คนอื่นโทร.หาก่อน เราเองก็คิดเผื่อเขาว่าเวลาเขาป่วยก็คงไม่อยากให้ใครมากวนเขาเยอะ แล้วเขาก็คงไม่อยากมานั่งอธิบายให้ใครฟังหลายๆ ครั้ง เราก็เลยไม่ได้ไปเจาะลึกอะไร หรือโทร.ไปถามสารทุกข์สุกดิบเท่าที่ควร ก็ได้แต่ฝากเพื่อนไป คนที่เขาได้คุยกันบ่อยๆ ว่าฝากบอกด้วยนะว่าคิดถึง เป็นห่วง แต่ไม่อยากรบกวนจริงๆ และถ้ามีอะไรให้เราช่วยเหลือก็บอกได้เลย ก็เสียใจแค่ตรงนี้

แต่ก็รู้สึกว่าเพื่อนเราก็คงสู้เต็มที่แล้ว และอ๋อมเป็นคนดี กตัญญูกับครอบครัว ผมเห็นตั้งแต่สมัยเข้าวงการ เขาเป็นคนประหยัดและให้กับคนรอบข้าง กับน้องสาวกับพ่อกับแม่เขา เขาดูแลครอบครัวเขาดีมาก ก็เชื่อว่านั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เขาได้ดีมาจนถึงทุกวันนี้ แต่ก็เสียดายที่โรคร้ายมันมาพรากชีวิตเขาไปเร็วเกินกว่าที่มันจะเป็นมาก

สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากเรื่องนี้ คือคุยกันเยอะๆ ครับ เวลารักใคร เวลาเป็นห่วงใคร ให้เขารู้ด้วยเราเป็นห่วง อันนี้เป็นสิ่งเดียวที่ผมเสียดายมากๆ ที่เราพูดน้อยไป ทำน้อยไปจริงๆ และเราก็คิดไปเองว่าเพื่อนคงเข้าใจว่าเรามีครอบครัว แต่เราไม่รู้หรอกว่าคนที่เขาป่วยก็คงต้องการกำลังใจแหละ บางทีเราอาจจะไม่ต้องโทร.ไปถาม แค่โทร.ไปให้กำลังใจก็พอแล้ว แต่ก็คิดว่าเขาคงไม่ไหวแล้วจริงๆ จากที่ได้คุยกับคุณแม่ ก็ยังช็อกอยู่ครับ ยังไม่ค่อยอยากเชื่อเท่าไหร่ว่าเพื่อนเราไปแล้วจริงๆ”

บอก “อ๋อม” เป็นคนปิดทองหลังพระมาตลอด
“เมื่อก่อนผมไปเจออ๋อมบ่อยมาก แทบทุกอาทิตย์เลย อ๋อมเป็นคนสอนผมเล่นเวคบอร์ด แล้วเวลาผมไปเล่นก็จะขับรถไปจอดบ้านเขา แล้วก็นั่งรถเขาไปด้วยกัน ก็เป็นความทรงจำดีๆ เจอคุณแม่ครั้งนี้คุณแม่ก็ยังจำผมได้จากที่ไม่ได้เจอกันหลายปีมาก ผมก็ดีใจที่แม่และน้องอุ๋มจำผมได้ อุ๋มก็บอกว่าเมื่อก่อนพี่ณัฐฎ์มาบ่อยมากเลย หลังๆ ไม่ค่อยเจอเลย ก็เสียใจที่เราไม่ค่อยได้ไปเจอเขา แต่นอกเหนือจากนั้นก็ไม่รู้จะพูดอะไร

มันเป็นความสูญเสียที่เร็วเกินกว่าที่พวกเราจะรับได้ คือผมโตกว่าอ๋อม 2 ปี แต่ด้วยความที่เราเข้าวงการมาด้วยกัน ผมก็บอกว่าอ๋อมไม่ต้องเรียกพี่หรอก เราเป็นเพื่อนกัน และทุกครั้งที่เขาเจอผม เขาก็จะบอกว่า เฮ้ยภูมิ กูขอโทษนะที่ไม่ได้เรียกมึงว่าพี่ แต่รู้ใช่ไหมว่ากูรักและเคารพมึง ผมก็บอกว่าไม่เป็นไร เรารู้ เราสัมผัสได้ เรานักแสดงด้วยกัน ทำงานกับอารมณ์ เรารู้อยู่แล้วว่าใครจริงใครไม่จริง มันอ่านออก และผมก็รู้ว่าอ๋อมเป็นเพื่อนที่จริงใจที่สุดครับ

เขาขอโทษทุกครั้งจริงๆ นะ เวลาเขาอยู่กับเพื่อนๆ ก็จะชอบถามว่ารักเขาไหม ทุกคนให้สัมภาษณ์แบบนี้หมด และมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ นะ ผมไม่รู้ว่าลึกๆ แล้วเขาคิดว่าทุกคนไม่รักเขาหรือเปล่า แต่พอเขาได้จากไปแล้ว อย่างนึงที่ผมอยากจะบอกเขาเลยว่าเห็นไหมว่าคนรักเขามากแค่ไหน มันไม่ใช่แค่คนในวงการ แต่มันคือแฟนคลับและคนที่เคยร่วมงานกับเขา และหลายๆ อย่างที่เขาทำ เขาปิดทองหลังพระนะ เขาไม่ได้เอาหน้าเลยในการช่วยเหลือสังคม หรือบางทีเขาไม่ได้ออกหน้าเลย แต่ทำไมมันเพิ่งโผล่มาให้เรารู้ในเวลาที่เขาเสียไปแล้ว เราก็รู้สึกว่าคนนี้เป็นคนดีคนนึงเลยที่หลายๆ คนอาจจะไม่รู้ เขาทำบุญปิดทองหลังพระมาตลอด รู้สึกว่ามันไม่แฟร์เลยที่เขาต้องจากไปเร็วขนาดนี้ครับ”







กำลังโหลดความคิดเห็น