“เคน ภูภูมิ” คิดมานานแล้ว ยึดนักแสดงเป็นอาชีพเดียวไม่ได้ ต้องทำอาชีพอื่น ตอนนี้มีรายได้จากธุรกิจมากกว่างานแสดง ส่วนอาชีพนักแสดงเป็นงานอดิเรก ลั่นทุกธุรกิจที่ทำเกิดจากแพสชั่น
หันเหชีวิตมุ่งไปโฟกัสการทำธุรกิจมากกว่าการเป็นนักแสดงแล้ว สำหรับ “เคน ภูภูมิ พงษ์ภานุภาค” ซึ่งเจ้าตัวเผยว่า ณ ตอนนี้แม้ว่าการทำธุรกิจจะเห็นเงินมากกว่าการยึดอาชีพนักแสดงเพียงอย่างเดียว แต่ตนก็ยังคงยึดอาชีพนักแสดงเป็นงานหลักอยู่
“ต้นไม้ก็ยังปลูกอยู่ แต่ช่วงนี้ก็มาลุยขนม ก็พยายามจะเติบโตไปเรื่อยๆ อาชีพนักแสดงเป็นงานอดิเรก ตอนนี้ผมทำสวนทุเรียน ทำร้านเคนภูปัง เป็นดีเจ แล้วก็กำลังจะทำสินค้าคอลลาเจนตัวนึงที่ทำร่วมกับเอสเธอร์ (เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา) อาชีพนักแสดงก็ยังเป็นอาชีพหลักอยู่ แต่อาชีพหลักมีหลายอย่าง”
คิดมานานแล้วเป็นนักแสดงอย่างเดียวไม่ได้แล้ว ต้องมีหลายอาชีพ
“จริงๆ ผมมองตั้งนานแล้วว่าเราจะเป็นแค่นักแสดงอาชีพเดียวไม่ได้ การเป็นนักแสดงก็ควรจะทำอาชีพอื่นด้วย แต่พอดีว่าอาชีพอื่นที่เราทำดันโชคดีที่มันเป็นสิ่งที่เราชอบ ผมเป็นคนที่ทำอะไรตามแพสชั่น ผมทำตามความชอบของตัวเอง ถ้าคนที่ติดตามจะรู้สึกว่าสิ่งที่ผมทำมาจากความชอบทั้งนั้น
ผมชอบปลูกต้นไม้ ตอนนี้ก็มาปลูกทุเรียน จริงๆ แล้วผมเป็นคนชอบดูรายการทำอาหาร ชอบอยู่กับคนที่ทำอาหารอยู่แล้ว ผมก็เลยได้มีโอกาสไปทำขนมปัง แล้วขนมปังอร่อย เราต้องไปหาดใหญ่อยู่แล้ว ก็รู้สึกว่าสินค้าตัวนี้เราน่าจะขายที่หาดใหญ่นะ เพราะหาดใหญ่ยังไม่มีสินค้าแบบนี้ แล้วยังได้ขายนักท่องเที่ยวด้วย เลยเริ่มจากตรงนั้น ตั้งใจจะเปิดเล็กๆ แต่เปิดไปเปิดมากระแสตอบรับดี ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีที่ได้ขยาย เวลาได้ทำอะไรแล้วก็จะทำแบบสุดโต่งมากๆ เลย
ต่อไปอาจจะเปิดขายแฟรนไซน์ รอติดตามกันครับ ธุรกิจนี้ทำกันแค่ 2 คน มีผมกับพาร์ตเนอร์ ทำกันเองหมดเลย ถือเป็นการเรียนรู้และได้พัฒนาตนเองว่าการเข้ากรุงเทพฯ มาทำธุรกิจเราจะต้องพัฒนายังไง ต้องเรียนรู้แบบไหน”
แยกย้ายกับ “เอสเธอร์” ให้ต่างคนต่างไปเติบโตเรียนรู้ธุรกิจคนละเวย์ แล้วค่อยกลับมาทำงานร่วมกัน
“ผมว่าแต่ละคนก็จะมีความชอบไม่เหมือนกัน ใครชอบแบบไหนก็แยกกันไปทำ จะได้เดินกันให้เต็มที่ไปเลย เหมือนแยกกันไปเรียนรู้ จะได้ความรู้ที่แตกต่างกัน ไม่ต้องมาทางเดียว พอได้กลับมาทำธุรกิจร่วมกันอีกครั้ง อะไรๆ ก็เปลี่ยนไปเยอะ น้องเปลี่ยนไปเยอะ เขาก็โตขึ้น มีมุมมองใหม่ๆ เราก็บอกซึ่งกันและกันว่าเราควรจะมองมันเป็นแบบนั้น แบบนี้นะ รอบนี้เรามีทีมช่วยเซ็ตหลายๆ อย่างแล้วเราก็ค่อยๆ ไป เอาที่ต่างฝ่ายต่างสบายใจ เราอยากจะทำงานแบบแฮปปี้”
ทำธุรกิจมีรายได้มากกว่าการเป็นนักแสดง
“การที่หายไปจากหน้าจอ ถามว่ามันมีผลกับงานไหม สำหรับผมไม่มีผล เพราะผมก็มีงานให้เห็นเรื่อยๆ แล้วเดี๋ยวนี้เราสามารถกำหนดสื่อจากแพลตฟอร์มต่างๆ ได้ เราก็แค่ย้ายแพลตฟอร์มก็อาจจะต้องเปลี่ยนความคิดตามเทรนด์ ตามยุคสมัยนิดนึง ธุรกิจทำรายได้มากกว่าเป็นนักแสดงไหมมันก็เป็นอย่างนั้นแหละ หลายๆ ธุรกิจรวมกัน แต่การเป็นนักแสดงก็ดีครับ ผมคิดว่ามันช่วยส่งเสริมกัน”
