“กาย-ฮารุ” ชี้เหลือเวลาอีกแค่ 10 ปี อยากใช้เวลากับลูกให้คุ้ม ก่อนลูกเติบโตไปใช้ชีวิต แฮปปี้ลองเล่นลิเกคณะ “ศรราม น้ำเพชร” แต่เป็นครั้งแรกและอาจเป็นครั้งสุดท้าย วอนคนไทยอย่าบูลลี่วัฒนธรรมกันเอง
เพิ่งผ่านวันคล้ายวันเกิดของคุณพ่อลูกสาม สำหรับหนุ่ม “กาย รัชชานนท์ สุประกอบ”ซึ่งล่าสุดได้ควงภรรยา “ฮารุ สุประกอบ”พร้อมกับลูกๆ ทั้งสามคนได้แก่ คิริน, ไนร่า และ เอเดนมาร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัวแคมเปญ ยิ้มคนไทย ไร้ฟันผุ ณ ห้องประชุมคอลเกต บริษัท คอลเกต-ปาล์มโอลีฟ (ประเทศไทย) โดยคุณพ่อลูกสามเผยว่าวันเกิดที่ผ่านมาเรียบง่ายมากๆ ตนเองก็ลืมวันเกิดไปแล้วด้วยซ้ำ เหตุตรงกับวันที่คุณแม่เสียชีวิต
กาย : “น่ารักครับ เด็กๆ ก็มีการ์ดให้ เป็นวันเกิดง่ายๆ 35 แล้ว ตัวเองยังลืมเลยว่าวันเกิด จริงๆ ตั้งแต่คุณแม่เสีย กายก็เลยไม่ค่อยนึกถึงวันเกิดสักเท่าไหร่ เพราะคุณแม่เสียวันเดียวกันกับที่กายเกิด ก็เลยเฉยๆ มันก็ฝังใจแหละ แต่ไม่ได้เฮิร์ตนะ แค่ตอนแรกๆ ไม่รู้จะทำตัวยังไง ฉันจะต้องมีความสุขใช่ไหม หรือฉันควรจะกึ่งๆ ไว้ก็เลยเฉยๆ ตั้งแต่นั้นมา จริงๆ ความสุขของกายก็มีแค่เห็นพวกเขามีความสุข แค่นั้นก็ยิ่งกว่าของขวัญวันเกิดอะไรแล้วครับ”
ฮารุ : “ฮารุไม่มีอะไรให้เขาเลย เพราะพูดดักไว้นานแล้ว คือคิรินเกิดวันที่ 6 เราก็จะไปตื่นเต้นกับวันเกิดลูก เตรียมเค้กนั่นนี่ พอหลังวันที่ 6 ก็วันเกิดพี่กายต่อ ก็เลยบอกพี่กายว่าวันเกิดปีนี้ไม่รู้จะทำอะไรให้นะ ก็พูดดักไว้ก่อน พอมีลูกวันเกิดลูกก็จะสำคัญกว่าวันเกิดเราเสมอ”
กาย : “ไม่มีปัญหาเลยครับ คือวันเกิดตัวเองยังลืมเลย วันเกิดอาจจะสำคัญสำหรับบางคนเนอะ แต่สำหรับกายเฉยๆ เพราะทุกวันนี้แค่ได้ตื่นมาเห็นเขา เจอเขา พาเขาไปโรงเรียน หรือไปซ้อมบอลหลังเลิกเรียนแค่นั้นก็มีความสุขแล้ว”
ฮารุ : “ส่วนมากวันเกิดพี่กายตอนเช้าเราก็จะไปวัด ไปทำบุญ เพราะตรงกับวันที่คุณแม่เสียพอดี หลังจากนั้นก็จะเรียบง่ายค่ะ”
กาย : “ก็ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวเยอะครับ เพราะเด็กเดี๋ยวนี้โตเร็วมาก คิริน 10 ขวบแล้ว เร็วมาก เหมือนเพิ่งเกิดไม่กี่เดือนที่แล้วเอง เดี๋ยวก็ต้องโตขึ้นไปเรียนไปโน่นไปนี่ เวลาตรงนั้นก็จะค่อยๆ หายไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นในช่วงเวลาที่เขายังมีเวลาอยู่กับเรา เราก็อยากจะอยู่กับเขาให้มากที่สุด”
ฮารุ : “ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าอีก 10 ปีให้หลังมันจะเป็นยังไง อาจจะครึ่งทางที่ลูกไปอยู่เมืองนอกแล้วหรือเปล่า ก็เลยอยากใช้ทุกเวลาให้มันคุ้มก่อน เพราะช่วง 10-20 เขาอาจจะไปเมืองนอกหรืออาจจะอยู่กับเรา 20-30 อาจจะมีครอบครัวแล้วก็ได้ ก็เป็นช่วงเวลาแค่ 10 ปีนี้เท่านั้น”
กาย : “เราจะอยู่ถึงขนาดนั้นหรือเปล่าก็ไม่รู้ อะไรก็เกิดขึ้นได้นะเดี๋ยวนี้ ถามว่าวางแพลนให้ลูกไปอยู่เมืองนอกเลยไหม มันก็มีสิทธิหมดแหละครับ ในบางอย่างที่เขาอยากจะทำ บางทีการไปอยู่ต่างประเทศมันอาจจะซัปพอร์ตตรงนั้นได้ดีกว่า ก็อาจจะ แต่เราก็ไม่มีทางรู้ว่าจะยังไง”
บอกได้ลองไปเป็นนางเอกลิเกให้คณะ “ศรราม น้ำเพชร”
ฮารุ : “ไปขอเขาเล่นค่ะ เพราะรู้จักกับพี่ศรราม น้ำเพชรอยู่แล้ว พอคุยกันเขาก็ชวนว่ามาเล่นไหม ก็เลยขอไปเล่นหน่อย เพราะไม่เคยเลยครั้งแรกเลยที่เล่นลิเก และปกติอย่างเราเล่นละครหรืออะไร เราจะได้อ่านบท เรารู้เรื่องราวก่อน แต่ครั้งนี้เป็นการเล่นลิเกที่ไปดูกันหน้างาน เพราะไปยืนอยู่ข้างเวทีแล้วยังไม่มีบทเลย ไม่รู้เรื่องอะไรเลย”
กาย : “งงครับ คือทุกคนรู้ว่าเขาต้องทำอะไร สมมติวันนี้เล่นเรื่องนึง พรุ่งนี้เล่นอีกเรื่องนึง แต่ทุกคนรู้ทุกเรื่อง 200-300 เรื่อง แต่เราไม่เคยดูลิเกมาก่อนเลยมาก่อนในชีวิต เขาก็บอกว่าง่ายๆ (หัวเราะ)”
ฮารุ : “บอกเลยว่าสอบไม่ผ่านค่ะ”
กาย : “แต่ฮารุเสียงดีอยู่แล้วไง”
ฮารุ : “ก็แต่งองค์ทรงเครื่องครบค่ะ เป็นชุดของเขาเลย แต่งหน้าทำผมก็เป็นทีมศรราม น้ำเพชรเลย ทุกบทที่เขาพูดก็คือมากระซิบข้างๆ แล้วเราพูดตาม ก็คือก๊อปปี้โชว์ได้เลย แค่เสียงไม่ใช่แค่นั้น ถามว่าจะมีโอกาสไปอีกไหม คิดว่าเขาไม่น่าให้ไปแล้วล่ะค่ะ (หัวเราะ) แต่ฮารุเคยดูลิเกนะ แต่พี่กายไม่เคยดู ลิเก หมอลำ ฮารุดูอยู่แล้ว ล่าสุดก็เพิ่งไปหมอลำมาเหมือนกัน ฮารุว่ามันเป็นความบันเทิงอีกรูปแบบนึง”
กาย : “ไม่ใช่ว่าไม่อยากให้ฮารุไปนะ แต่ลิเกเป็นอะไรที่อยากให้ยกระดับกว่านี้ คือลิเกเป็นศิลปะของคนไทยมานานแสนนาน แล้วมันก็ค่อยๆ หายไป ซึ่งกายคิดว่าอย่างญี่ปุ่น อินเดียหรือประเทศไหนเขาก็จะพยายามอนุรักษ์อะไรตรงนี้เอาไว้ แล้วกายว่ามันเจ๋งมาก มันมีเอกลักษณ์ของมัน มันมีทั้งคุย ทั้งร้อง มีมุก ชุดอีก”
ฮารุ : “ที่มันหายไปส่วนนึงอาจจะด้วยความนิยมของคนที่น้อยลง แต่อีกส่วนหนึ่งเราบูลลี่กันเอง เราบูลลี่วัฒนธรรมเรากันเอง น่าเบื่อโน่นนี่นั่น แต่ถ้าเราเปิดใจนะ”
กาย : “มันสนุกมากเลยนะ ถ้ามีเป็นแบบโรงละครเลย แล้วทำดีๆ เชื่อไหมว่าฝรั่งเต็ม ทำเป็นทั้งไทย ทั้งอังกฤษ มันจะดีมากๆ”
ฮารุ : “ถ้าเราไม่บูลลี่กันเอง เราไม่ด้อยค่าศิลปวัฒนธรรมไทยเรา ฮารุว่ามันไปได้อีก และได้แรงสนับสนุนจากทุกภาคส่วนมันจะไปได้ไกล ไม่ใช่แค่ลิเกนะคะ”
