“ฟลุ๊ค กะล่อน” ยอมรับเลิก “มั้นท์” ปิดฉากรัก 9 ปีสุดเคว้ง เข้าใจอีกฝ่ายทนไม่ไหวกับปัญหาเดิมๆ ง้อมาเดือนกว่าแล้วถึงกล้าบอกคนอื่น เชื่อมีโอกาสกลับมาคุยกัน แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับฝ่ายชาย ยังรอเสมอ หันมาเมื่อไหร่ก็เจอ ไม่รู้ต้องเริ่มต้นใหม่ยังไง ปัดไม่ใช่ปัญหาเรื่องมือที่สาม
หลังให้สัมภาษณ์ว่ากลางเดือนนี้รู้กัน ว่าตกลงรักสะบั้นแล้วจริงหรือเปล่า ล่าสุด เน็ตไอดอลชื่อดัง “ฟลุ๊ค กะล่อน”หรือ “ฟลุ๊ค ธรรณพ แสงโอสถ” ก็ได้ออกมาเปิดใจว่าตอนนี้ได้เลิกรากับแฟนหนุ่ม “มั้นท์”เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเป็นการปิดฉากรัก 9 ปีที่เคว้งมาก ยังแอบส่องอีกฝ่ายอยู่ทุกวัน และมีความหวังว่าอยากกลับมาเป็นเหมือนเดิม
“มันเป็นปัญหาที่หนูเล่าไปแล้ว เป็นปัญหาส่วนตัวมากๆ หนูพยายามเล่าได้มากที่สุดแล้ว ก็เป็นตามนั้น ไม่เกี่ยวกับที่เขาไปจต่างประเทศเลยค่ะ อันนั้นคือเขากลับไปหาครอบครัว ไม่เกี่ยวเลย คือเรารู้สึกว่าไม่ได้อยากบอกใคร แค่ว่าเราคุยกันลงตัวเข้าใจกันแล้ว ไม่อยากให้หาว่าเป็นเพราะใคร เพราะสุดท้ายแล้วเราตกลงกันเข้าใจแล้ว ก็ใช้คำว่าเลิกค่ะ”
แจงไม่มีเรื่องมือที่สามเข้ามาเกี่ยว
“จริงๆ ไม่ได้มีเรื่องของมือที่สาม แต่ว่ามันก็เป็นเรื่องที่หนูอาจจะไม่ค่อยน่ารักเท่าไหร่ ในช่วงเวลาที่คบกัน มันอาจจะหลายครั้ง แล้วครั้งนี้เขารู้สึกว่าเขาอาจจะไม่อยากเจอเหตุการณ์เดิมๆ แล้ว เขาก็เลือกที่จะถอยดีกว่า คือเราคุยกันค่ะ หนูก็ง้อประมาณเดือนกว่าๆ ถึงจะกล้าออกมาบอกทุกคน ไม่กล้าบอกไปตอนแรก เพราะว่าเดี๋ยวกลับมาคบกันหรืออะไร รู้สึกว่าให้เวลาคุยกันพอสมควรแล้ว แล้วก็ถามย้ำถึงสถานะที่ชัดเจนที่สุดแล้ว ว่าได้ประมาณนี้ เราก็ถึงบอกให้เพื่อนๆ ทุกคนฟัง”
เชื่อยังมีโอกาสกลับมาคุยกันได้ ขึ้นอยู่กับฝ่ายชาย
“ใช่ค่ะ อันนี้ขึ้นอยู่กับเขาเลย เพราะหนูก็รอเสมอ บอกเขาตลอดสุดท้ายแล้วไม่ว่าจะยังไงก็ตาม หันกลับมาก็ยังเจอหนูอยู่ตรงนี้เสมอค่ะ เรายังทำงานด้วยกันอยู่ ต้องบอกว่าหนูมีแฟนคนแรก ก็คือคนเดียวเลย หนูไม่เคยรู้ว่าจีบกันยังไง ปั๊บปี๊เลิฟเป็นยังไง หนูไม่มีและทำไม่เป็น ไม่รู้ว่าการที่เราโสดตอนนี้ เราต้องทำยังไงต่อ เราทำไม่เป็น ตอนนี้ก็เลยไม่ได้รู้สึกว่าอยากจะมีใคร ก็อยู่ทำงานเรื่อยๆ”
สภาพจิตใจดี อยู่กับพี่ๆ ไม่มีเวลาเศร้า เพราะทุกคนตลก
“ดีค่ะ เพราะอยู่กับพี่ทุกคน ไม่มีเวลาได้เศร้า เพราะทุกคนตลกมาก การร้องไห้มันมีอยู่แล้วค่ะ แต่มันก็จะเป็นเวลาส่วนตัวที่มากๆ ที่ไม่ได้มีใครได้เห็นเลย เพราะเวลาเราคุยกัน เราก็จะพิมพ์คุยกัน ไม่ได้คุยต่อหน้า ช่วงตอนที่เกิดปัญหาเดือนมิถุนายน เราก็จะพิมพ์คุยกัน หนูว่าเราทั้งสองคนเศร้าค่ะ เพราะตอนที่เราคบกัน มันรักกันมากเท่าที่คนหนึ่งจะรักกันได้”
เผยอีกฝ่ายเสียใจหนักกว่า เพราะไม่ได้เข้มแข็งเท่า
“เขาหนักมากๆ อยู่แล้วค่ะ เพราะเขาไม่ได้อยู่ในโซเชียลตลอดเหมือนหนู ความเข้มแข็งในโซเชียลในอ่อนแอมากๆ ยิ่งตอนนี้คนไปถามหาว่าใครผิดใครถูกไปว่าเขา เขาก็หนักมากๆ หนักกว่าหนูเยอะมากๆ ถามว่าใจหายไหมอยู่ด้วยกันมา 9 ปี ก็ตกใจมากๆ ค่ะ หนูเป็นคนที่ดูเหมือนมั่นใจในตัวเอง แต่จริงๆ ไม่มั่นใจในตัวเองเลย พี่ๆ ทุกคนเขาก็ให้กำลังใจค่ะ เชื่อว่าสุดท้ายทุกคนก็ต้องมีชีวิตเป็นของตัวเองอยู่ดี”
รู้สึกเคว้งมาก ไม่เคยห่างกันเลยตลอด 9 ปี
“มากๆ ค่ะ เพราะหนูอยู่บ้านเดียวกัน ไม่เคยห่างกันเลย 9 ปี ก็รู้สึกแปลกๆ นิดหน่อย คือทุกวันก็มีเจอผ่านๆ บ้าง เพราะยังอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน เขาก็อาจจะไปนอนบ้านน้องเขาบ้าง มีเจอผ่านๆ บ้าง แต่ไม่ได้เจอจังๆ แล้วก็ไม่ได้คุยค่ะ ในพาร์ตของธุรกิจและบริษัทที่ทำด้วยกัน ก็มีคนกลางประสานงานให้ค่ะ ล่าสุดเจอกันเมื่อ 2 วันที่แล้ว เจอผ่านๆ เห็นเขานั่งกินข้าวอยู่”
ยอมรับแอบส่องทุกวัน ไปไหนก็มีแต่ภาพเก่าๆ ลอยมา
“ก็แอบส่องทุกวัน อยากรู้ว่าเขาลงอะไร ดูตลอดค่ะ จริงๆ ในช่วง 9 ปีที่ผ่านมา เราอยู่ด้วยกันทุกพาร์ตเลย ไม่ว่าไปที่ไหนก็มีภาพลอยมาตลอด เพราะ 9 ปีเราทำทุกอย่างด้วยกันมาเกือบทั้งชีวิตแล้ว แม้โทรศัพท์ที่ขึ้นแจ้งเตือนวันนี้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว มันก็ยังเป็นเขาอยู่ตลอด อาจจะต้องให้เวลามากๆ เลย”
ยังรออยู่ ไม่รู้ต้องเริ่มใหม่ยังไง
“รอค่ะ เพราะไม่รู้ว่าการเริ่มต้นกับใครใหม่ทำยังไง ทำไม่เป็น ณ ตอนนี้หนูยังทำไม่เป็น แล้วก็เป็นห่วงเขามากๆ เพราะเขาก็ต้องเริ่มมาใช้ชีวิตของตัวเองมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาเราคอยซัปพอร์ตเขา คอยดูแลเขาตลอด ก็เป็นห่วงเขาไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง”
มูฟออนเป็นวงกลม อนาคตถ้ายังไม่มีใคร ก็อยากให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม
“จริงๆ ต้องมูฟออนค่ะ แต่ถามว่าถ้าในอนาคตมีโอกาส หนูไม่มีใคร เขาไม่มีใคร ถ้าเขาอยากกลับมาเราก็มาคุยกันใหม่ได้ หนูไม่ปัญหาเลย หนูว่ามันเป็นเรื่องของเวลาค่ะ สุดท้ายแล้วหนูว่าเราสองคนรู้จักกันมากๆ แทบไม่มีอะไรที่ไม่รู้ซึ่งกันและกัน ในอนาคตสุดท้ายแล้ว ถ้ามีโอกาสได้คุยอีกรอบ หนูก็อยากให้มันเป็นอย่างนั้น”
ปรับตัวมาหลายครั้งแล้วกับปัญหานี้ แต่ก็ยังไม่น่ารักอยู่ดี
“คือปัญหานี้ ต้องบอกว่าหนูไม่น่ารักกับเขาหลายรอบมากๆ ซึ่งเขาให้โอกาสหนูมาหลายครั้งมาก หนูเข้าใจทุกครั้งเลยที่มันเกิดปัญหา จนรอบนี้เขาไม่เอาแล้วจริงๆ หนูก็แบบไม่รู้จะทำยังไงแล้ว หนูก็ปรับมาแล้วหลายครั้งค่ะ แต่หนูก็ยังไม่น่ารักอยู่ดี ตอนนี้ก็ทำงานเยอะมาก แทบไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่นเลย ก็ดีใจที่ยังมีอะไรให้ทำ ไม่งั้นคงเป็นบ้าแน่ๆ”
เข้าใจต้องเจอปัญหาเดิมๆ เลยไม่อยากทนแล้ว
“เราสองคนปรับเข้าหากันทุกอย่างแล้ว แต่แค่เรื่องที่เป็นปัญหาเนี่ย หนูก็อาจจะเหลวไหลบ้าง ก็เป็นหลายครั้งที่เขารู้สึกว่าเขาต้องเจอปัญหาเดิมๆ เลยเลิกดีกว่า จริงๆ หนูก็บอกเขาว่าปีนี้หนูตั้งใจทำงานมากๆ เรามีความฝันหลายอย่าง ที่อยากจะไปเที่ยวกัน หนูตั้งใจว่าปีนี้จะทำงานเยอะๆ ขายของเยอะๆ เพื่อที่เราจะได้ทำอะไรด้วยกัน แต่มันก็แอบช้าไปหน่อย”
