“เอก รังสิโรจน์” และ “อานัส” เผยภาพจำ “อาหลอง” คือความมีวินัย เล่าย้อนความสนุกในกอง เป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืม บทต้องเป๊ะ ทุกอย่างห้ามผิด ต้องฟิตและเตรียมพร้อมตลอด ส่วนสิ่งที่ห้ามเด็ดขาด คือการสั่งคัตด้วยตัวเอง ผิดมากผิดน้อยโดนดุเท่ากันหมด แต่ผิดที่สุดคือห้ามหายตัว ตอนจะถ่ายแสงพระอาทิตย์ตก
เรียกว่าเป็นนักแสดงคู่บุญของ “อาหลอง” หรือ “ฉลอง ภักดีวิจิตร”สำหรับสองพระเอกนักบู๊ “เอก รังสิโรจน์ พันธุ์เพ็ง”และ “อานัส ฬาพานิช” ซึ่งวันนี้ (17 ก.ย. 67) ก่อนถึงเวลาสวดอภิธรรมอาหลอง ที่วัดมกุฏกษัตริยาราม ศาลา 10 ทั้งคู่ก็ได้เปิดใจถึงช่วงเวลาที่ได้ทำงานร่วมกับคุณอา ว่าถึงแม้จะโดนดุบ้าง แต่ก็เป็นอะไรที่สนุกมาก และเป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืม
เอก : “ผมกับอานัสจะอยู่ในช่วง เสาร์ 5 ก็เรียกว่าหนักทุกเรื่อง ตั้งแต่โลเกชั่นที่ไปถ่ายกันที่สัตหีบ กินนอนอยู่นั่นเลย แต่โดยรวมก็สนุก เป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืม ถึงหนักแต่ก็ผ่านกันมาได้”
อานัส : “บรรยากาศในกองก็สนุกสนาน ตอนนั้นด้วยอายุเรายังเต็มที่ ลุยได้ ก็เต็มที่เหมือนกัน สำหรับความเป๊ะของคุณอา ก็คือทุกอย่างครับ โดนดุกันทุกคน”
เอก : “คุณอาจะมีมาตรฐานที่เป็นมาตราฐานของภาพยนตร์ ก็จะค่อนข้างเป๊ะ กว่าจะผ่านคัตแรกไปได้ใช้เวลานานมาก มีองค์ประกอบเยอะ กว่าจะผ่านได้ก็เหนื่อยแล้ว แล้วตอนพระอาทิตย์ใกล้ตกคือห้ามเข้าห้องน้ำ ห้ามไปตลาด เพราะเป็นช่วงเวลาสำคัญ ต้องมาให้ทันที่ท่านรอแสงที่สวยที่สุด ก็จะมีเวลาอยู่ไม่กี่นาที ที่ท่านจะใช้โอกาสช่วงนี้เก็บภาพ ถ้าไปไหนในช่วงนี้คือผิดใหญ่มาก”
ผิดเท่าไหร่ก็โดนดุเท่ากัน ห้ามสั่งคัตเองไม่งั้นโดนหนัก
เอก : “ไม่ว่าจะผิดเล็กหรือผิดใหญ่ โดนเท่าๆ กัน โดนหนักทั้งหมด เช่น บางคนไม่รู้ใจ ยิงปืนแล้วมันไม่ออก แล้วไปบอกว่าปืนขัด ปืนไม่ออก หรือไปสั่งคัตเอง อันนี้โดนหนักมาก เสียงตะโกนด่าลอยมาแต่ไกลเลยงั้นมึงกำกันเองเลยไหม ผมเป็นคนสั่งคัตได้คนเดียว นักแสดงห้ามหยุดแสดง”
อานัส : “ผมเคยโดนแต่จะเป็นแนวขำๆ มากกว่า ท่านจะอุทานภาษาพ่อขุนรามนิดหนึ่ง เราก็จะขำๆ แต่ท่านก็หน้าบึ้งๆ แล้วก็จะยิ้มให้ ไม่มีอะไร จะมีแค่แหย่ๆ กันบ้าง แต่ถ้าผิดหนักๆ ก็อยากที่พี่เอกบอก ก็อาจจะมาหลายขบวนหน่อยครับ”
เอฟเฟกต์แรงจัดเต็มทุกเรื่อง แต่เซฟนักแสดงตลอด
เอก : “เอฟเฟกต์แรงจริงครับ คนวงเอฟเฟกต์เขาก็จะเดินมาบอกนักแสดง ว่าโซนนี้อย่าไปใกล้ วิ่งออกแนวนี้ รัศมีองศานี้ ก็จะนัดแนะกันเป็นอย่างดี น้อยที่จะพลาดครับ”
ถ่ายละคร “อาหลอง” ต้องฟิตและเตรียมพร้อมตลอดเวลา
เอก : “เราสองคนรูปร่างก็ต้องเข้าป่าครับ ช่วงเข้ากองก็ต้องฟิต เพราะบางทีสั่งบู๊ตอนเที่ยง แดดร้อนๆ บางทีมา 7 โมงเช้าก็จะเอาก่อน 1 ซีน บางทีก็เป็นซีนต้องวิ่งแข่งกับรถบางทียังไม่ได้ทานข้าวเลย ก็ต้องพร้อมตลอดเวลา”
อานัส : “ก็ทำให้ได้มีประสบการณ์มาใช้ในชีวิตหลายอย่าง อย่างแรกคือฝึกความอดทน มีวินัยในกองถ่ายมากขึ้น เวลาให้คิวก็จะให้คิวไปเลย ไม่รับงานอื่น ท่านจะเป๊ะมาก
เอก : “บทจะเป๊ะตามที่เขียนมาเลย ยากมาก คุณอาไม่ต้องดูบท แต่ก็จะรู้ว่ามั่ว เพราะท่านจะฝังความชอบในประโยคนี้เอาไว้ในใจของท่าน เช่นคำว่า มา หรือ ไป ท่านจะรู้เลยว่าเราใช้คำผิดไม่มีใครกล้าลองของครับ แต่เราก็แยกออก ว่าอันไหนดุขำๆ เพราะถ้าดุเต็มๆ ก็จะสะเทือนกันทั้งกอง เลิกกองค่อนข้างตรงเวลาครับ แต่ในยุคแรกก็ลากไปเลยตี 2 ก็มี ช่วงนั้นคุณอายังแข็งแรงกว่านี้ แต่ตอนนั้นก็ 70 กว่าแล้วนะครับ ถึงตี 2-3 บางทีถ่ายพระอาทิตย์ขึ้น รอตี 5 ก็เคยมี เพราะว่าพลาดตอนเย็น”
ออกกองหนักแต่เรตติ้งดี ทำหายเหนื่อย
เอก : “หายเหนื่อย รู้สึกว่าแฟนของคุณอาจะมีทั่วประเทศ ไปจนถึงประเทศเพื่อนบ้าน ไปต่างประเทศก็มีคนจำละครของคุณอาได้ รู้ว่าเป็นที่ชื่นชอบของประเทศเพื่อนบ้านมากๆ ด้วย”
อานัส : “ผมมองว่าเล่นกับคุณอาเป็นความสนุก เพราะเราได้ไปต่างจังหวัดหลายๆ วัน เพื่อนฝูงเราเยอะ เอาจริงๆ ท่านใจดีนะ ไม่ได้ดุถึงขั้นอะไรมากมายเลยครับ ทำงานส่วนใหญ่ 6 โมงเย็นจะเลิกแล้ว ถ้าไม่มีไนท์ แต่ถ้ามีก็จะดึกถึงเช้าเลย ก็จะได้มีเวลาสังสรรค์กับทีมงาน กับนักแสดงด้วยกัน”
เอก : “เวลามื้ออาหารคุณอาก็จะมาแล้ว กินอะไรลูก อารมณ์ดีมากเวลาเลิกงาน”
ภาพจำของ “อาหลอง” คือความมีวินัย และท่าเดินที่เป็นบุคลิกพิเศษ
เอก : “วินัยและความเป๊ะในการทำงาน มาตรฐานของคุณอาไม่เคยเปลี่ยนเลย ตั้งแต่ก้าวแรกที่ผมเข้ามาในงานของคุณอา จนถึงวันสุดท้าย คุณอามีมาตรฐานเดียวที่ไม่เพี้ยนไปจากเดิมเลย เป๊ะมาก ถึงท่านจะดุ แต่ก็เป็นที่รักของนักแสดงทุกคน ตลอดจนทีมงานทุกคนด้วยครับ”
อานัส : “บุคลิกพิเศษของอาหลอง จะมีท่าเดินที่รู้เลยว่าเป็นคุณอามาแต่ไกล จะเดินยิ้มมา แล้วก็ทักทายนักแสดง”
