xs
xsm
sm
md
lg

สกัดแก่นออกจากเปลือก ‘เธอ ฟอร์ แคช สินเชื่อ..รักแลกเงิน’ หนังดูเพลิน พร้อมแง่มุมชวนคิด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: อภินันท์ บุญเรืองพะเนา



เพิ่งได้ดูหนังเรื่อง “เธอ ฟอร์ แคช สินเชื่อ..รักแลกเงิน” ที่สตรีมบนเน็ตฟลิกซ์เมื่อไม่นานมานี้ แต่หลายคนคงได้ดูไปก่อนแล้วในโรงภาพยนตร์เมื่อปลายเดือนเมษายน 2567

หลังจากเข้าเน็ตฟลิกซ์ ก็มีประเด็นให้เป็นเรื่องพอหอมปากหอมคอ โดยเฉพาะเรื่องการใช้ภาษาของตัวละคร แต่ถึงอย่างนั้น คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ถ้าสกัดเอาแก่นออกมาจากเปลือกแล้วก็จะพบว่า หนังเรื่องนี้มีแง่มุมที่น่าพูดถึงไม่น้อยเช่นกัน

หนังใช้เรื่องการเงินมาเป็นสารตั้งต้นในการผูกเรื่อง โดยที่ตัวพระเอกนางเอก เป็นเสมือนตัวแทนของโลกการเงินคนละใบ คนหนึ่งอยู่กับโลกการเงินใต้ดิน คือเป็นพวกเงินกู้นอกระบบ ขณะที่อีกคนหนึ่งอยู่ในโลกการเงินบนดิน คือเป็นพนักงานธนาคาร ก่อนจะโคจรมาพบกัน และเกิดจุดเปลี่ยนพลิกผันที่นำไปสู่เรื่องราวต่าง ๆ มากมายตามมา


“ไบร์ท-วชิรวิชญ์ ชีวอารี” ดารานักแสดงและนักร้องที่มีผลงานเป็นที่ยอมรับมาแล้วมากมาย ประกบคู่กับนางเอกร้อยล้าน “ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์” เป็นครั้งแรกบนจอเงิน เขามาในบทบาทของ “โบ้” หนุ่มนักเลงที่รับงานทวงหนี้นอกระบบ โดยมีวิธีการทวงหนี้อันเป็นเอกลักษณ์สุดประหลาดพิสดาร คือทุกครั้งที่เขาไปทวงหนี้ เขาจะคว้าอะไรก็ได้แถวนั้นมาฟาดหัวตัวเองจนเลือดแตกเพื่อข่มขวัญให้ลูกหนี้ขวัญหนีดีฝ่อและกลัวจนต้องยอมจ่าย

ขณะที่นางเอกสาวสวย “ญาญ่า-อุรัสยา” มาในบทบาทของ “อิ๋ม” สาวแบงก์ที่ดูแล้วน่าจะเพิ่งจบการศึกษาและมาทำงานได้ไม่นานนัก แต่วันหนึ่งก็ถูกโบ้มาตามทวงหนี้ที่ “ลุงอ๊อด” ซึ่งเป็นพ่อของเธอได้สร้างไว้ อย่างไรก็ดี สิ่งที่เป็นต้นเหตุให้เกิดเรื่องเกิดราวตามมาอีกมากมายก็คือ โบ้ดันตกหลุมรักอิ๋มเธอตั้งแต่แรกเห็น จากนักทวงหนี้สุดโหดจึงเปลี่ยนโหมดมาเป็นผู้ช่วยลูกหนี้ไปซะอย่างนั้น ซึ่งตอนแรก อิ๋มก็เหมือนจะไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ แต่สุดท้ายก็เริ่มใจอ่อนให้กับความทุ่มเทจริงใจของชายทวงหนี้ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เหนือความคาดเดา แต่เรื่องราวหลังจากนั้น นับว่าหนังพาเราไปไกลพอสมควร

ในเบื้องต้น รู้สึกว่า สิ่งที่หนังถ่ายทอดออกมาได้ดี คือการรายงานให้เห็นสภาพภูมิอากาศทางการเงินของคนไทยจำนวนไม่น้อยที่ติดขัดเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ (ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามแต่) ซึ่งตรงนี้ก็ทำให้หลายคนกระโจนเข้าไปสู่การเป็นหนี้นอกระบบ และสุดท้ายหลายรายก็ต้องพบกับหายนะ ไม่รวมว่าดอกเบี้ยสุดโหด แต่อาจจะต้องเจอกับการทวงหนี้สุดโหดเช่นเดียวกับตัวละครหลาย ๆ ตัวในเรื่องนี้ต้องพบเจอ


ขณะที่ตัวละครนำฝ่ายหญิงอย่าง “อิ๋ม” ถึงแม้ดูเหมือนจะสามารถมีคุณภาพที่ดีขึ้นได้ด้วยการศึกษา เพราะเรียนจบถึงปริญญาและมีงานประจำทำที่ธนาคาร แต่เมื่อสำรวจตัวเลขรายรับรายจ่ายในแต่ละเดือนแล้ว ก็ต้องบอกว่าอยู่แบบจำกัดจำเขี่ย ทั้งค่าห้อง ค่ากิน ค่าอยู่ ค่ากู้ยืมเพื่อการศึกษา ค่าประกันสังคม ฯ เดือนหนึ่ง ๆ ก็แทบจะไม่เหลือ เมื่อต้องมาแบกรับภาระจ่ายหนี้เพิ่มอีกก้อน มันจึงดู “ตึง” จนแทบจะยอม “ตาย” เพราะไม่สามารถจะจ่ายไหว

มีอย่างน้อยฉากหนึ่งซึ่งเชื่อว่าหลายคนที่ได้ดูก็คงรู้สึกสะเทือนใจอยู่คล้ายกัน คือตอนที่อิ๋มกับโบ้นั่งกินข้าวกล่อง (ข้าวไข่เจียว) อยู่ริมทะเลและมองขึ้นไปยังโรงแรมใหญ่โตหรูหราที่ตั้งอยู่ริมทะเล แล้วอิ๋มเอ่ยขึ้นมาประมาณว่าถ้ามีเงินพอที่จะไปดูข้างบนนั้นจะเป็นอย่างไร โบ้จึงคิดแผนและลอบพาเธอเข้าไปในห้องอาหารโรงแรมที่อยู่ชั้นบน และเมื่อทั้งสองขึ้นไปแล้วมองลงมาด้านล่าง อิ๋มก็เอ่ยขึ้นมาว่า “แค่เดินขึ้นมาไม่กี่ก้าว โลกทั้งโลก มันกลายเป็นคนละใบเลย” ซึ่งเป็นคำที่ชวนให้คิดไปไกลถึง “ช่องว่าง” หรือ “ความแตกต่าง” ทางสภาพความเป็นอยู่ตลอดจนรายได้ของคนในสังคมได้เช่นกัน

คนจำนวนหนึ่งอยู่สูงเสียดฟ้า หลายคนก็ต่ำเตี้ยเรี่ยดินอย่างไม่รู้ว่าจะลืมตาอ้าปากได้ขึ้นมาวันไหน นี่คือความจริงที่คงปฏิเสธได้ยาก


ขณะที่อีกหนึ่งความดาร์กซึ่งพบเห็นได้ในสังคมความเป็นจริง ก็คือ สุดท้ายแล้วเจ้าพ่อเจ้าแม่ผู้มากหลายด้วยบารมีเงิน ถ้าไม่เดินเข้าสู่เส้นทางการเมืองเอง ก็อาจจะเป็นแบ็กให้กับบรรดานักการเมือง ซึ่งชะตากรรมของประเทศก็คงเดาออกไม่ยาก เพราะหากทำธุรกิจสีเทาเป็นทุนเดิม แล้วจะบริหารบ้านเมืองในรูปแบบสีขาวอย่างไร?

กระนั้นก็ตาม สุดท้ายสิ่งที่ดีงามก็คือ ผมรู้สึกว่า ถึงแม้ชีวิตของตัวละครจะดูยากลำบาก แต่หนังก็ไม่ได้เชิญชวนให้ใครฟูมฟายคร่ำครวญกับสภาพความเป็นอยู่โดยไม่ทำอะไร แต่ในทางตรงกันข้าม ตัวละครในหนังต่างก็พยายามที่จะไขว่คว้าสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นตามกำลัง แน่ล่ะว่า หลายคนก็อาจดิ้นรนไปจนกระทั่งวันตาย แต่ถึงยังไงก็ต้องสู้ไปตามกำลัง และสิ่งที่หนังพูดได้ค่อนข้างดี ผ่านจดหมายของโบ้ที่เขียนไว้ ระบุว่า

“ถ้าวันไหนที่รู้สึกมืดแปดด้านขึ้นมา ตอนนั้นเค้าก็ขอให้อิ๋มรักตัวเองให้มาก ถ้าไม่รู้จะเดินไปทางไหน ก็อยู่นิ่ง ๆ แล้วหายใจดูก่อน ทำอะไรไม่ได้ ก็หายใจให้มันผ่านไปแต่ละวันก็ยังดี ลุงอ๊อดเคยสอนเราว่า ชีวิตคนเราต้องมีหวัง คนหมดหวังน่ะมันคนตาย”

ทั้งให้กำลังใจ ทั้งชวนให้วางใจเป็นกลาง ...
เพราะชีวิตดี ๆ อาจสร้างได้ แต่เมื่อมันไม่เป็นไปตามที่หวัง ก็อาจหยุดนิ่งสักพักแล้วค่อยลุยต่อ
แต่ก็อย่างว่า หลายคนอาจบอกว่า มันจะหยุดพักได้ยังไง หยุดพักก็อดตายสิ ซึ่งอันนี้ก็จริง เพราะชีวิตที่ยังต้องดิ้นรน ไหนเลยจะหยุดพักได้ จริงไหม?

แต่ไม่ว่าจะอย่างไร สุดท้ายแล้วต้องบอกว่า เธอ ฟอร์ แคช เป็นหนังที่ดูสนุกอีกเรื่องหนึ่ง หน้าหนังอาจดูโรแมนติก-คอมิดี้ ทั่ว ๆ ไป แต่เนื้อในมีอะไรให้ชวนคิดอยู่ไม่น้อย และที่สำคัญ พอถึงซีนอารมณ์ดราม่า หนังทำออกมาได้สะเทือนมากเหมือนกัน









กำลังโหลดความคิดเห็น