xs
xsm
sm
md
lg

สุดยอดคน! “ไต้ฝุ่น ตากเพชร” ควบทั้งงานประจำ-งานแสดง-เรียนต่อ ป.เอก ตั้งเป้ามีลูกก่อนอายุ 40 (คลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ไต้ฝุ่น ตากเพชร” สุดยอดคน ลุยทั้งงานประจำ-การแสดง-เรียนปริญญาเอก บอกเป็นคนไม่ชอบอยู่นิ่ง ถ้าถึงช่วงวัยที่ไร้โอกาสในการแสดง ก็พร้อมมองหาเส้นทางใหม่ๆ ในชีวิตต่อไป ตั้งเป้าเป็นพ่อคนก่อนอายุ 40



เรียกว่าน้อยนักที่จะได้เห็นนักแสดงระดับพระเอกที่ทำงานประจำควบคู่ไปด้วย ซึ่งหนุ่ม “ไต้ฝุ่น ตากเพชร เลขาวิจิตร” พระเอกจากช่อง 7 HD ที่ตอนนี้กำลังมีละครเรื่อง ดุจเล่ห์ดาวลวง ออกอากาศอยู่ ก็ได้มาเปิดใจถึงชีวิตการทำงานในปัจจุบัน บอกแม้จะห่างหายจากงานหน้าจอไปร่วม 2 ปี แต่ก็ยังมีงานพิธีกรและงานประจำที่ทำอยู่ที่บริษัท ปตท. ด้วย แถมยังเรียนปริญญาเอกไปพร้อมๆ กันอีก

“หายจากหน้าจอไปประมาณ 2 ปีครับ จริงๆ ก็ยังเป็นนักแสดงอยู่ในช่อง 7 ก็มีทำรายการบ้าง เป็นพิธีกรรับเชิญต่างๆ ระหว่างนั้นก็เตรียมตัวเล่นละครเรื่องนี้ จริงๆ ละครเรื่องนี้เป็นละครเย็นที่ผมเป็นพระเอกเรื่องแรกด้วย ก่อนหน้านี้ก็จะเป็นละครซิตคอม ละครเช้า และเป็นพระเอกละครเย็นร่วม หลังข่าวก็เป็นคู่สอง ซึ่งปกติผมเป็นพนักงานประจำอยู่ที่ปตท.ด้วยครับ ก็เป็นอาชีพหลักที่ทำจันทร์-ศุกร์ แล้วก็มีเรียนปริญญาเอกอยู่ด้วยวันเสาร์-อาทิตย์ ก็หาอะไรทำ เป็นคนอยู่นิ่งๆ ไม่ได้ครับ

งานประจำก็ทำพร้อมๆ กับเป็นนักแสดงช่อง 7 เลยครับ คือผู้จัดการเขาดูแลตั้งแต่ผมเล่นภาพยนตร์ เล่นโฆษณา แล้วก็มีช่วงที่ผมไปต่างประเทศ พอกลับมาก็ได้เซ็นสัญญากับช่อง พร้อมๆ กับเซ็นสัญญาทำงานประจำด้วย ก็เหมือนงานด้านการแสดงเป็นความชอบของเรา เป็นงานอดิเรกที่สามารถสร้างรายได้ให้ด้วย เพราะช่วงที่หายไปเรียนต่างประเทศ เรารู้สึกว่าศิลปะสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เราทำได้ดีที่สุด เป็นแพสชั่นที่ทำแล้วชอบ ก็พยายามจัดการเวลาครับ ละครอาจจะไม่ได้มีบ่อยมาก แต่ทุกเรื่องที่ได้รับบทมาเราจะทำให้ดีที่สุด พยายามทำการบ้านให้หนักหน่อย และทุกครั้งก็ลุ้นอยากให้ออกมาดีครับ”

บอกโชคดีที่จัดเวลาได้ ไม่มีอะไรชนกัน
“ก็ต้องจัดการเวลาให้ดีครับ แต่ข้อดีของผมคือด้วยงานประจำผมจะเน้นที่ผลลัพธ์ ผมจะดูพวกเซลล์มาร์เก็ตติ้งมากกว่า คือถ้าเราสามารถส่งงานหรือจัดการเวลาตัวเองได้ก็ทำได้ ส่วนละครเขาก็จะเช็กคิวเราล่วงหน้าประมาณ 2-3 อาทิตย์ หรือดาราวิดีโอก็จะเช็กเป็นเดือนล่วงหน้าว่าติดวันไหนบ้าง เขาก็จะพยายามใส่คิวเสาร์-อาทิตย์เป็นหลักครับแต่ถ้าผมติดจริงๆ ก็จะบอกเขา ก็จะช่วยจัดการกันครับ ละครก็จะรับทีละเรื่อง จะได้ทำออกมาแบบเต็มที่ ไม่มีการทับซ้อนกัน เพราะผมกลัวว่าจะจัดการไม่ได้

แล้วก็เรียนปริญญาเอกด้วย ข้อดีคือไม่ต้องเข้าเรียนตลอดก็ได้ แค่ต้องเข้าสอบให้ครบและต้องทำดุษฎีนิพนธ์ให้ได้ คือช่วงโควิดที่ผ่านมาไม่มีละครเลย งานก็เวิร์กฟรอมโฮมเยอะด้วย เราก็ว้าวุ่น (หัวเราะ) เป็นคนที่อยู่เฉยๆ ไม่ได้ครับ ก็ไปศึกษาหาคอร์สเรียน คือผมเรียนด้านวิศวะมาตลอด พอมาคอร์สที่เรียนเริ่มเกี่ยวกับบริหาร ก็เหมือนมาช่วยเติมเต็มเพราะพอเราอายุการทำงานเยอะขึ้น มันมีเรื่องมากกว่าเทคนิค มันมีเรื่องของคน เรื่องการบริหารจัดการ ซึ่งการแสดงก็ช่วยให้เราเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของคนได้ ในขณะเดียวกันการเรียนก็ทำให้เป็นระบบมากขึ้น

ก็อีกประมาณ 1 ปีครับถึงจะจบ เพราะเรียนประมาณ 2 ปีครึ่ง ผ่านไปแล้วประมาณปีครึ่ง ช่วงนี้ก็จะเป็นช่วงทำดุษฎีนิพนธ์ ไปเก็บสัมภาษณ์ครับ ผมก็แฮปปี้กับการทำงานประจำและงานแสดงนะ ผมว่าความชอบคนเราสามารถมีได้มากกว่า 1 อย่างงานประจำเราก็รับผิดชอบให้ได้ ในขณะเดียวกันงานอดิเรกของเราที่เป็นงานแสดงมันก็แพสชั่นของเรา ทุกครั้งที่ได้ตื่นไปกองมันเหมือนเราไปทำงานศิลป์ ทำให้รู้สึกสนุกอะไรบางอย่าง ได้มาเจอทีมงาน ได้เจอสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ มันก็สนุก เลยไม่ได้รู้สึกเหนื่อยกับเขา”

แพลนทำงานประจำจนกว่าจะเกษียณ
งานประจำก็ตั้งใจว่าจะอยู่จนเกษียณเลยครับถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด (หัวเราะ) บางคนอาจจะอยากเกษียณเร็ว แต่ผมเป็นคนอยู่เฉยๆ ไม่ได้ ถ้าเกษียณเร็วก็คงหาอะไรทำอยู่ดี ก็อยากจะทำงานไปเรื่อยๆ ครับถ้ายังมีแรงอยู่ ส่วนงานการแสดงก็มีข้อจำกัดในเรื่องอายุด้วย แต่วันนี้เรายังมีโอกาสและยังสนุกกับเขาอยู่ ก็ทำไปให้เต็มที่ก่อน แต่ถ้าวันนึงไม่มีโอกาสแล้วก็อาจจะเปลี่ยนมุมมอง หาว่าจะไปทำอะไรดี ไปทำยูทิวบ์ไหม ทำอินสตาแกรมไหม ก็ต้องเรียนรู้จากเด็กรุ่นใหม่ๆ เพื่อหาช่องทางต่างๆ ด้วย

ผมว่าเป้าหมายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน และสูตรสำเร็จของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันด้วย บางคนเป็นนักแสดงอย่างเดียวเขาก็ประสบความสำเร็จมากๆ หรือหลายๆ คนที่เป็นพนักงานประจำเลย ผมว่าทุกอาชีพมีความยาก มีความท้าทาย อย่างคนในวงการก็อาจจะมองว่าการมีงานประจำก็ดีนะ หรืออย่างคนในปตท.ของผมก็มีที่บอกว่าเป็นนักแสดงก็สบายเนอะ คือบางทีเราอาจจะมองเฉพาะสิ่งที่เราเจออยู่แต่ถ้าเราไปอยู่ในอีกสถานการณ์นึงทุกคนก็มีปัญหาแตกต่างกัน ก็ต้องต่อสู้ในแบบที่ต่างกัน”

เผยมีสาวที่กำลังคุยอยู่ เป็นคนนอกวงการ
ความรักก็ปล่อยไปตามจังหวะของชีวิตครับ ตอนนี้ก็ยังไม่ได้มีอะไรเป็นเรื่องเป็นราวเท่าไหร่ (หัวเราะ)​ ก็โฟกัสเรื่องงานแหละครับ แต่ก็มีคนคุยอยู่ยังเป็นสเต็ปเริ่มต้น แต่ยังไม่มีแพลนจะแต่งอะไรขนาดนั้น คือวันนี้อายุขนาดนี้เวลาคุยกับใครก็มองค่อนข้างยาวขึ้น เริ่มอยากหาเป้าหมาย อยากสร้างครอบครัวแล้ว ไม่ได้แบบสนุกไปเรื่อยๆ หรือคบสั้นๆ ก็เพิ่งคุยกันได้ไม่ถึงปีครับ เป็นคนนอกวงการ ก็ยังไม่ถึงขั้นเรียกแฟนครับ

เขาทราบเรื่องการทำงาน แต่เข้าใจหรือเปล่าอีกเรื่องนึง (หัวเราะ) คือผู้หญิงไม่ค่อยมีฟีดแบ็กตรงๆ แต่สัมผัสได้ถึงฟีดแบ็กทางอ้อมมากกว่า แต่ด้วยเพิ่งเริ่มต้นในการรู้จักกันครับ การแสดงมันเป็นอาชีพการทำงาน คนที่จะอยู่กับเราได้ก็ต้องเข้าใจเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน ก็มองไว้ว่าถ้าเกิน 40 ก็คงมีลูกไม่ทันเรียนจบเราก็เกษียณแล้ว ตอนนี้ถ้าจะมีครอบครัวก็อยากจะมีลูกก่อน 40 ครับ

ครอบครัวก็ไม่ได้เร่งครับ อาจจะเพราะมีพี่สาวที่มีหลานให้แล้ว ผมก็เลยโชคดี (หัวเราะ) ท่านก็ไม่ได้เร่งอะไรครับ คุณพ่อคุณแม่จะมีคำพูดนึงตอนผมอยู่มัธยมฯ​ เราก็ลองโน่นลองนี่ ผมอยากทำอะไร เขาไม่เคยห้ามเลย แต่ให้คิดเองว่าควรจะทำไหม ผมจะขอไปค้างบ้านเพื่อน ไปต่างจังหวัดอะไรไม่เคยว่า ถ้าเขาให้ได้ก็จะให้ตลอด จะคบกับใคร จะเรียนอะไร กลายเป็นว่าเราต้องคิดเองให้ได้ เราก็เลยได้เลือกชีวิตของเราเองในแต่ละอย่าง”













กำลังโหลดความคิดเห็น