บรรยากาศพิธีสวดอภิธรรมคืนที่สอง ผู้กำกับระดับตำนาน “ฉลอง ภักดีวิจิตร” หรือ “อาหลอง” ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ผู้กำกับ-ผู้สร้างภาพยนตร์และละครโทรทัศน์) พ.ศ.2556 ที่เสียชีวิตอย่างสงบ เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 13 ก.ย.ที่ผ่านมา ในวัย 93 ปี ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี โดยครอบครัวนำร่างมาบำเพ็ญกุศลที่ศาลา 10 วัดมกุฎกษัตริยารามราชวรวิหาร เขตพระนคร กทม. ท่ามกลางความรู้สึกเศร้าโศกเสียใจของคนในครอบครัว และคนที่รักเคารพนับถือ อาหลอง ที่ต้องสูญเสียบุคคลสำคัญในชีวิตไปตลอดกาล
วันนี้ (15 ก.ย. 2567) พิธีสวดอภิธรรมเริ่มเวลา 18.00 น. ซึ่งแขกเหรื่อทยอยเดินทางมาร่วมไว้อาลัยที่ศาลา 10 ตั้งแต่เวลา 16.00 น. โดยมีภรรยาของอาหลอง “พิมพ์ พิมพ์สุภัค อินทรีย์” และลูกๆ ทั้งสามคนของอาหลอง ได้แก่ กัญจน์ ภักดีวิจิตร, แก้ว บุญจิรา ภักดีวิจิตรและ เฉิด ภักดีวิจิตรทำหน้าที่คอยต้อนรับทุกคน
นอกจากนี้ยังมีคนในวงการบันเทิงเดินทางมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก อาทิ ดามพ์ ดัสกร, พีท ทองเจือ, บี๋ ธีรพงศ์-ฮันนี่ ภัสสร บุณยเกียรติ, แม่หนู สรวงสุดา ชลลัมพี, กรุง ศรีวิไล, ก้อง ปิยะ เศวตพิกุล, อู๋ นวพล ภูวดล, อาฉี เสียงหล่อ, เอก รังสิโรจน์ พันธุ์เพ็ง, เทศน์ ไมรอน, ริว วชิรวิชญ์ วัฒนภักดีไพศาล, น้ำฟ้า ธัญญภัสร์ ภัทรธีรชัยเจริญ และ อุ้ม อิษยา ฮอสุวรรณ, มะนาว ศรศิลป์ มณีวรรณ์ ฯลฯ สำหรับกำหนดการสวดอภิธรรม จะมีไปจนถึงวันที่ 20 ก.ย. จากนั้นจะเก็บร่างไว้ 100 วัน เพื่อรอพิธีพระราชทานเพลิงศพต่อไป
ด้าน “พีท ทองเจือ” พระเอกที่ อาหลอง ปั้นมากับมือ ได้เปิดใจกับสื่อมวลชนว่า เสียใจจนไม่รู้จะอธิบายเป็นคำพูดได้อย่างไร
“จริงๆ อยากมาตั้งแต่วันแรกแล้วครับ แต่พาน้องๆ ไปแข่งที่บุรีรัมย์เพิ่งกลับมาเมื่อคืน วันนี้ก็เลยรีบมาเลย ตอนทราบข่าวก็รู้สึกไม่ดีมากๆ เพราะคุณลุงเป็นเหมือนคุณพ่ออีกคนหนึ่ง ผมฝากชีวิตกับคุณลุงประมาณ 4 ปี เป็นช่วงที่คุณลุงกลับมาบุกเบิกทีวีหลังจากไปทำภาพยนตร์ ก็ได้รับโอกาสทำงานกับแกตั้งแต่เรื่องระย้า ผมโชคดีมากๆ ที่คุณลุงเจอผม แล้วก็ให้โอกาส ผมเชื่อว่า ระย้า เป็นหนึ่งในละครที่เป็นตำนาน เพราะลงทุนสูงมากๆ และใช้เวลาทำงานมา 1 ปีเต็มๆ ผลตอบรับก็ดีมากๆ จากนักแสดงคนหนึ่งได้มาแจ้งเกิดเต็มตัวกับเรื่องนี้ คุณลุงคงเห็นผมจากตอนที่ผมเล่นเรื่อง หักลิ้นช้าง กับทางกันตนา เหมือนดูทรงแล้วน่าจะปั้นคนนี้เป็นพระเอกแอ็กชั่นได้ ประกอบกับผมชื่นชอบอยู่แล้ว”
ภูมิใจได้โตมากับ “ฉลอง ภักดีวิจิตร”
“ใช่ครับ ก็ภูมิใจมากๆ เพราะปัจจุบันถ้าเดินไปกับผม ถ้าเจอประชาชน ทุกคนก็จะบอกว่าดีใจได้เจอตัวจริง ติดตามมาตั้งแต่อังกอร์ ตั้งแต่ระย้า ซึ่งผมยังได้ยินอยู่ทุกวันทุกครั้งที่ออกไปเจอพ่อแม่พี่น้องคนดู ที่เขาเพิ่งเคยเจอเราครั้งแรก ทุกคนจะพูดแบบเดียวกันหมดเสมอ ก็ดีใจมากๆ”
เป็นคนปั้นให้เป็นพระเอกเต็มตัว
“ใช่ครับ แล้วมันก็ตรงกับแพสชั่นของเราด้วย คือเราเป็นนักแสดงอาชีพก็จริง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ถ้าเราเลือกได้ เราก็จะเลือกละครแอ็กชั่นก่อน ตอนนั้นพอทำปุ๊บก็ถูกจริตกับคุณลุง ช่อง 7 ก็ชอบ คนดูก็ตอบรับดี งานที่ป้อนเข้ามาตอนนี้ร้อยเปอร์เซ็นต์ก็จะเป็นแอ็กชั่นหมดเลย ก็ได้เล่นกับคุณลุงอยู่ 4 เรื่อง(อังกอร์, ระย้า, ดาวคนละดวง และ ทอง 5) 4 ปี คุณลุงจะถ่ายเรื่องละ 1 ปีครับ ซึ่งอันนี้เล่าให้ฟังสนุกๆ ไม่ซีเรียส คือรายได้ของการทำงานแทบจะไม่มี คือใช้เวลา 1 ปีในการทำงาน ถ้าเราเฉลี่ยรายได้เป็นเดือน เดือนหนึ่งจะน้อยมากๆ แต่ว่าส่วนตัวผมไม่ได้ทำงานเพื่อเงินอยู่แล้ว ในไทม์ไลน์นั้นเราทำเพราะแพสชั่นของเราครับ ก็สนองความต้องการในการเป็นนักแสดงแอ็กชั่น”
มากองก่อนทุกคน และเป็นคนสุดท้ายที่กลับบ้าน
“คือทุกครั้งที่เราอยู่ที่กอง อายุเราน้อย แต่คุณลุงตอนนั้นก็เกือบ 80 แล้ว 80 กว่าแล้วด้วย แต่ตื่นเช้ามาถึงกองก่อนทุกคน เป็นคนสุดท้ายที่กลับบ้าน เอาแค่นี้ก็พอแล้ว คือเราอายุแค่นั้นเราจะมาขี้เกียจไม่ได้เลย เราต้องตั้งใจ ขยัน ส่วนมากผมจะเป็นคนแรกที่ไปถึงที่กอง ก่อนคุณลุงอีก เมื่อก่อนเราทำงานจะไม่มีเลิก 4 ทุ่มเหมือนสมัยนี้นะครับ ถ่ายเสร็จตีสองก็คือตีสอง เช้านัด 6 โมงเช้าก็คือเป็นเวลานั้น สมมติผมเลิกตีสามมาจากทีมดาราวิดีโอถ่ายเรื่องแม่นาค กับ อั้ม พัชราภา ที่สุพรรณบุรี ต้องวิ่งมาเปิดกล้องที่โป่งน้ำร้อน ที่จันทบุรี ตอน 7 โมงเช้า ผมก็จะรีบไปทำงานเลยแทบจะไม่ได้นอน
เวลาไปอยู่กับคุณลุง ผมจะไปถึงกองคนแรก บางทีผมจะไปหลับอยู่บนรถ คุณลุงก็จะมาเคาะเกาะกระจกรถ ตื่นได้แล้ว มาทำงาน แล้วผมจะเป็นคนค่อนข้างอินกับคาแร็กเตอร์ที่ได้ อย่างบท ผู้กองกาญจน์ อังกอร์ ไปถ่ายฉากที่เราเคยเห็น ปิ้งไก่อยู่ริมลำธาร พอเลิกกองทุกคนจะเข้าไปในตัวอำเภอ หรือในตัวจังหวัด เพื่อไปเข้าที่พัก แต่ผมจะนอนอยู่ที่หน้าฉากเลยริมลำธารตรงนั้น จะอยู่คนเดียวในรถ พอตอนเช้า คุณลุงจะมาเคาะรถ ผมก็จะตื่นมาอาบน้ำ ล้างหน้า ตรงลำธาร แล้วถ่ายต่อ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ทำงานสนุก มีแพสชั่นมาก”
แม้ช่วงหลังจะเฟดจากงานละคร แต่ก็ยังติดต่อกันอยู่เสมอ ทำงานด้วยกันมา ไม่เคยโดนด่าเลยสักคำ
“ก็ยังเจอครับ ตอนหลังผมก็พัฒนาตัวเองไปเป็นผู้สร้างหนัง ผมทำงานหนังเสร็จที่อเมริกากลับมา ผมก็ไปรับคุณลุงที่บ้าน พามาชมการตัดต่อ ให้คุณลุงติชม แล้วให้คุณลุงเช็กหนัง ให้คอมเมนต์เรื่องต่างๆ พอมีอะไร ผมก็จะโทร.ไปหาคุณลุงเสมอ ผมเชื่อว่าคุณลุงเห็นแพสชั่นในการทำงานของเรา ผมไม่เคยโดนคุณลุงดุหรือด่า หลายคนจะบอกว่าคุณลุงดุมาก โหด แต่จริงๆ ผมว่าคุณลุงน่ารักนะ แล้วผมไม่เคยโดนด่าสักคำ
เราก็ไม่รู้สึกว่าดีใจหรือน้อยใจ เราทำงานเราพยายามดูว่าคุณลุงต้องการอะไรในการทำงาน คือเราพยายามอ่านใจและปรับตัวเองเสมอ สำหรับการเป็นผู้ใหญ่อย่างคุณลุง อย่างแรกที่เราจะให้คือเรื่องเวลาในการทำงาน เราควรตรงเวลา อย่างที่สองผมไม่เคยเลิกกองเร็ว หมดฉากตัวเองแล้วไม่รีบกลับ ผมจะอยู่กับคุณลุงจนเลิกกอง มันก็เลยทำให้คุณลุงเห็นว่าเราตั้งใจทำงาน ก็เลยเป็นคนที่อยู่กับแกได้นาน”
ถือเป็นพระเอกลูกรักคนหนึ่ง
“จริงๆ แกก็สนิทกับทุกคน แต่ว่าจริงๆ ผมเป็นคนพูดน้อยด้วย แต่ว่าทำเยอะ ทำงานเยอะ ก็อาจจะตรงใจแกนิดนึงแล้วด้วยนิสัยที่ผมไปถึงกองเร็ว ไม่รีบกลับบ้าน ระหว่างวันก็แสตนด์บายเสมอ แย่ที่สุดก็คือหลับไปคาที่เลย ด้วยความที่เป็นแบบนี้หลายๆ ฉากที่เกิดขึ้นในระย้า หรือ อังกอร์ มันเป็นฉากที่เพิ่มขึ้นมา ณ วันที่เราอยู่หน้ากอง เช่น คุณลุงถ่ายฉากอื่นอยู่เรือลอยอยู่ทะเล ผมก็โดดน้ำเล่น แกเห็นก็เรียกมาถามดำน้ำเป็นไหม ผมดำธรรมดาได้ นานไหมไม่แน่ใจแต่พยายามได้
แกก็เลยเพิ่มฉากที่ระย้าดำน้ำลงไปนั่งสมาธิเพื่อวางแผนต่อสู้กับทหารญี่ปุ่น ซึ่งจริงๆ ในบทไม่มี เป็นฉากนึงที่เพิ่มๆ ขึ้นมา จริงๆ พวกฉากต่างๆ ที่เพิ่มเข้ามามันทำให้คาแรกเตอร์ของเราค่อนข้างชัดเจน แล้วก็ทำให้คนดูถูกจริตกับพระเอกที่ดูมีแอ็กชั่นที่ไม่ค่อยได้เคยเห็น (เรียกว่าเป็นความตาแหลมคมของอาหลอง?) ใช่ครับ คุณลุงจะคิดแล้วให้ลองทำ”
ดีใจที่ได้เจอทุกคนที่ไม่ค่อยได้เจอ แต่ไม่ชอบการมาเจอกันในงานแบบนี้
“วันนี้ก็บอกว่าผมมาแล้ว ต้องขอโทษด้วยที่เมื่อวานมาไม่ได้จริงๆ อยู่ที่บุรีรัมย์ เมื่อวานก็รู้สึกว่าเป็นวันที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ทั้งโรเตอร์-มิย่า ที่ไปแข่งก็เป็นวันที่ไม่ดีของน้องๆ เหมือนกัน คือตำแหน่งขึ้นไปดีมากๆ แต่น้องยางแตกยางระเบิดทั้งคู่ ตอนกลางวันก็ทางญาติของคุณอาโทร.มาบอกข่าว ก็เป็นวันที่ค่อนข้างแย่ ถ้าอยู่กรุงเทพเราคงทิ้งทุกอย่างแล้วมาเลย แต่วันนี้ก็มาตั้งแต่บ่าย 3 โมงกว่า มาหาคุณลุง ตั้งใจรีบมาหา มาถึงก็รู้สึกเป็นความรู้สึกที่เราไม่ค่อยมี ยิ่งมาเจอทุกคนที่เราเคยเจอก็ไม่ได้ดีใจ ผมไม่ชอบการมาเจอกันแบบนี้เลย ไม่ค่อยโอเคแต่ก็พยายามเข้มแข็ง”
ยกเป็นคนเดียวที่สร้างแรงบันดาลใจให้ อยากให้พักผ่อน เพราะเหนื่อยมาเยอะมากแล้ว
“แค่อยากให้คุณลุงพักผ่อน เหนื่อยมาเยอะมากแล้ว คุณลุงเป็นคนเดียวที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับผมอายุ 90 ยังออกไปทำงานไปคุมกอง ไปนั่งกำกับ เราไม่แน่ใจว่าเราอายุเท่านั้นเราจะอยู่ในสภาพไหน แต่คุณลุงสู้มากๆ แล้วก็ทำด้วยแพสชั่น ผมได้บอกทุกคนว่าถ้าเรามีแพสชั่น เราเจอแพสชั่นของตัวเอง อย่าทิ้งแพสชั่น เอามาสร้างอาชีพให้ตัวเองไปต่อได้ อย่าทิ้งสิ่งที่ตัวเองชอบแล้วก็รัก พยายามอยู่กับสิ่งนั้น วันนี้ทุกอาจจะบอกว่าพูดง่ายอาจจะยังไปไม่ถึง ไม่อยากให้ลืมสิ่งที่รักและแพสชั่น สักวันหนึ่งมันจะไปได้ เราต้องไปอยู่ที่ที่เป็นที่ของเราได้”
