xs
xsm
sm
md
lg

“กัปตัน ชลธร” ตกตะกอนความคิด 10 ปีในวงการมีทั้งเรื่องดี และไม่ดี ทำให้เติบโตเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นนี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เปิดอกคุยกับนักแสดงหนุ่ม “กัปตัน ชลธร คงยิ่งยง” ที่โลดแล่นในวงการบันเทิงมากว่า 10 ปี ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่า เส้นทางนี้มีทั้งเรื่องดี และไม่ดี แต่ก็หล่อหลอมทำให้เติบโตเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นนี้ที่มีสติในการใช้ชีวิตมากขึ้น ชีวิตตอนนี้ลงตัว ส่วนความรักกับ “พลอย ชวพร เลาหพงศ์ชนะ” ที่คบกันมา 5 ปีก็ไปได้สวย ในพาร์ตงานก็แฮปปี้ ล่าสุดกัปตันมีโอกาสได้เล่นภาพยนตร์เรื่องแรกในชีวิต แนวแฟนตาซีสืบสวน เรื่อง “Achilles Curse...อคิลลิสเคิร์ส กับสมบัติต้องคำสาป” เข้าฉายไปแล้วเรียบร้อย พร้อมยกเรื่องนี้เป็นก้าวที่ดี ที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งของการมีสิ่งใหม่ๆ เข้ามาในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย

“เรื่องนี้ผมรับบทเป็นจินครับ จินก็จะเป็นนักธุรกิจอยู่ในโลก โลกหนึ่ง ซึ่งต้องบอกก่อนว่าหนังเรื่องนี้ไม่ใช่เซ็ตติ้งโลกปกติ แต่จะเป็นโลกแฟนตาซี เป็นโลกนิยายออกมาเลย โดยจุดเริ่มต้นมันเริ่มมาจากตำนานอคิลลิสครับ อคิลลิสก็คือเทพที่มีจุดหนึ่งตรงข้อเท้าที่เป็นจุดตาย นอกนั้นเขาไม่มีจุดตาย เราก็เลยสร้างเซ็ตติ้งโลกขึ้นมาว่าทุกคนจะมีร่างกายที่เป็นอมตะ จะไม่มีการเจ็บปวด แต่ทุกคนจะมีแค่จุดๆ หนึ่งบนร่างกายที่ทำให้สามารถตายได้ แต่คนนั้นเขาก็จะไม่รู้ว่าตรงไหน

แต่จะมีคาแรกเตอร์อยู่แค่คนเดียวคือเติร์ด(ลภัส งามเชวง)ที่รู้ ก็เลยเป็นปมของโลกนี้ว่ามีสมบัติอยู่ชิ้นหนึ่งว่าคนที่ครอบครอง วนิลลา รับบทโดยพี่จ๋อมแจ๋ม(สุพิชชา สุบรรณพงษ์) เขาป่วย ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ไม่ปกติของคนอื่น แล้ววันหนึ่งผมที่รับบทจิน อยากจะเอาสมบัตินี้มาโชว์ เพราะอยากจะหาทางช่วยเหลือว่าที่ภรรยาของเขา(จ๋อมแจ๋ม) แต่สมบัติถูกขโมยไป ก็เลยเป็นที่มาของเรื่องนี้ว่าทำไมถึงน่าสนใจ”

โลกของหนังเรื่องนี้ คนจะอายุ 200-300 ปี ก็ทำให้ดูเป็น 20 ปี เพราะฉะนั้นคนที่อายุ 200-300 ปีเขามีความคิดยังไง มีการใช้ชีวิตยังไง ตื่นมาเขาอาจจะไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทองหรือเปล่า ไม่ต้องกังวลเรื่องสุขภาพหรือเปล่า มันก็ง่ายขึ้นนะ เพราะเราสามารถทำอะไรก็ได้โดยที่เราไม่ต้องกลัวว่าออกไปโดนรถชนแล้วเราจะเสียชีวิต ก็เลยเป็นความสนุกของโลกแฟนตาซี. มันจะสนุกตรงนั้นมากกว่า

เป็นหนังเรื่องแรกของกัปตัน
“ใช่ครับ ผมเล่นซีรีส์มาตลอด แล้วก็ไปเริ่มเล่นละคร เรื่องนี้ก็มาแคสต์ครับ ผมแคสต์ทุกเรื่อง (ผู้กำกับชมว่าเป๊ะมาก?) ไม่ถึงกับเป๊ะหรอกครับ คือเวลาได้บทมาก็มีเวลาเตรียมตัวไม่มาก อย่างแรกที่ต้องเตรียมคือต้องจำบทให้ได้เร็วที่สุด คาแรกเตอร์เราก็ทิ้งไว้ก่อน เพราะเรายังไม่รู้ว่าคาแรกเตอร์ที่เราจะได้รับมันต้องเล่นยังไง เราก็ขอบทให้เป๊ะก่อน แล้วมาคุยกับผู้กำกับหน้างานว่าอยากได้อะไร และเราเพิ่มเติมอะไรให้ผู้กำกับได้บ้าง

การเป็นหนังเรื่องแรกในชีวิต มันเหมือนเป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์ม เพราะซีรีส์ ละคร หนัง มันไม่เหมือนกันอยู่แล้ว หรือแม้แต่ละครเวทีก็ตาม วิธีการเล่น วิธีการทำการบ้านทุกอย่างมันต่างกัน อันนี้ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางที่ผมรู้สึกว่าหนังมันก็สนุกแบบนี้นะ ไม่ได้เล่นเหมือนซีรีส์นะ ขึ้นจอใหญ่นะ คุณจะเล่นยังไง คุณจะขยับตายังไง คุณจะขยับตัวยังไง มันเป็นความละเอียดครับ แพลตฟอร์มมันไม่เหมือนกัน เราไปอยู่บนจอภาพยนตร์ที่คนจ้องอยู่ เพราะฉะนั้นจะหายใจ จะขยับตัวมันมีความหมายหมด ก็รู้สึกว่าหนังสนุกดีนะ มันมีความเป็นมนุษย์จริงๆ มันไม่ต้องพูดใหญ่ให้คนฟังเหมือนทีวี ก็เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่สนุกดีครับ

ในเรื่องผมจะอายุประมาณ 280 ปี คาแรกเตอร์ในเรื่องกับตัวจริง หลายอย่างก็ใกล้เคียงกันนะครับ เพราะตัวจริงที่ผมเอาไปใช้ในเรื่องก็เป็นตัวเองหลายเปอร์เซ็นอยู่ น่าจะ 40-50% อีก 50% ก็เติมเข้าไป ก็จะเป็นคนสุขุม พูดน้อยหน่อย นี่คือตรงกลางของเราทั้งสองคน ก็คือพูดน้อยและใช้ความคิดมากกว่า”

ทำการบ้านด้วยการดูนักธุรกิจเป็นตัวอย่าง เรียนรู้ละเอียดยิบแม้กระทั่งการกระพริบตา
“ใช่ครับ ผมเป็นคนชอบฟังพอดแคสต์สัมภาษณ์นักธุรกิจ 30-40 คนเพื่อดูความคิด บุคลิก แม้กระทั่งการกระพริบตาของเขาว่าเป็นยังไง และมีเพื่อนที่เป็นนักธุรกิจเยอะ เราก็จะศึกษาท่าทางวิธีการพูดคุย แต่เวลาเราคุยกับเขา ด้วยความเป็นเพื่อนกันมันก็ซึมซับมาได้ แต่ก็ไม่พอหรอกครับ เพราะคนมีเยอะ เราก็ต้องดูมากเท่าที่เราจะศึกษาได้ เราดูเพื่อเอามายด์เซ็ต เอาท่าทาง การสื่อสารของเขา”

เคมีกับ “จ๋อมแจ๋ม” ที่ต้องเล่นเป็นคู่รักกัน
“สนุกนะครับ เป็นเพื่อนเบสเฟรนด์กันในกองเลย มีอะไรก็จะปรึกษากัน จ๋อมแจ๋มเป็นคนเฟรนด์ลีมาก ตั้งใจมากๆ ในเรื่องพอมันเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากๆ จะเป็นฟีลเป็นห่วงกันมากกว่า อาจจะไม่ได้มีเลิฟซีน ไม่ได้มีความหวานแหว๋วขนาดนั้น แต่ก็รู้สึกว่าเป็นคู่หมั้นเรา ที่เราคอยห่วงใย ดูแลเทคแคร์อยู่ตลอด จะเป็นฟีลคอยช่วยเป็นที่ปรึกษากัน เหมือนใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมานานมากกว่า”

ฉายวันแรก 12 ก.ย. ลุ้นฟีดแบ็ก ติชมได้ เพื่อนำไปพัฒนาต่อ
“ตื่นเต้นนะครับ หนังเรื่องแรกด้วย ก็อยากให้ทุกคนมีอะไรก็ติชมกันได้ ผมอยากดูฟีดแบ็ก อยากดูว่ามีอะไรที่เราสามารถเอาไปพัฒนาต่อได้ (เรื่องนี้น่าดูยังไง?) ผมว่ามันเป็นโลกจินตนาการที่บางสิ่งบางอย่างจินตนาการมันก็ความสนุก เพียงแต่ช่วงหลังๆ คนกำลังเริ่มเอาจินตนาการออกมามากขึ้น ผมรู้สึกว่ามันเป็นอีกก้าวหนึ่งของวงการบันเทิงที่เราอาจจะไม่จำเป็นต้องทำชีวิตคนๆ หนึ่งอย่างเดียว เราอาจจะเป็นเอเลียนมากขึ้นหรือเปล่า เป็นไซไฟมากขึ้นหรือเปล่า ผมเลยรู้สึกว่ามันเป็นก้าวที่ดีนะที่เราจะได้เป็นส่วนหนึ่งของการที่มีสิ่งใหม่ๆ เข้ามาในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย หนังแนวนี้บ้านเรายังมีน้อยครับ เพิ่งเริ่มมา 1-2 ปีนี้เองที่เริ่มบูมขึ้นมา และผมว่าในอีก 2-3 ปีข้างหน้ามันจะดีขึ้นเรื่อยๆ”

เมื่อถามถึงความคาดหวัง กัปตันก็บอกว่า...
“ผมขอยืมคำเพื่อนผมมาพูดแล้วกัน ผมไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องรายได้ (หัวเราะ) เพราะหน้าที่ของผมคือทำการแสดงให้ดีที่สุด ก็คิดว่าดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ครับ นอกจากนั้นมีอะไรเราก็รอฟังฟีดแบ็ก แต่ก็ขอให้รายได้ปังๆ นะครับ (หัวเราะ) ผมว่ามันมีทาร์เก็ตกรุ๊ปของคนที่ชอบแนวสืบสวน ซึ่งแนวสืบสวนบ้านเราก็ไม่ได้เยอะขนาดนั้น ที่บทจะยาวมากๆ แล้วมาคาดเดากันว่าใครเป็นคนร้าย ผมว่าเป็นหนังที่คนดูอาจจะได้หาคำตอบ คนอาจจะอินไปกับเรื่องราวนั้น และมานั่งลุ้นกันว่าใครที่จะเป็นคนร้าย”

เรียนการแสดงเพิ่มตลอด
“ตลอดครับ แต่หลังๆ อาจจะไม่ได้เรียนมาก เพราะไปเรียนทำธุรกิจด้วย คือเรียนตั้งแต่โปรเจกต์ 9X9 (ไนน์บายนาย) เลือดข้นคนจางแล้วครับ โดนส่งไปเรียนด้วย และเรียนเพิ่มเองด้วย ผมว่ามันไม่มีจุดจบหรอกครับว่าอะไรคือเต็มแก้ว มันสามารถไปได้เรื่อยๆ บางทีเนื้อเรื่องเดียวกัน แต่เรียนคนละวันอาจจะได้คนละเรื่องก็ได้”

การเรียนการแสดง มันสนุกครับ ได้เรียนรู้ตัวเองด้วย ก่อนที่จะไปแสดงเราต้องรู้จักตัวเองก่อนว่าเราเป็นคนยังไง ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร เราถึงจะไปเป็นคนอื่นที่ชอบอะไร ไม่ชอบอะไรได้ ถ้าเราไม่รู้จักตัวเอง เราไม่เรียน อาวุธเราก็ไม่พร้อม ยิ่งมีอาวุธเยอะยิ่งหยิบใช้ได้เยอะ”

เป็นคนที่ก่อนจะทำอะไร ต้องไปให้สุดทาง ต้อองศึกษาให้รู้อย่างถ่องแท้
“ต้องสุดทางครับ ก็พยายามรู้ให้เกือบทุกอย่าง ไม่รู้ก็ถาม (ทำให้ชีวิตพลาดน้อยด้วยหรือเปล่า?)
มันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียครับ ข้อเสียคือจะทำอะไรช้า เพราะเราคิดละเอียดเกินไป ส่วนข้อดีคือพลาดน้อย บางคนถ้าไม่ได้คิดอะไรเยอะ เขาอาจจะเริ่มเลย แล้วไปลุยหน้างาน มันก็มีข้อดีข้อเสียของแต่ละคน

จริงๆ ก็เพิ่งตกตะกอนตอนโตแหละว่ามันคืออะไร ตอนแรกเราก็ไม่รู้หรอกว่าเราเป็นคนแบบนี้ ชอบทำอะไรแบบนี้ เราก็พยายามถามตัวเองตลอดว่าทำไมถึงต้องทำให้ได้ แต่ความรู้ก็ทำให้ง่ายขึ้นในการดีลกับปัญหาต่างๆ (มีเรื่องอะไรที่จะไม่เอาชีวิตเข้าไปยุ่งเลยไหม?) เรื่องที่มันอันตรายครับ อย่างยาเสพติด เราก็ไม่เห็นมีความจำเป็นเลยที่ต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงตรงนั้น”

อยู่วงการบันเทิงมา 10 ปี ค่อยๆ เติบโต ไม่ชอบก้าวกระโดด สิ่งที่ยากที่สุดในวงการที่เจอมาคือความกดดัน
“มันก็ 10 ปีมาแล้วครับ เราก็ค่อยๆ ก้าวมา เราอยากค่อยๆ ไปมากกว่า ไม่ชอบก้าวกระโดด ผมอยากจะบาลานซ์ทุกอย่างไปด้วยกัน ทั้งเรื่องวงการ ธุรกิจ ครอบครัว เพื่อน ไม่ได้อยากทิ้งสิ่งไหนไป

สิ่งที่ยากเป็นความกดดันแล้วกัน บางครั้งเราก็อาจจะกดดันตัวเองมากเกินไป อาจจะเป็นความคาดหวังของหลายๆ คน ก็ต้องจัดการความรู้สึกตัวเองดีๆ ว่าเราจะจัดการสิ่งนี้ยังไงให้เราดีลกับความคาดหวังข้างนอกได้ ดีลกับตัวเองได้ ต้องหาตรงกลางให้เจอ ก็พยายามโฟกัสตัวเองมากขึ้น พยายามเลือกในสิ่งที่ตัวเองชอบ เพราะถ้าเราไม่ได้ทำในสิ่งที่ชอบ มันอาจจะบั่นทอนจิตใจได้

ก็รู้สึกภูมิใจที่ทุกอย่างในวงการมันหล่อหลอมให้เราแข็งแกร่งขึ้น หล่อหลอมให้เรามีสติในการใช้ชีวิตมากขึ้น ก็ดีใจนะ บางอย่างที่เป็นเรื่องร้ายสำหรับเรา มันอาจจะเป็นเรื่องที่ดีของเราในวันนี้ก็ได้ ถ้าชีวิตไม่ได้เจอเรื่องใดเรื่องหนึ่งมันอาจจะไม่ได้เป็นผมในทุกวันนี้ เรื่องไม่ดีมันก็มีข้อดีแหละครับ ก็มีพลังบวกมากขึ้นเรื่อยๆ”

ความรักกับ “พลอย ชวพร เลาหพงศ์ชนะ” ที่คบกันมา 5 ปี แม้จะอายุห่างกัน 13 ปี แต่ลงตัวเป็นทั้งเพื่อน เป็นทั้งคนรัก
“ผมรู้สึกว่าเหมือนเป็นหลายๆ อย่าง เป็นทั้งเพื่อน เป็นทั้งคนรัก รู้สึกดีใจที่เหมือนเวลาเรามีอะไรจะปรึกษา มันจะมีคำแนะนำที่ดีเสมอ ด้วยความที่เขาอาจจะโตกว่า เราก็มีทั้งความคิดของเรา มีทั้งความคิดเขา เอามาจูนกันได้ ผมอาจจะไม่ถนัดเรื่องง๊องแง๊งเหมือนเด็กวัยรุ่น เราอาจจะผ่านมาแล้ว อาจจะผ่านมาเร็วกว่าคนอื่นก็ได้ พอมาเจอความรักแบบโตๆ มันก็โอเค (ยิ้ม)

ผมว่ามันเป็นความสบายมากกว่า คือทุกคนมีหน้าที่การงาน มีสิ่งที่ต้องทำแตกต่างกัน เราควรเป็นซัปพอร์ตซึ่งกันและกัน เรื่องความโรแมนติกผมว่าเป็นสิ่งที่ต้องมีอยู่แล้ว แค่อาจจะไม่ได้ตลอดเวลาทุกวัน แต่มันเป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวไว้อยู่ข้างหลัง”

วิธีการดูแลความรักที่ทำให้คบกันได้นานคือ ให้สเปซกันและกัน
“ให้สเปซกันและกัน ผมว่าเรื่องสเปซมันเป็นสิ่งสำคัญ อย่างผมอยากจะกินข้าวร้านนี้ แต่คุณอยากจะกินข้าวร้านนั้น เราก็แยกกันไปกินดีกว่า (หัวเราะ) แต่มีอะไรก็คุยกัน ทุกคู่ต้องเริ่มมาจากความเข้าใจ คนหนึ่งเป็นคนแบบนี้ อีกคนเป็นคนแบบนี้ แล้วเราหาจุดตรงกลางกัน

อะไรมันคือจุดตรงกลางของกันและกัน ไลฟ์สไตล์หรือเปล่า ความชอบหรือเปล่า มันต้องมีอะไรตรงกลางที่เป็นความชอบร่วมกันมันถึงจะไปด้วยกันได้ (ยังต้องมีอะไรปรับจูนกันอีกไหม?) ผมว่า 5 ปีมันก็ค่อนข้างจะรู้กันหมดแล้ว อยู่ที่การเดินไปด้วยกันมากกว่า ตอนนี้ชีวิตแฮปปี้ครับ ภาพรวมคือดี ทุกอย่างยังอยู่ในสิ่งที่เราคิดไว้ (ยิ้ม)”











กัปตัน แฮปปี้รัก พลอย ชวพร มา 5 ปีลงตัว





ผลงานหนังเรื่องแรกในชีวิต “Achilles Curse...อคิลลิสเคิร์ส กับสมบัติต้องคำสาป”

ผลงานหนังเรื่องแรกในชีวิต “Achilles Curse...อคิลลิสเคิร์ส กับสมบัติต้องคำสาป”





กำลังโหลดความคิดเห็น