xs
xsm
sm
md
lg

“มิน พีชญา” เปิดความรัก พ่อพระ vs นางมาร เล่าความยากกว่าจะข้ามเฟรนด์โซน “เคลวิน” เอ่ยปากขอก็พร้อมเซย์เยสเสมอ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“มิน พีชญา” เปิดใจกว่าจะข้ามเฟรนด์โซนกับ “เคลวิน” ต้องชั่งใจหลายอย่าง เพราะกลัวจะเสียเพื่อน แต่คนรอบข้างก็เชียร์มาตลอด ขนาดแม่ของตนก็ยังพูดถึง เพราะฝ่ายชายเป็นเพื่อนที่ดีมาตลอด 10 ปี อยู่ด้วยในทุกเหตุการณ์ จนตอนนี้ถ้าจะขอแต่ง ตนก็พร้อม

หลังจากที่เปิดเผยโฉมหน้าหนุ่ม “เคลวิน ตีรวัฒนานนท์” ในฐานะคนรู้ใจแล้ว นางเอกสาว “มิน พีชญา วัฒนามนตรี” ก็ดูจะสดชื่น สดใสเหลือเกิน จนตอนนี้ทุกคนก็ลุ้นว่าเมื่อไหร่จะมีข่าวดี เพราะคู่นี้หวานกันมาก ซึ่งสาวมินที่ตอนนี้กำลังมีละครเรื่อง เกมรักปาฏิหาริย์ ทางช่อง one31 ก็ได้เปิดใจว่า กว่าจะข้ามเฟรนด์โซนมาได้ ก็ต้องใช้เวลาอยู่ เพราะเป็นเพื่อนกันมา 10 ปี ก็กลัวจะเสียเพื่อนเหมือนกัน
 
“คนอื่นเขาลงรูปคู่บ่อยกว่าหรือเปล่า แต่ก่อนหน้านี้มีแฟนก็ไม่เคยลงรูปเลยนะ ก็อยากอวดเหมือนคนอื่นเขาบ้างไง (หัวเราะ) มินว่ามันก็ถึงเวลาแล้ว ด้วยวัยมันก็สมควร อย่างตอนเด็กๆ เราอาจจะรู้สึกว่าเกรงใจผู้ใหญ่ ตอนเด็กมันมีผู้ใหญ่ดูแลอยู่หลายท่าน ด้วยบริบทต่างๆ เราจะลงอะไรทีก็ไม่อยากให้ผู้ใหญ่มาว่า เราก็ไม่ได้อยากจะเล่าเรื่องส่วนตัวให้ใครฟัง คืองานก็เยอะอยู่แล้วไม่ได้มีเวลามาเล่าเรื่องส่วนตัวแต่พอเป็นคนนี้เรารู้สึกว่าด้วยวัยบริบทมันก็พร้อมแล้ว เราก็เป็นอิสระ มันก็ไม่ได้กระทบใครมาก มันก็คงไม่ผิดมั้งถ้าเราจะโอเพ่น ไม่ได้ปิด

แรกๆ ก็เขิน ทำไม่เป็น (หัวเราะ) เวลาเห็นคนอื่นเขาลงรูปแฟน เราจะรู้สึกว่าทำไมเขากล้าลง เพราะเราไม่กล้าไงเราก็อยากอวดเหมือนกัน เราก็อยากโพสต์ แต่ว่าที่ผ่านมาเราไม่รู้ว่ามันเหมาะสมไหม แต่ระหว่างเลือกรูปลงกับแคปชั่น มินว่าแคปชั่นยาก เพราะรูปมันมีอยู่แล้ว เบื่อการคิดแคปชั่นมากเลย จนบางทีอยากจะใส่สติ๊กเกอร์เฉยๆ สติ๊กเกอร์รูปหัวใจ อันนี้ไม่มีใครแอพพรูฟเลย มินลงเลย เพราะถ้ารอให้พรูฟเดี๋ยวไม่ได้ลง เขาก็ปล่อยแล้วแต่เรา พี่เอส ผู้จัดการ ก็ไม่ว่า คือเราลงไปก่อนถ้าไม่มีสายเข้าแสดงว่าโอเค”

เผยค่อยๆ พาแฟนหนุ่มแทรกซึมเข้าวงโคจรของตนเรื่อยๆ
“เน้นฟีลค่ะ เป็นรูปข้างหลังบ้าง รูปเบลอๆ บ้าง ผ่านไปเกือบปีกว่ามินถึงจะลงให้เห็นหน้า ตอนนั้นก็เห็นกกหู เห็นไรผม สาเหตุที่ลงแบบนั้น คือเราก็เช็กทุกด้าน เหมือนค่อยๆ ซาวด์เช็ก พี่เอส (ผู้จัดการ) จะโทร.มาบ่นไหม หรือว่าคุณเคลวินจะเขินหรือเปล่า ค่อยๆ ล้อม ป่าล้อมเมือง (หัวเราะ) ผู้ใหญ่แฮปปี้มาก บอกว่าพี่ต้องได้ไปงานแต่งนะ พี่ต้องมีอยู่ในลิสต์นะใครๆ ก็ถามเรื่องงานแต่ง เราก็บอกใจเย็นๆ แค่ลงรูปเฉยๆ

ทุกคนก็เอ็นดูเขานะ มินรู้สึกขอบคุณมากที่ไปไหนมาไหนทุกคนก็เอ็นดูเขา อย่างล่าสุดก็ไปงานปิดกล้องด้วยกัน ทุกคนก็แฮปปี้กับเขา ถามว่ากังวลไหมตอนที่พาเขาไปด้วย ไม่นะ มินว่าเราก็ซาวด์เช็กมาแล้วด้วยแหละว่าพาไปด้วยได้ไหม ก็มีพาไปกองบ้าง ไปดู ซื้อขนมมาแจกกอง ซื้อใจ ตอนแรกเขาก็จะเขินๆ หน่อย แต่เขาเริ่มเข้าใจมันมินก็จะบอกเขาว่าเมื่อก้าวเข้าสู่การอยู่ในที่แจ้ง มันย้อนกลับไม่ได้แล้วนะ ต้องทำความเข้าใจเรื่องนี้ก่อน เพราะว่าเราก็จะกลายเป็นคนของประชาชน ไปไหนคนก็จะจำหน้าได้ ไปแอบทำอะไรไม่ได้เลยนะ (หัวเราะ)”

บอกแฟนหนุ่มเข้าใจแวดวงการทำงานของตนดี แต่ก็ดูแลความรู้สึกกันและกันเสมอ
“ถามว่าเขาเป็นเพื่อนที่เข้าใจแวดวงเราไหม เขาเป็นเพื่อนสนิทที่เข้าใจความจำเป็นและบริบทของอาชีพเราอยู่แล้ว เพราะเขาก็เคยมาช่วยเราในหลายๆ เรื่องในการทำงาน เขาเคยมาดูกองถ่าย มาช่วยไปงานจีน แต่ก่อนมีออกอีเว้นต์กับหนังจีน เขาก็ไปช่วย บินไปฮ่องกง ไปจีนกัน เคลวินเขาจะพูดภาษาอังกฤษแบบเนทีฟเลยเขาก็จะมีความเข้าใจวงการเราอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการต้องหยุดถ่ายรูปบ่อยๆ หรือแหวกเขาดันหนี มันรู้สึกนะ เช่นยืนกันอยู่สองคน พอมีคนมาขอถ่ายรูปก็ดันเขาหนีเลย ถ้าเป็นเราจะรู้สึกยังไง ทำไมเราหายไปไหน แรกๆ คนจะอยากเข้ามามีตัวตน แต่พอตอนหลังถ้าเข้าแล้วออกไม่ได้นะ คือเราจะต้องให้เข้าใจเรื่องนี้ก่อน

เราเองก็ต้องเข้าใจเขามากที่สุด และต้องเป็นคนที่ยืนหยัดให้กันและกันมากที่สุด ถามว่าเรากังวลไหมว่าเขาจะคิดมากหรือเปล่า คือมันไม่ใช่ความกังวล แต่เป็นความห่วงนิดๆ มากกว่าว่าข่าวจะเขียนออกมายังไงนะ แรกๆ ถึงออกมาเป็นเงาไง แล้วพอคนที่ถูกพูดถึงมันจะเริ่มมีอารมณ์ร่วม เราก็เช็กเขาว่าเขารู้สึกยังไงบ้างเพราะว่านอกเหนือจากเขา เราก็ยังต้องให้เกียรติพ่อแม่เขาด้วย เช่นอยู่ดีๆ ไปใส่ชื่อนำหน้าเขาว่าไฮโซ เขาจะรู้สึกยังไง เราก็จะใส่ใจความรู้สึกเล็กๆ น้อยๆ ตรงนี้ เพราะมินว่ามันก็ไม่ใช่ทุกคนที่ชอบนะกับการถูกพูดถึง”

ดีใจแฟนคลับและคนรอบข้างให้การตอบรับแฟนหนุ่มอย่างดี
“ณ วันนี้เขาโอเคมาก ตอนนี้เขาแทบจะกลายเป็นคนในวงการไปแล้ว เขาถูกขอถ่ายรูปด้วยค่ะ เวลาไปเจอแฟนคลับที่พารากอน แฟนคลับจะขอถ่ายรูปเขา มินถูกขอถ่ายรูป เขาก็ถูกแยกไปถ่ายรูปเหมือนกัน ถูกถ่ายเดี่ยวเลยหรือไม่ก็ถ่ายคู่ เขามีแฟนคลับแล้วค่ะ แฟนคลับมินเขาก็แฮปปี้ เขาบอกว่าเมื่อไหร่จะแต่ง ก็ชินแล้วกับคำถามนี้ เขาก็ต้องขอสิหรือจะให้มินคุกเข่าขอเขาดี (หัวเราะ) แต่เวลามีคนถาม เขาก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรนะคะ แต่มินว่ามันก็กดดันแหละ แต่เมื่อไรพร้อมเขาก็คงมาเอง

เราก็มีแหย่เขาบ้าง แกล้งเขา มันก็จะเป็นการแหย่กันไปมา แต่มันก็ยังไม่ได้ถึงวันนั้น มินก็จะชอบแซวว่าต้องเป็นวันที่มินสวยนะ ตอนนี้ก็เลยสวยทุกวันเหนื่อยเลยคราวนี้ ต้องมาทาเล็บทุกวันเลยเนี่ย (หัวเราะ)”

บอกตอนที่โสด แม่ถึงกับถามว่าทำไมไม่เลือก “เคลวิน”
“คุณพ่อคุณแม่ก็แฮปปี้ จริงๆ คุณแม่เป็นคนชี้เป้าด้วยซ้ำ ตอนที่มินโสดมินก็กลับไปอยู่กับคุณแม่ เหมือนฮีลใจ อยู่กับตัวเองเป็นเดือนๆ แม่ก็เห็นว่าเราเศร้า แม่ถามว่าแล้วเคลวินไปไหน มันแปลกไง เพื่อนก็มีตั้งหลายคน ทุกวันนี้มินก็ถามเขาว่าทำไมพูดประโยคนั้น คุณแม่ก็บอกว่าไม่รู้สิวันนั้นรู้สึกสงสารลูกจับใจ คิดอะไรไม่ออก รู้สึกว่ามีผู้ชายอยู่คนนึงที่ใส่ใจลูกเราดีมากเลย เป็นเพื่อนที่ดีเลยถามว่าเคลวินอยู่ไหนทำไมไม่มาดูแล

คือเคลวินเข้ามาเป็นเพื่อน แล้วเขาก็ให้เกียรติครอบครัวมินมาตลอด มีอะไรเกิดขึ้นในชีวิต 10 กว่าปีก็เป็นเพื่อนกันไม่มีหายไปเลย มันมีประโยคนึงที่แม่ถามว่าไม่มีผู้ชายคนไหนที่รู้สึกโอเคเลยเหรอ เราก็เลยบอกว่าไม่มี ยังไม่มี แต่ว่ามีอยู่คนนึงถ้าอยากได้แฟนอยากได้คนนิสัยแบบนี้ เอานิสัยแบบเพื่อนเราคนนี้แต่ไม่ใช่เขา แม่ก็เลยถามว่าแล้วทำไมไม่เป็นเขา เราก็ไม่เคยคิดข้ามเส้นจริงๆ มันเป็นเพื่อนแบบบริสุทธิ์ใจ”

เผยตอนแรกไม่กล้าข้ามเส้น เพราะกลัวเสียเพื่อน
“มินว่าหลังจากที่มินโสดมาสักพักนึงแล้วต่างคนต่างโสด คือมินเริ่มคิดจากฝั่งแม่มิน แต่มินไม่รู้ว่าเขาเริ่มตอนไหน มินไม่รู้ว่ามินเปลี่ยนไปหรือเขาเปลี่ยนไป ไม่รู้จริงๆ ว่าตอนไหนที่มันเปลี่ยนไป ตอนข้ามเฟรนด์โซนมันยากมากเลย เพราะว่าเรากลัวเสียเพื่อน ถ้าเราทำพังล่ะ มันเหมือนเลโก้ที่มันสวยอยู่แล้ว แล้วถ้าเราต่อผิดนิดเดียวคือมันพัง มันเซนซิทีฟมาก ก็กล้าๆ กลัวๆ พอคุยกันสักพักเรารู้สึกว่าเขาชอบเรา คือตอนที่ข้ามเฟรนด์โซนนะ แต่เขาก็ไม่ได้จีบ

มันจะมีช่วงที่มีข่าวว่าเจอมินเดินอยู่กับใคร แต่จริงๆ ตอนนั้นมันก็ยังไม่มีความชัดเจน เหมือนเวลาที่พี่ๆ มาสัมภาษณ์ มินก็ไม่รู้จะเรียกเขาว่าอะไร แล้วความสัมพันธ์มันก็จะเสียไม่ได้ด้วย จนมินไม่รู้จะถามเขาว่ายังไง มันประหลาด เป็นเพื่อนกันมา 10 ปี แล้วเขาเป็นคนดีมาก ถ้าเป็นภาษาไทยก็เรียกว่าพ่อพระ ส่วนเราก็นางมาร (หัวเราะ)”
บอกแฟนหนุ่มเป็นคนสุภาพ และเสมอต้นเสมอปลาย
“สุดท้ายมินก็เลยถามเขา ปกติมินแมนมาก แต่วันนั้นถามแบบอ้อมไกลมาก มินถามเขาว่ามาเล่นเกมกันไหม เคยเล่นเกม Twenty questions ไหม เป็นเกมถามไปแล้วเขาถามกลับ มินก็ถามเขาว่าชอบผู้หญิงแบบไหน แล้วเขาก็ตอบมาทุกอย่างที่เป็นมิน มินเลยบอกว่า It sounds like me มันเหมือนชั้นเลยนะ แล้วเขาก็บอกว่า It’s you! หลังจากนั้นก็เลยรู้ว่าเขาชอบเรา อันนี้หลังจากคุยกัน 2-3 เดือนเลยนะ หลังคำว่า It’s you! คือทั้งคู่หูดับกันไปสักพักเลย 

เขาเป็นคนสุภาพอ่อนโยน มีมารยาท ไม่ล้ำเส้น เราก็จะไม่ค่อยชอบผู้ชายที่บอกว่าฉันมาจีบเธอ เขาเป็นคนคำไหนคำนั้น 10 ปีเขาเป็นยังไงก็เป็นอย่างนั้นมาตลอด ซึ่งพอข้ามจากความเป็นเพื่อน เขาก็เหมือนเดิมเลย แต่เพิ่มเติมคือเขาบอกว่าเขาจะดูแลเราได้มากขึ้น แต่ก่อนตอนเป็นเพื่อนเวลาเขาเห็นเราร้องไห้ หรือคุยโทรศัพท์แล้วร้องไห้ โมโห เขาจะมีความรู้สึกว่าเขาอยากกอดเรา แต่เขาทำไม่ได้ เพราะเขาเป็นเพื่อน แต่ตอนนี้เขาทำได้แล้ว”

บอกถ้าขอตอนนี้ก็พร้อม say yes!
“เขาเป็นที่ปรึกษาทั้งเรื่องหัวใจด้วย เป็นเพื่อนสนิท ก็รู้จักกับเพื่อนสนิททั้งกลุ่ม ทุกคนก็จะเห็นกันมาตลอด สมัยก่อนเพื่อนเจอก็จะแซวเขาว่าเหมาะสมกันนะ ทำไมไม่คบกัน แต่เราคือแบบว่าขนลุก วันที่แม่พูดว่าเคลวินไปไหน เรายังขนลุกอยู่เลย คิดภาพไม่ออก คิดเชิงแฟนไม่ออกจริงๆ แล้วพอบอกเพื่อนสนิทว่ามีคนคุยแล้วนะ เพื่อนก็ถามว่าใคร แล้วก็ทายว่าใช่เคลวินไหม เราก็แบบเฮ้ยรู้ได้ไง 

คือทุกคนรู้หมดยกเว้นมินและเคลวิน เอาจริงๆ เคลวินก็บอกว่ามีคนถามเขาตลอด แต่เราก็บอกว่าไม่มีอะไร เราก็ให้เกียรติกัน แล้วเคลวินเขาจะเป็นคนระวังมาก เพราะว่าเราเป็นคนมีชื่อเสียง ยิ่งสมัยก่อนเขายิ่งระวัง ไม่ทำให้เราแปดเปื้อน

ถามว่าจะแต่งงานเมื่อไหร่ เราต้องระบุวันเลนเหรอ (หัวเราะ) เอาจริงๆ มินพร้อมนะ ในทุกๆ อย่าง วัยวุฒิ วุฒิภาวะ แต่มินว่ามันก็ยังเป็นไทม์มิ่งของคนสองคน ที่คำว่าพร้อมคือคนสองคนพร้อม ไม่ใช่ฉันพร้อมตอนนี้ เธอพร้อมตอนนี้แล้วมาบังคับกันพร้อม คือมันต้องมองกันแล้วแบบใช่ แล้วเขาก็ต้องสัมผัสได้ว่าเราพร้อม เขาถึงจะมาขอ ถูกไหม คือถ้ามาขอตอนนี้มินก็เซย์เยสนะ ก็เรียกว่าพร้อมใช่ไหม เราไม่ได้ไปกดดันเขานะ แต่ก็ไม่ได้ติดอะไร











กำลังโหลดความคิดเห็น