“หนิง ปณิตา” โพสต์ว่าคนใกล้ตัว ก่อนจะเม้าธ์ใครดูตัวเองดีๆ ก่อน อุบตอนคนในวงการไหม ไม่อยากมีประเด็นเพิ่ม ลั่นเตือนครั้งที่ร้อย แต่ไม่รู้สึก ชวน “เป็ก สัณณ์ชัย” มางานแฟนมีต “ธัญญ่า-หนิง” หลังอีกฝ่ายหึงเล่นซีรีส์กอดจูบกัน รับฮอตขึ้นเพราะเล่นหญิงรักหญิง มีเข้ามาคุยทุกเพศทุกวัย แต่ไม่พร้อมมีแฟน สำคัญที่สุดตอนนี้คือลูก เตรียมกลับมาทำละครแม้สถานการณ์วิกฤต บอกเจอมานานแล้ว ติดลบหลายสิบล้าน แต่ปรับตัวสู้ ยังศรัทธาในละครไทย
ทำเอาขาเม้าธ์สะดุ้งกันเป็นแถว หลังนางร้ายตัวแม่ “หนิง ปณิตา พัฒนาหิรัญ” ออกมาโพสต์แคปชั่นสุดแซบ “ก่อนจะเม้าธ์ใครดูตัวเองดีๆ ก่อนนะจ๊ะ” ล่าสุดวันนี้ (9 ก.ย. 67) ได้เจอเจ้าตัว ในงานบวงสรวงและแถลงข่าวเปิดตัวรายการ “THE SOCIAL WARRIOR” ก็เลยขอถามถึงประเด็นนี้สักหน่อย ว่าคุณแม่หมายถึงใครกันนะ
“คือหมายถึงคนที่อยู่ใกล้ๆ ตัวนี่แหละค่ะ ก็โดนเม้าธ์แหละ จริงๆ ต้องบอกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา แต่บางครั้งที่เราเขียนอะไรแบบนี้ แค่อยากจะเตือนสติคนบางคน จริงๆ คนเราเวลามันอยู่ด้วยกัน มันควรที่จะต้องจริงใจ เชื่อใจ ไว้ใจ และให้ใจ แต่เมื่อเราให้ไปแล้วเขาไม่รับ มันก็เป็นเรื่องของเขา เราก็แค่ถอย หนิงถึงใช้คำพูดที่ว่าดูตัวเองก่อน ก่อนที่จะไปวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น แต่ว่าเดี๋ยวนี้หนิงมูฟออนทุกอย่างได้เร็วมาก หนิงจะไม่เสียเวลาอะไรกับการที่ทำให้หนิงเศร้าหรือเป็นทุกข์ อาจจะรู้สึกแค่แป๊บเดียวแต่มันต้องเดินหน้าค่ะ”
หลังๆ มองข้าม แต่ครั้งนี้อยากสะกิดให้รู้
“หลังๆ หนิงจะมองข้ามมากๆ แต่บางครั้งมันเหมือนสะกิด ถ้าสมมติว่าพอที่จะคิดเป็น รับรู้เป็น และไหวตัวปรับตัวทัน ชีวิตมันจะมีความสุข แต่ถ้าคิดไม่เป็น ปรับตัวไม่ทัน แล้วยังมูฟออนเดินเป็นวงกลม ไม่มีใครช่วยอะไรได้”
ไม่ใช่การเตือนครั้งแรก แต่เป็นครั้งที่ร้อย
“หนิงว่าถ้าจะเป็นครั้งที่ร้อยแล้วมั้งคะ แต่คำพูดมันดูเบา ถ้าเป็นเมื่อก่อนหนิงฟาดๆ เลย แต่บางทีการฟาดมันไม่เป็นผล ก็เลยสะกิดเบาๆ หวังว่าความเบาๆ มันอาจจะทำให้เกิดอะไรดีๆ ขึ้นมาได้ ซึ่งไม่มีแรงกระเพื่อมเลย ไม่รู้สึกอะไรเลย (หัวเราะ) เลยคิดว่าโอเคพอแล้ว คือหนิงว่าคนเราบางที จากที่มีปัญหาหลายๆ อย่าง มันมีคำพูดอยู่คำหนึ่งที่ผู้ใหญ่เคยสอน คือบางครั้งความรักหรือว่าอะไรที่เราจะมอบให้ใคร ถ้าเขาไม่รับ รับไม่ได้ มันเป็นเรื่องของเขาแล้ว เราทำดีที่สุดแล้ว (มันมาเข้าหูเราเอง หรือคนที่เขาเม้าธ์เขามาเล่าให้เราฟัง?) โดยส่วนใหญ่เวลาเราไปเม้าธ์ใคร หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง มันก็ปากต่อปากไป แล้วมันกลับมาเข้าหูซะจนแบบ เฮ้อ…เมื่อไหร่จะจบ”
อุบตอบเป็นคนในวงการไหม ไม่อยากมีประเด็นเพิ่ม ไม่อยากเตือนอะไรแล้ว ไม่จำเป็น
“ไม่เอาแล้ว ครั้งที่ 101 ไม่จำเป็นแล้ว ถ้าเขาไม่พร้อมที่จะรับมันเป็นเรื่องของเขาแล้ว ถ้าสุดท้ายหนิงเอาใจเข้าไปผูก คนที่ทุกข์คือหนิง เพราะมันเป็นปัญหาเขา ถามว่าคนในวงการไหม อันนี้ขออนุญาตไม่บอกค่ะ (หัวเราะ) จะได้ไม่เป็นประเด็นเพิ่ม พอแล้ว”
บอกไม่ได้เคลียร์อะไร หลัง “เป็ก สัณณ์ชัย เองตระกูล” ให้สัมภาษณ์ทนดูไม่ได้ กับฉากกอดจูบของหนิงกับภรรยา “ธัญญ่า ธัญญาเรศ เองตระกูล” ในซีรีส์ยูริ รักนี้มีแค่เรา
“ไม่รู้ (หัวเราะ) ก็ไม่ได้เคลียร์อะไรนะ มันคือเรื่องราวของการทำงาน เขาบอกทนดูไม่ได้ก็ ไม่เห็นมีอะไรเลย ล่าสุดโทร.ไปคุยก็ปกติดีนะ หนิงว่าสุดท้ายแกก็เข้าใจว่าทำงาน แต่แค่ไปถ่ายที่บ้านเขา ตอนที่เขาหลับอยู่ แล้วตอนหลังก็ย้ายไปบ้านหนิง มี 2 โลเกชั่น”
เผย “ธัญญ่า” โทร.มาบอกให้บล็อกไอจี “เป็ก” ไปเลย
“เขาโทร.มาบอกว่าให้บล็อกไอจีพี่เป็กไปเลย เขาจะได้ไม่เห็น เพราะเขาก็บล็อกอยู่เหมือนกัน เพราะมีอยู่วันหนึ่งพี่เป็กเขามาแซวเล่นในไอจีหนิง แล้วน้องลียาเห็นก็ไปบอกพี่ญ่า พี่ญ่าเลยมาบอกหนิง แต่จริงๆ มันไม่มีอะไรค่ะ มันเป็นเรื่องของการทำงาน แหมผู้หญิงด้วยกันมาหึง ที…หึ จริงๆ หนิงว่ามันก็เป็นการดีนะถัาพี่เป็กหึง มันก็ทำให้พี่เราดูมีเสน่ห์ขึ้น ก็โอเค แต่หนิงก็หวงของพี่ของหนิงเหมือนกัน ใครอย่ามารังแกเขานะ”
ต่อหน้าไม่ได้แสดงออกอะไร เชื่อเข้าใจเป็นการทำงาน
“ไม่มีค่ะ เอาจริงๆ หนิงว่ามันเป็นเรื่องของการทำงานแหละ แต่ว่าน้องๆ เขาก็แฮปปี้ที่เขาจะดูเราสองคน มีนักข่าวตั้งให้ว่าเป็นคู่จิ้นบ้านบางแคด้วยซ้ำ (หัวเราะ) แต่เราก็ดีใจแหละที่ได้สร้างความบันเทิง ความสนุกสนาน เพราะในด้อมเรามันอยู่แล้วเหมือนเป็นการซัปพอร์ตกัน เด็กคนไหนมีปัญหามาพูดคุยกัน เหมือนเป็นการซัปพอร์ตทางจิตใจ ดีกว่าให้เขาไปทำอะไรอย่างอื่นแล้วไม่มีใครซัปพอร์ตเขา”
ชวนมางานแฟนมีตติ้ง 28 ก.ย. นี้ จะได้รู้บรรยากาศสดๆ
“เขาไม่มีเวลาดูหรอกจริงๆ ก็ถ้าอยากดูมางานแฟนมีตฯ วันที่ 28 เดือนนี้เลยก็ได้ค่ะ จะได้ดูเลยว่าเป็นบรรยากาศสดๆ เป็นยังไง”
รับประกันความฟิน ซีซั่น 2 พิเศษกว่าซีซั่น 1 แน่นอน
“มันก็จะต้องมีอะไรที่พิเศษกว่าซีซั่น 1 จริงๆ ต้องบอกว่าทุกซีนมันไม่ได้เล่นด้วยการถูกกำกับ มันจะเล่นด้วยฟีลและโมเมนต์ คือถ้าโมเมนต์ถูกส่งมา แล้วเรารับเราก็จะเล่น แต่บางครั้งผู้กำกับให้เล่นแบบนี้ แต่เรารู้สึกว่าฟีลมันไม่ได้ มันได้แค่นี้ ทุกอย่างคือตามฟีลหมดเลยค่ะ”
ไม่เขินแต่หวั่นไหวกับสายตาของ “ธัญญ่า”
“ไม่เขินเลย มันจะเขินแค่ซีซั่น 1 ฉากแรกเท่านั้นแหละ ที่ไปถามหาว่าใครเป็นคนเริ่มก่อน แต่สุดท้ายแล้วพี่ญ่าเป็นคนเริ่มก่อน แต่ถ้าเขินก็เขินตาพี่เขา เวลาเขามอง หนิงก็ถามว่าเธอ เธอคิดอะไรกับฉันจริงๆ หรือเปล่าเนี่ย ถามว่าหวั่นไหวไหม มันก็มีบ้าง เพราะว่าสายตาที่มอง จนบางทีแบบเฮ้อ มันอยู่ข้างนอกแล้วนะ แล้วสายตาเขาเวลามอง มันจิกเข้าไปในแววตา เหมือนเขาคิดอะไรอยู่ แต่ว่าจริงๆ มันไม่มีอะไรหรอก มันเป็นบทบาทของการแสดงค่ะ”
มีเคมีคล้ายกัน อยู่ด้วยแล้วสบายใจ
“เขาบอกว่าอยู่กับหนิงแล้วสบายใจ แต่หนิงอยู่กับเขาแล้วก็สบายใจเหมือนกัน คือมันอาจจะเป็นคนสองคนที่มีเคมีอะไรบางอย่างคล้ายๆ กันมากกว่า ซึ่งหลังจากนี้ก็คงจะมีงาน มีโปรเจกต์ทำกันเรื่อยๆ ก็มีความสุขดีกับการทำงานกับพี่ญ่าค่ะ”
มีคนเข้ามาทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่มาเล่นซีรีส์หญิงรักหญิง
“ความฮอตของเราในหมู่ของสาวยูริ ก็ประมาณหนึ่งนะ แต่สำหรับหนิงทุกวันนี้ หนิงว่าผู้ชายก็มีเข้ามา ผู้หญิงก็มีเข้ามา ผู้หญิงที่เป็นแบบผู้หญิงเหมือนกันก็มี เป็นสาวหล่อก็มี สำหรับหนิงตอนนี้มีทุกเพศทุกวัยเลยจริงๆ แต่หนิงก็จะพูดกับทุกคนชัดเจน ว่าหนิงคุยด้วยได้ แต่หนิงไม่พร้อมมีแฟน เพราะสุดท้ายแล้วคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตหนิงคือลูกค่ะ”
ไม่ปฏิเสธเรื่องความฮอต คุยได้แต่ยังไม่พร้อมมีแฟน เพราะที่สุดในหัวใจคือลูก
“อันนั้นก็ไม่ปฏิเสธ คือเราก็งงว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ทุกอย่างมันอยู่บนขอบเขตของการที่เราต้องปฏิบัติและวางตัว ที่สุดของหัวใจหนิงคือลูก ดังนั้นคุยได้ แต่ถ้าคุยแล้วมันล้ำเส้นกว่าการที่จะคุย ก็ช้าๆ คือไม่ได้ปฏิเสธว่าจะไม่มีใหม่หรือว่าอะไร อันนี้มันเป็นเรื่องของอนาคตเราไม่สามารถรู้ได้ เวลาเข้ามาใกล้หนิง หนิงคงมีรังสีเคมีอะไรบางอย่าง ที่ทำให้รู้ว่ามากกว่านี้ไม่ได้แล้วนะ แค่นี้นะ ทุกคนก็จะให้เกียรติความเป็นหนิง แล้วตัวหนิงเองก็ชัดเจนอยู่แล้ว”
ให้เป็นความกระชุ่มกระชวยแค่พอประมาณ ยังไม่คิดจริงจังในเรื่องนี้
“ถ้าไม่มีสมการลูก วันนี้ก็ยังเหมือนเดิม เพราะด้วยงานหลายๆ อย่าง ที่ผ่านมาหนิงก็ดรอปงานบางอันลงไป ซึ่งหลังจากวันนี้เป็นต้นไป ทุกอย่างมันก็คงจะเข้ามาเหมือน หนิง ปณิตา คนเดิม ไม่ว่าจะงานทางธุรกิจ การผลิตรายการ หรือเรื่องการทำซีรีส์ ทำละคร มันอาจจะแค่ออกไปในรูปแบบแพลตฟอร์มไหน หนิงอยากสร้างความมั่นใจที่สุดให้กับลูก แล้วที่สำคัญหนิงเป็นห่วงลูกน้อง หรือว่าคนที่อยู่ข้างหลังเราอีกหลายๆ คน ในช่วงสถานการณ์ของวงการบันเทิงที่มันเปลี่ยนไป ถ้าหนิงเป็นเสาหลักที่ไม่แข็งแรง มันก็ล้มเป็นหน้ากระดานเหมือนกัน ฉะนั้นไอ้เรื่องที่จะคิดอย่างนั้น มันเป็นความกระชุ่มกระชวยแค่พอประมาณ แต่ให้คิดจริงจัง…ยังค่ะ”
ไม่อยากได้คนมาดูแลหัวใจ เพราะความสุขของตัวเอง คือการได้เห็นรอยยิ้มและความสุขของคนอื่น
“ไม่ค่ะ คือหนิงรู้สึกว่าเวลาที่ทำอะไรแล้ว แล้วคนที่หนิงดูแลเขามีรอยยิ้ม เขาประสบความสำเร็จ หนิงจะมีพลัง อย่างวันนี้ที่หนิงมาทำรายการนี้ หนิงรู้สึกว่ามันเป็นรายการใหม่ที่ทำให้หนิงมีพลังมากๆ เพราะทุกคนที่มาอยู่กับหนิง เขาฝากความหวัง ฝากพลังไว้ให้กับเรา เด็กๆ เหล่านั้นอยากที่จะประสบความสำเร็จเหมือนกัน คือหนิงเสพพลังความสุขจากคนอื่น มันจะทำให้หนิงมีความสุข แล้วตัวหนิงเองรู้สึกว่าพลังหนิง มาจากรอยยิ้มและความสุขของคนอื่น ไม่มีความรักก็ไม่ได้เป็นอะไร ยังไม่ได้รู้สึกโหยหา เพราะเวลาที่จะมีให้เพื่อนที่รักๆ กัน ยังแทบจะค่อยไม่มีเลย แล้วคนรอบตัวหนิงก็น่ารักมาก เพื่อนก็ดีมากๆ ทุกคนเลย”
เตรียมกลับมาทำละครท่ามกลางวิกฤต พร้อมปรับตัวและเรียนรู้กับสิ่งใหม่ๆ
“จริงๆ ทุกคนต้องเปลี่ยน และผันตัวไปตามแพลตฟอร์ม กับสิ่งที่ใหม่ๆ ที่มันเปลี่ยนแปลงไป ถ้าเรากล้าที่จะเปลี่ยน แต่เราไม่รู้หรอกว่าข้างหน้ามันจะประสบความสําเร็จหรือเปล่า ทุกอย่างมันอยู่ที่การเรียนรู้ใหม่ๆ ตราบใดที่เราไม่เลิกที่จะเรียนรู้ หนิงเชื่อว่ามันต้องทำได้ จะช้าจะเร็วมันต้องได้”
เผยเจอวิกฤตมานานแล้ว ติดลบไปหลายสิบล้านแต่สู้
“จริงๆ หนิงเจอวิกฤตมานานมากแล้ว เจอก่อนที่จะมีปัญหาเรื่องครอบครัว เรื่องส่วนตัว ในเรื่องของการขาดทุนในการทำงาน หนิงติดลบเป็นหลายสิบเหมือนกันจากการทำงาน แต่หนิงอาจจะโชคดีว่าหนิงยืนสองขา มีทั้งงานในวงการบันเทิง งานในพาร์ตธุรกิจ และงานในส่วนที่เป็นดารา สามขาเลย หนิงก็เอาบางส่วนไปหมุนโปะ แต่วันนี้ทุกคนอาจจะมองว่าหนิงประสบความสำเร็จ หนิงรวยแล้ว แต่จริงๆ ไม่ มันยังเป็นการหมุนอยู่ แล้วตราบใดที่เรามีแรง หนิงไม่อยากให้ใครท้อเลย ต้องสู้ในทุกวัน สู้จนหมดแรง แต่มันไม่มีทางหมดหรอก ถ้าใช้คำว่าสู้ แล้วมันจะไปต่อได้ เราต้องพยายามทำตัวเป็นน้ำแก้วว่างๆ และยอมรับฟังอะไรหลายๆ อย่าง เปลี่ยนแปลงมายด์เซ็ตบางอย่างที่เรารู้สึกว่ามันไม่ใช่”
ยังศรัทธาในละคนไทย เพราะเกิดมากับสิ่งนี้
“หนิงยังคงมีความศรัทธาในละครไทย เพราะชีวิตหนิงเกิดมากับละครไทย หนิงเชื่อว่าในการเปลี่ยนแปลงของแพลตฟอร์มอะไรหลายๆ อย่าง ถ้าใครพร้อมที่จะดิ้น พร้อมที่จะสู้ก็ทำได้ อย่างตัวหนิงเองพูดเสมอ ว่าทุกคนอย่าปฏิเสธโอกาส เราต้องขวนขวายที่จะเรียนรู้”
เชื่อละครจะไม่หายไปจากหน้าจอทีวี
“ไม่หายหรอกค่ะ มันอาจจะเป็นเรื่องของการปรับตัว ช่วงของเรื่องเงินทุนในการทำด้วย คือต้องยอมรับว่ามันไปหมดทั้งประเทศ ไม่ใช่แค่วงการละคร แต่สุดท้ายมันอยู่ที่ว่าเราต้องมีกลยุทธ์ในการปรับให้มันเร็วและกล้าที่จะทำบนประสบการณ์ที่เคยลองผิดลองถูกมา”
