xs
xsm
sm
md
lg

“ชาคริต” งานยังแน่น เพราะเข้าใจ ไม่ยึดติด และปรับตัว อิ่มใจภาพวาด “น้องโพธิ์” ถูกประมูลหลักหลายหมื่น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ชาคริต” รับงานยังแน่น ขอบคุณผู้ใหญ่วางใจ ให้งานเสมอ เผยเข้าใจสถานะและปรับตัว รับงานสนุกมากขึ้น ถึงจุดที่ไม่ซีเรียสว่าต้องเป็นพระเอกแล้ว รับสุดอิ่มใจ ภาพวาด “น้องโพธิ์” ถูกประมูลหลักหลายหมื่น ช่วยโครงการเด็กตาบอด ที่เหลือขอเก็บเอาไว้

ตอนนี้แม้ช่องต่างๆ จะชะลอการผลิตละครเรื่องใหม่ๆ หันมาส่งละครรีรันออนแอร์ จนทำให้กระทบกับงานแสดงของดารา บางรายไม่มีงานเลยติดต่อเป็นเวลานาน ด้าน “ชาคริต แย้มนาม” ได้เผยระหว่างมาร่วมงาน “บ้านเฟรเซอร์ส” เปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ “ชาคริต แย้มนาม” ณ คลับเฮ้าท์ โครงการ เดอะ แกรนด์ ปิ่นเกล้า – กาญจนาภิเษก ยอมรับว่าตนเองงานยังแน่นอยู่ แต่ก็เข้าใจสถานะ และมีการปรับตัวด้วย
 
“ละครครึ่งปีหลังที่ปิดกล้องไปแล้วคือเรื่อง Mouse ครับ เป็นรีเมกเกาหลี ก็หวังว่าน่าจะได้ชมกันประมาณต้นปีหน้า เพราะอาจจะต้องใช้เวลาตัดต่อนานนิดนึง ล่าสุดเพิ่งเปิดกล้อง Ossan's Love Thailand เป็นซีรีส์รีเมกญี่ปุ่น เป็นแนวคอมเมดี้วาย แต่เรื่องนี้ 12 ตอนก็ไม่น่าจะใช้เวลาถ่ายนานมากนัก คิดว่าน่าจะได้ดูกันภายในปีนี้ครับ ที่เหลือก็ยังมีเป็นต่ออยู่ แล้วก็รายการ Walk in และอันอื่นก็ยังคุยๆ กันอยู่ครับ”

ไม่หวั่นคนดูคาดหวังเรื่อง Mouse อะแด๊ปต้นฉบับเกาหลีหลายจุด เพิ่มอรรถรสแบบไทยๆ
“เรื่อง Mouse ของไทยก็จะมีการอะแด๊ปของต้นฉบับมาในหลายจุดอยู่เหมือนกันนะครับ ก็ปรับจากออริจินัลให้มาเป็นของไทย แล้วก็มีความเป็นไทยเข้าไปเพิ่มด้วยวัฒนธรรม ด้วยอะไรหลายๆ อย่าง ก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนพอสมควร เพราะของเกาหลีเขาก็จะเป็นในเรื่องของศาสนาคริสต์ แต่บ้านเรามันก็ไม่ได้ ก็ต้องมาพูดกันในเรื่องของศีลอะไรประมาณนี้ แต่ยังพูดได้ไม่เยอะครับต้องรอติดตามกันดู (หัวเราะ) แต่ด้วยบทของผมเองก็จะเป็นตำรวจที่มุทะลุ แต่ในขณะเดียวกันก็มีความทึ่มๆ มีความขำได้ ก็เป็นตัวที่รับหลายหน้าที่อยู่เหมือนกัน นอกจากจะมุทะลุโหดแล้ว ก็อาจจะมีบางซีนที่ผ่อนคลายความตึงเครียดของเส้นเรื่องได้บ้าง”

หลุดพ้นจากการถูกเปรียบเทียบไปนานแล้ว
“ถามว่าถือว่าไม่หนักสำหรับเราใช่ไหม โอ้ หนักนะ (หัวเราะ) 4 ปีที่ผ่านมาไม่มีอะไรไม่หนักเลย หนักทุกเรื่องเลย แต่ก็มีเรื่องที่ได้ผ่อนคลายบ้าง เรื่องการเปรียบเทียบผมว่าผมหลุดพ้นจากตรงนั้นไปนานแล้ว เพราะแม้แต่รีเมกของซีรีส์ไทยเองกลับมารีเมกก็เคยเจอมาแล้ว พอมาเจอเป็นรีเมกของเกาหลีก็ตั้งแต่เรื่อง Signal ก็ได้เสียงตอบรับที่ดี ก็ถ้าทางทีมงาน ทีมบท ทีมโปรดักชั่นปั้นกันมาแน่นแล้วจากบทประพันธ์ที่ดีมากๆ อยู่แล้ว

กับการที่เราจะมาอะแด๊ปเล็กน้อยทำให้มันเป็นในแบบของเรา ผมว่ามันไม่ได้มีความกระทบมากนัก หรือไม่มีเลยด้วยซ้ำ ผมว่าคนดูเดี๋ยวนี้ก็เข้าใจและรับได้แล้วว่ามันก็เป็นรีเมกที่เขาก็ซื้อกันไป ขายไปทำกันทั่วโลก เพราะบทเขาดี มันเป็นเรื่องของเนื้อเรื่องและบทที่ดี ส่วนเรื่องการแคสนักแสดงหรือว่าการตีความบท มันก็ต้องมาเริ่มกันใหม่ เพราะฉะนั้นเราพูดกันถึงเส้นเรื่องดีกว่าว่าออริจินัลมาจากที่โน่นที่นั่น แต่พอมาเป็นของบ้านเราก็ทำในเชิงของบ้านเราที่ดี ฉะนั้นบวกกับความเข้าใจและการเปิดรับจากคนดูด้วย เดี๋ยวนี้มันก็เลยไม่ค่อยเป็นประเด็นแล้วเรื่องที่คนจะเอามาเปรียบเทียบ ยกเว้นถ้าเกิดเป็นช็อตต่อช็อต ซึ่งก็คงยังมี ที่เขาดูหมดไม่ว่าเสื้อผ้าการแต่งกาย แต่ผมอาจจะโชคดีที่ผ่านมาเราเอามาเล่าในแบบของเรา โดยที่ยึดเนื้อเรื่องของเขา และเอามาปรับให้มันเข้ากับวัฒนธรรมของบ้านเรา”

งานยังแน่น ผู้ใหญ่วางใจ ให้งานเสมอ
“ครับ ก็ตราบใดที่ยังมีผู้ใหญ่ไว้วางใจและยังเสนองานมาให้ เราก็ต้องขอบคุณและยังทำงานต่อไป ยังไม่ได้คิดว่าจะต้องลด หมายถึงนี่คือลดลงมาแล้วนะ จากเมื่อก่อนอาจจะพร้อมกัน 2 เรื่องได้ ปีนึงอาจจะถ่ายสัก 3 เรื่อง แต่เดี๋ยวนี้อาจจะเหลือประมาณเรื่องครึ่ง (หัวเราะ) ส่วนใหญ่ใน 1 อาทิตย์ก็พยายามให้เป็นซีรีส์หรือละครแค่ครึ่งใดครึ่งนึง จันทร-พุธ หรือ พฤหัสบดี-อาทิตย์ ที่เหลือก็ไปทำรายการ ทำธุรกิจ แล้วก็ใช้เวลากับครอบครัว แต่ก็จะมีบางที่บางทีท้ายๆ เรื่อง อีกเรื่องนึงเขาจะเปิดกล้อง ก็อาจจะมีทับๆ กันไปบ้าง”

เข้าใจสถานะและปรับตัว รับงานสนุกมากขึ้น ถึงจุดที่ไม่ซีเรียสว่าต้องเป็นพระเอกแล้ว
”จริงๆ ก็โชคดีที่พอเขาติดต่อมาเขาก็คงคิดมาแล้วประมาณนึงว่าอยากให้เรารับบทไหน อาจจะง่ายขึ้นกว่าเมื่อก่อนด้วยซ้ำ เมื่อก่อนอาจจะมีการเลือกเยอะกว่านี้ แต่เดี๋ยวนี้พอเราถึงวัยจุดนึงที่เราอาจจะไม่ได้ซีเรียสว่าต้องเป็นพระเอกแล้ว เราอาจจะเป็นตัวเดินคู่ก็ได้ หรืออาจจะมาเป็นรับเชิญก็ได้ ตอนนี้ก็เปิดรับมากขึ้น เพราะฉะนั้นในการรับของเรามันเริ่มมีความสนุกมากขึ้น ซึ่งเราเองก็ไม่ได้ไปยึดติดกับความที่เราจะต้องเป็นพระเอกตลอดไป มันเป็นไปไม่ได้หรอก เพราะเราโตขึ้นและมีอายุมากขึ้น

แต่จริงๆ ในการที่เรารักการแสดงในฐานะนักแสดงผมว่ามันสนุกมากขึ้น เราอยากจะเป็นอะไรก็ได้แล้วตอนนี้ เราอาจจะอยากท้าทายบทที่มันอาจจะไม่มีอะไรเลย แต่เรารู้สึกว่าอยากเล่น เพราะเราเห็นอะไรบางอย่างและเราอยากให้เขามีอะไรขึ้นมาจัง เราจะทำได้ไหม มันก็เป็นไปได้เหมือนกัน ตอนนี้ก็เลยไม่ได้มองว่าจะต้องเป็นบทที่ใหญ่เสมอไป เพราะเราเองก็ต้องเข้าใจถึงสถานะเราด้วย และขณะที่เราก็มองตัวเองเป็นนักแสดง เพราะฉะนั้นเราค่อนข้างมองตัวเองในเรื่องของการปรับตัวมากกว่า“

เอ็นดู “น้องโพธิ์” เข้าป. 1 ร้องไห้ตั้งแต่วันแรก
“year2 ก็เท่ากับป.1 ครับ ก็ร้องไห้โชว์เลย แต่พอสักพักก็หยุด คือชอบโชว์ว่าฉันรักพ่อแม่นะ พ่อแม่มาส่งฉันนะ ฉันขอร้องไห้โชว์เพื่อน (หัวเราะ) แต่แค่ 1-2 วันแรกครับ จากนั้นก็ไม่มีแล้ว ไม่ต้องลงจากรถไปส่งแล้ว เขาเดินไปเองเลย”

ลูกชายวาดรูปพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ เตรียมส่งเรียนศิลปะโดยตรง
“ตอนนี้เรื่องวาดรูปพอหลังจากรูปบ้านที่วาดไป ก็เสียดายเหมือนกัน เพราะว่าช่วงซัมเมอร์ที่หยุดมาก็พาเขาเที่ยว คุณแม่เขาก็ช่วงที่ผ่านมาเป็นหน้าทุเรียนด้วย ก็ทำทุเรียน ทำผลไม้ ทำผลิตภัณฑ์เขยจันทร์ ก็เลยไม่ค่อยมีเวลาให้เขากลับไปเข้าคลาสเรียนวาดรูปสักเท่าไหร่ ผมก็ยุ่งกับงาน พอปิดกล้องเสร็จทุกอย่างปุ๊บก็บินพาลูกไปเที่ยวเลย ก็เลยไม่ได้มีโอกาสให้เขากลับไปขัดสนิมในเรื่องของการวาดรูปในช่วงที่ปิดไป แต่ตอนนี้กลับมาเปิดเทอม เดี๋ยวก็ต้องกลับไปวาดแล้ว พอช่วงที่เขาหยุดก็ให้เขาหยุดเต็มที่ แต่เวลาอยู่ที่บ้านเขาก็ยังวาดรูปเรื่อยๆ เพราะเขาชอบตรงนี้จริงๆ ดูจากทรงแล้วน่าจะมาศิลปะแหละ แต่ยังไม่รู้ว่าจะไปแลนดิ้งศิลปะตอนไหน

เตรียมส่งเรียนศิลปะโดยตรง มีคลาส มีโรงเรียนที่เป็นคอร์สเลย แต่ส่วนใหญ่จะไปสัปดาห์ละครั้ง บางทีก็ 2 อาทิตย์ครั้ง แล้วแต่ว่าง เพราะน้องเรียนว่ายน้ำด้วย ก็ไม่อยากให้โหลดจนเกินไป ไม่อยากให้เขารู้สึกว่าทำไมชีวิตฉันต้องมีแต่การเรียน ซึ่งส่วนใหญ่ที่เราจะเสริมให้กับเขานอกจากเวลาเรียนก็จะเป็นกิจกรรมมากกว่า เปียโน วาดรูป ว่ายน้ำมันก็แข็งแรงสำหรับตัวเขา เผื่ออีกหน่อยเขาได้ดีทางนี้ขั้นมา มันก็ต่อยอดสำหรับตัวเขาได้ในหลายๆ ทาง ไม่ว่าจะเป็นทุนการศึกษาหรืออะไร ก็มองๆ ไว้อยู่ครับ”

อิ่มใจ นำภาพวาดลูกชายไปประมูลหลักหลายหมื่น ช่วยโครงการเด็กตาบอด ที่เหลือขอเก็บเอาไว้
มีประมูลไปบ้างแล้วครับ ที่เหลือก็ขอเก็บบ้าง (หัวเราะ) แต่ที่ประมูลไปก็หลักหลายหมื่นเหมือนกันนะ กับรูปก้านกล้วยแล้วก็รูปวิวอีกรูปนึงครับ ถามว่ามีตั้งไว้ไหมว่าเดือนนึงอยากจะให้ประมูลกับมูลนิธิไหนบ้าง ตอนนั้นถ้าจำไม่ผิดน่าจะให้กับโครงการเด็กตาบอดหรือเปล่าไม่แน่ใจ แต่จริงๆ ผมว่าทุกโครงการถ้าเรามีส่วนในการช่วยเหลือเราก็รู้สึกอิ่มนะ รู้สึกอิ่มกับความตั้งใจของเรา

แต่ไม่ได้มองว่าจะต้องไปที่ไหนเป็นพิเศษ เพราะจริงๆ แล้วก็มีโอกาสอยู่เรื่อยๆ อย่างวันนี้เราอยากไปร่วมกับมูลนิธินี้เราก็สามารถทำได้เลย ไม่จำเป็นต้องรอให้มีโครงการขึ้นมาแล้วเราจะได้เข้าไปร่วม เพราะมูลนิธิพวกนี้เขาก็อยู่ของเขาอยู่แล้ว เขาก็เปิดรับทุกวัน ถ้าช่วงไหนที่เรารู้สึกอยากทำบุญ อยากไปช่วยเหลือเราก็ไป แต่ละรูปใช้เวลาวาดนานแค่ไหน ก็แล้วแต่รูปเลยครับ แล้วแต่สเกลด้วย ส่วนใหญ่ก็ประมาณ 4-6 ชั่วโมง แต่รูปบ้านล่าสุดน่าจะมากกว่า 12 ชม. ครับ”

















กำลังโหลดความคิดเห็น