xs
xsm
sm
md
lg

“แอน ทองประสม“ ปล่อยโฮ ได้ของที่ถูกขโมยคืนครบ! ชีวิตเปลี่ยน ไม่เชื่อใจใครง่ายๆ อีกแล้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“แอน ทองประสม” ถึงกับหลั่งน้ำตา ได้ของรักที่ถูกขโมยกลับคืนมา บอกถ้าไม่ชนะคดีวันนี้คงเสียศรัทธาชีวิต เสียเงินเป็นล้านซื้อของตัวเองกลับคืน รับการใช้ชีวิตเปลี่ยนไปมาก ไม่ไว้ใจใครง่ายๆ อีก 

ยิ้มออกได้อย่างเต็มที่สักที สำหรับนางเอก-ผู้จัดสาว “แอน ทองประสม” หลังจากที่เมื่อช่วงเช้า (28 ส.ค.) ได้ไปขึ้นศาลแพ่งพระโขนงในนัดสืบพยาน กรณีที่ถูกคนใกล้ชิดขโมยทรัพย์สินมูลค่า 20 ล้านไปขายและจำนำ ไล่ล่าตามของคืนได้เกือบครบทุกชิ้น จนเหลือชิ้นสุดท้าย ซึ่งมีมูลค่าเยอะที่สุด และมีคุณค่าทางใจมากที่สุด ผ่านการไกล่เกลี่ยมาแล้วแต่ไม่ลงตัว ต้องไปสู้กันบนชั้นศาล

หลังจากใช้เวลานานถึง 4 ชม. แอน ก็ได้เดินทางไปงานอีเวนต์ต่อทันที เปิดใจด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม ปลดล็อกทุกอย่าง เพราะในที่สุดก็สามารถเอาของรักทุกชิ้นกลับคืนมาได้ครบหมดแล้ว

“จริงๆ ก็ไล่เรียงไว้หมดว่าตัวเองจะต้องพูดอะไร ทำอะไร แต่พอเข้าไปถึงไม่ใช่อย่างที่เราเตรียมการไว้เลย แต่ในเมื่อตอนนี้แอนก็เดินทางมา 2 ปีแล้ว ผลสรุปออกมาก็คือคดีนี้แอนได้รับของคืนแล้ว ดีใจมาก ก็ได้รับทรัพย์สินของเรากลับมา และผลทางคดีฝั่งจำเลยก็เป็นเรื่องของทางศาลท่านพิจารณา และแอนได้รับความยุติธรรมเรียบร้อยแล้วค่ะ ยังคิดว่าถ้ารอบนี้แอนไม่ชนะ แอนจะหมดศรัทธาการใช้ชีวิตไปเยอะเลย แอนก็ยังเชื่อเรื่องความถูกต้อง ความยุติธรรมอยู่ แอนก็ยังลุ้นกับตัวเอง คือแอนโดนมาเยอะ และเราก็รู้สึกว่าถ้าเราโดนซ้ำอีกรอบนึงเราคงเจ็บหนักเหมือนกัน แต่โชคดีว่าเราผ่านมาได้ดีมากค่ะ

ของก็ได้คืนเลยค่ะ ไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม เป็นชิ้นที่ตามมานานที่สุด และเป็นชิ้นที่ใช้เวลากับเขาที่สุด และเป็นชิ้นที่มีมูลค่าสูงที่สุด และในตอนนี้ก็กลายเป็นว่าเป็นชิ้นที่ได้รับความยุติธรรม 100% ก็ดีใจค่ะ”

เผยรายนี้ที่เจรจาไม่ลงตัว เข้าใจว่าเป็นของชิ้นใหญ่ ฝั่งคู่กรณีก็คงเสียดายเช่นกัน
“จริงๆ ทรัพย์สินแอนหายไปหลายรายการนะคะ และมันก็ไปอยู่ตามโรงรับจำนำหลายที่มาก แต่โรงรับจำนำแทบทุกที่ที่แอนไปก็จะรู้ว่าเราบอบช้ำมา โดนมาเยอะ เขาก็จะให้ความร่วมมือกันทุกอัน แต่มีอันนี้ แต่ก็เข้าใจเจ้าของร้านนี้นะคะ คือมันเป็นของชิ้นใหญ่ ก็คงทำใจยากอยู่แล้ว ก็เลยตกลงกันไม่ได้ ซึ่งแอนก็ได้พยายามแล้วที่จะยื่นข้อเสนอในทุกๆ เจ้า ไม่ใช่ว่าแอนเดินเข้าไปแล้วขอมาเลย แต่เรามีข้อตกลงกัน ซึ่งก็ผ่านมา แต่อันนี้ตกลงกันไม่ได้อยู่ 4-5 รอบ เราก็บอกแล้วว่าเราไม่อยากไปต่อเลย เพราะถ้าตกลงกันไม่ได้มันก็ต้องไปต่อ แอนก็อยากได้ของแอนคืน ก็เลยเดินต่อ แล้วมันก็มาถึงจุดที่ต้องต่อสู้กันจนสุดทาง ซึ่งก็สุดแล้วจริงๆ

ในศาลวันนี้ก็ใช้เวลาพูดคุยกันนาน จนแอนไม่แน่ใจว่าจะลงมาให้คำตอบนักข่าวยังไง จะรอแอนกันนานไหม ตอนนั้นกังวลไปหมด และยังตกผลึกไม่ทันว่าจะอธิบายกับทุกคนยังไง ไม่รู้ผลลัพธ์จะออกมายังไง แอนจะทำใจได้ไหม เพราะมันยังไม่ได้ทำตอบ แต่พอกลายเป็นว่าจบทุกอย่าง เราได้รับของคืนในทางที่ให้เราเป็นเจ้าของที่แท้จริง

ยอมรับวินาทีที่ได้ของคืน ถึงกับปล่อยโฮแบบสุดกลั้น
ก็น้ำตาจะไหล (หัวเราะ) ขึ้นรถมาก็ร้องเลย คือมันผ่านมาแล้ว ผ่านมาได้ยังไง ไม่น่าเชื่อ เหมือนมันอั้น เมื่อคืนแอนก็นอนไม่หลับ นั่งทวนทุกอย่าง ทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น แอนว่าใครไม่โดนก็จะไม่รู้ แต่อันนี้มันสอนอะไรแอนหลายอย่างมากๆ เลยค่ะ ก็มีประสบการณ์พอสมควรค่ะ โล่งเลยค่ะ เพราะเรามีคดีมา 2 ปี มีหมายตราครุฑมาที่บ้านมันดูสยดสยองมาก (หัวเราะ) วันนี้จะเป็นเรื่องอะไร จะตามเราเรื่องอะไร หรือมีอะไรให้เราเซอร์ไพรส์อีกไหม มันกลายเป็นแผลเล็กๆ ที่โดนสะกิดอยู่เรื่อยๆ แต่ก็เริ่มชินขึ้นเรื่อยๆ นะคะ ครุฑที่ 1 ครุฑที่ 2 ครุฑที่ 3 มา ตอนนี้ก็เริ่มตั้งรับได้ แต่ทุกครั้งมามันก็จะสั่นนิดนึง
ตอนนี้ก็ได้ของคืนเรียบร้อยแล้วค่ะ ได้แล้ว แต่ยังไม่ได้ใส่มา ยังทำตัวไม่ถูก ยังงงๆ อยู่ (หัวเราะ) เพราะว่าแอนเป็นคนทำงาน แอนไม่ได้เป็นคนที่ลักกี้ ได้อะไรมาปุ๊บปั๊บ จ้างมาก็ไป ได้เงินมาก็เก็บ หมายความว่าเราทำมาหากินปกติ ไม่ได้ลักกี้อะไรมาเลยเราก็เก็บเงินของเรามา และซื้อไว้เพื่อเป็นทุนชีวิต ไม่ใช่ว่าจะมาใส่เพื่อโอ้อวดหรืออะไร เพราะแอนเอาไว้ลงทุนมากกว่า จากน้ำพักน้ำแรงเรา และพอเราได้คืนมา มันเหมือนสิ่งที่เราทำมาทั้งหมด เราเล่นละครไม่รู้กี่เรื่องกว่าจะสะสมของเรามา กว่าเราจะซื้อมาได้ มันก็โล่งใจ และศรัทธาของเรามันกลับมา

ตอนแรกก็คิดว่าเราก็ไม่ได้ไปทำเลวอะไร ทำไมเราโดนอะไรแบบนี้ หมายถึงตอนที่โดนขโมยไปตอนแรกนะคะ แล้วต้องมาต่อสู้ที่ศาลอีก เราจะได้รับความยุติธรรมไหมนะ เราจะเป็นยังไง ผลจะออกมาเป็นยังไง อย่างที่บอกว่าถ้าไม่ได้อีกมันก็หลอนนะ แต่พอได้ก็เลยคิดว่าชีวิตมันต้องต่อสู้อย่างนี้นี่เอง แต่ท้ายสุดมันก็โอเค

แต่ถ้าพวกเงินสดก็คงไม่ได้ (หัวเราะ) แต่พวกของแอนก็คืนตามกลับมาได้หมดแล้ว แอนโชคดีที่มีใบรับจำนำของที่อยู่กับตัวผู้ต้องหาตลอด เราก็เลยเจอว่าอะไรอยู่ตรงไหน ก็โชคดีว่าตามง่ายหน่อย คุณเอ (ทินพันธ์ ตันตินิรันดร์) เขาก็ดีใจด้วยค่ะ เพราะเขาก็รู้ว่าทุกครั้งที่แอนไปซ้อมขึ้นศาล แอนจะกังวล มันเป็นของใหม่สำหรับเรา เรายังพูดจาไม่ถูกเลย พูดผิดๆ ถูกๆ เสียเงินไปเท่าไหร่กับการไปกว้านซื้อของตัวเองกลับมา ก็เป็นหลักล้านค่ะ เอาเงินตัวเองไปซื้อของตัวเองกลับมา แต่จริงๆ มันก็มีวิธีดีลกันหลายอย่างแหละ แต่แอนเลือกของแอนมาแบบนี้ในครั้งนี้”

เผยชีวิตเปลี่ยนไป ไม่ไว้ใจใครง่ายๆ แต่สุดท้ายก็ย้อนมองแก้ไขที่ตัวเอง
บทเรียนคือห้ามให้รหัส แต่จริงๆ เราก็ไม่ได้ให้นะ ก็คือมีอะไรทำเอง เชื่อตัวเอง อย่าเปิดโอกาสอะไรให้กับใครเลยทั้งสิ้น จริงๆ ถ้าเราไม่อนุญาตมันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยในชีวิต คือความเชื่อใจไม่ได้หมายความว่าเราจะมีไม่ได้กับผู้คนนะ แต่ให้ระมัดระวังค่ะ บางทีเราเป็นคนทำให้เขามีนิสัยแบบนั้นด้วยซ้ำ พอเราไปเปิดช่อง ปกติเขาอาจจะไม่ได้คิดอยากจะทำ แต่พอมันมีช่องทาง เขาก็เลยอาจจะคิดว่าลองทำดูหน่อย บางทีคนที่ผิดมันคือเราหรือเปล่า หมายถึงเราเป็นคนเริ่มเอง เพราะฉะนั้นก็กลับมาแก้ที่ตัวเอง แต่หลังจากนี้แอนก็ใช้ชีวิตเปลี่ยนไปจริงๆ นะคะ แอนทำเองหมดทุกอย่าง รหัสอะไรก็ทำเองจดเอง มันก็อยู่ได้

แต่ความเชื่อใจคนอื่นมันลดลงแน่นอนค่ะ เราค่อนข้างระวังตัว ไม่ว่าจะวางของไว้ในกอง และมีเงินสดทิ้งไว้ แอนยังไม่วางเลย บางทีอาจจะไม่มีใครคิดอะไรหรอก แต่มันยั่วยวนอยู่ ก็อาจจะคิดได้ มันอาจจะทำให้คนทำสิ่งไม่ดี เราก็จะค่อนข้างระวังตรงนี้เยอะค่ะ การใช้ชีวิตเปลี่ยนไปเลย ไม่พกเงินสด ไม่ใส่อะไรหวือหวา คือใส่เท่าที่สถานการณ์ในพื้นที่มันอำนวย ส่วนเรื่องคดีก็เรียนรู้เรื่องกฎหมายให้ได้มากที่สุด เราเพิ่งรู้ว่าคนที่รู้เรื่องข้อมูลจะเป็นคนที่รอด คือแข็งแรงในข้อมูล แข็งแรงในการรอคอย อดทน หรืออะไรก็แล้วแต่ ทุกอย่างมันอยู่ที่เราเป็นคนทำให้มันเกิดขึ้น เราก็ต้องมีข้อมูลพอที่จะไปเรียกร้องสิทธิอะไรของตัวเองกลับมา

ก็ต้องสตาร์ทให้ดีๆ ตอนนี้เรื่องข้อกฎหมายก็อาจจะยังไม่ได้รู้มาก แต่ค่อนข้างที่จะรู้วิธีการว่าจะต้องล้อมหน้าล้อมหลังยังไงมากกว่าค่ะ ตอนนี้จบแล้วนะคะ 2 ปีแล้ว ปล่อยนางไปเถอะ ให้นางจบสักที ไม่อยากไปขึ้นศาลแล้วค่ะ”











กำลังโหลดความคิดเห็น