xs
xsm
sm
md
lg

อรรถรสเว่อร์! “ปู ไปรยา” เผยเป็นโรควิตกกังวล แต่หาหมอดูมากกว่าจิตแพทย์ รีวิวเรตราคาตั้งแต่ 5 บาท ถึง 1 หมื่น !

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เม้าธ์สนุกสนานมากๆ ทำแฟนๆ ที่ติดตามฮาน้ำตาเล็ด กับหลากหลายเรื่องราว ที่ “ปู ไปรยา ลุนด์เบิร์ก” ได้เล่าในรายการ “หาทำ” ทางช่องจือปาก ของ “เอแคลร์ จือปาก” โดยเจ้าตัวเล่าละเอียดยิบๆ ว่าเคยเลี้ยงไก่ที่แอลเอ ฝันอยากมีสตูฯ ของตัวเอง ทำรายการอาหาร ไม่เคยอยากเป็นดารา แต่อยากเป็นนางงาม อยากมีมงฯ รวมทั้งจุดพีค คันผงซักฟอกขณะไปนั่งปฏิบัติธรรม ไปถึงรพ.ทำเอาวุ่นวาย ทุกคนคิดว่าคันช่องคลอด



แต่งานนี้ไม่ได้ฮาอย่างเดียว ในส่วนสาระ สาวปูก็จัดให้แบบเต็มเหนี่ยว โดยเล่าถึงชีวิตที่ปล่อยวางมากขึ้น ให้อภัยคนมากขึ้นและให้อภัยตัวเองบ่อยๆ ทุกคืนก่อนนอน เพราะไม่อยากให้จิตสุดท้ายผูกอยู่กับอะไรที่ไม่ดี เวลาใครทำอะไรปู ปูก็ให้อภัย ช่วงหลังพอปูให้อภัย ก็กลายเป็นตัวเรานี่แหละโล่ง และไม่อยากให้ทุกคนผูกติดอยู่กับโซเชียลมากเกินไป เพราะมันเป็นสิ่งที่ไม่จริง อีกทั้งโซเชียลยังทำให้คนเป็นโรควิตกซึมเศร้า มีการเปรียบเทียบตัวเอง โตขึ้นมา ก็คือวางโทรศัพท์ลงและมองรอบข้าง มองจริงๆ ว่าคนใช้ชีวิตยังไง คนก็ไม่ได้ใช้ชีวิตแบบโซเชียลเลย แค่เราเป็นตัวเราก็มีคุณค่าแล้ว ไม่ยึดติดกับอะไรมาก

นอกจากนี้ปูได้เผยมุมมองที่น่าสนใจว่า ยุคนี้ในโซเชียลทุกคนคือดารา ดาราต้องเรียนรู้ตรงนี้ ว่าทุกคนดังได้ข้ามคืน และเสียงเขาก็ดังเท่าดารา เพราะเขามีโซเชียลแล้ว ยุคสมัยเปลี่ยนแล้ว ถ้าตัวปูไม่เปลี่ยน หรือดาราไม่เปลี่ยน ความคิดไม่เปลี่ยน เราก็จะอยู่ในภวังค์ของอีโก้ และเราก็จะทุกข์เพราะเราปล่อยวางไม่ได้ สุดท้ายปูเลยมองว่าสิ่งสำคัญคือเราใช้ชีวิตที่เราควบคุมได้ อย่างเช่นสุขภาพ เวลาที่ให้กับครอบครัว ให้สามี ให้เพื่อน ใช้ชีวิตกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเรา จับจ้องได้ สิ่งที่เป็นมายา อย่างเช่น ไลฟ์ ฟอลโลเวอร์ ยอดวิว มันจบแล้วสำหรับปู เพราะเราทำไปแล้ว วันนี้เราอยากทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าจริงๆ จับต้องได้

พร้อมเผยว่าตนเป็นโรควิตกกังวลหนักมาก ล่าสุดไปสแกนสมองที่อเมริกา พบว่าสมองเหมือนร้อน คิดตลอดเวลา คนคิดแบบนี้ข้อดีคือเซนซิทีป อยากเรียนรู้ แต่ข้อเสียคือซึมเศร้าได้ มองโลกในแง่ร้าย ซึ่งมันจะเป็นสิ่งที่ปูควบคุมไม่ได้

ก่อนยอมรับว่าทั้งชีวิตปู อาการวิตกกังวลเป็นอะไรที่ควบคุมยากมาก บางทีเห็นปูคุยเก่งแบบนี้ แต่ปูกังวลมาก เหงื่อแตกเต็มตัว วิตกถึงขั้นพอรู้ว่าต้องกลับมาทำงานเมืองไทย ก่อนบินมาเมืองไทย นอนร้องไห้เป็นวัน กลับไปจะเป็นยังไง เขาจะด่าเราไหม จะเกลียดเราไหม คิดเยอะมาก จนหาหมอ บางคนอาจเลือกทานยา แต่ปูไม่ทาน ปูเลือกออกกำลังกาย หากทานยาแล้วจะส่งผลต่อการทำงาน ซึ่งถ้าหากเห็นปูลงโซเชียลบ่อยๆ แสดงว่าตีกระแส แต่ถ้าหายไปเดือนครึ่ง คือปูกำลังอยู่ในชว่งวิตกกังวลอยู่

งานนี้ปูเผยว่า ส่วนหนึ่งเราหาหมอดูมากกว่าจิตแพทย์ เพราะเขาพูดในสิ่งที่เราอยากได้ยิน พร้อมเล่าว่าตนเองไปดูหมอดูที่ห้วยขวาง หมอดูก็บอกว่า งานปีนี้ก็ดัง เงินก็เยอะ เราก็โอเค (หัวเราะ) ไม่วิตกแล้ว ถ้าหมอดูทายบวกก็คือแม่น และปูยังชอบไปดูดวงคนประจำวันอังคารประจำ TikTok ดูแล้วจะรู้สึกว่า อันนั้นก็เหมือน อันนี้ก็ใช่ บางทีเสียไปเป็นหมื่น ยังไม่ได้อะไรเลย ซึ่งปูมีหลายเรตมาก 5 บาทก็มี 5 บาทก็เริ่ดนะ แม่นเว่อร์ ถ้าเกิน 1 หมื่นไม่ดูแล้ว พักผ่อน (หัวเราะ) มีหมอดูคนนึงบอกว่าชาติที่แล้วเป็นเจ้าหญิง เราก็เหรอ แล้วทำไมชาตินี้ไม่ได้เป็นล่ะ

นอกจากนี้ปูเผยว่าการหาจิตแพทย์ต้องใช้เงิน มันก็เยอะ 4 ครั้งต่อเดือน โอ้โห เราก็คิดว่าเอาเงินไปซื้อกระเป๋าดีไหม แต่มันก็แก้ไม่ได้ คนมีปัญหาไม่รู้จะคุยกับใคร ก็นี่ไง คุยกับหมอดูค่ะ (หัวเราะ) ปูเปลี่ยนมา 6-7 คน ก่อนเจอคนปัจจุบันคุยมา 4 ปี ตั้งแต่เจอคนนี้เหมือนนิ่งขึ้น

ปูเผยต่อว่าการพูดกับจิตแพทย์คนอาจคิดว่าคือการระบาย แต่จริงๆ ไม่ใช่ เป็นการวิเคราะห์ชีวิตตัวเอง ว่าปัญหาที่เข้ามาเป็นเพราะเราด้วยหรือเปล่า หรือมองโลกในแง่ร้ายไหม พร้อมเล่าว่าเห็นขึ้นเครื่องบินบ่อย แต่จริงๆ แล้วตนกลัวเครื่องบินมาก เคยเครื่องบินกำลังจะลง แล้วมันฮวบ พอขึ้นไปอีกรอบก็ดิ่งอีกรอบ แล้วก็โอเค มันลง พอลงมาก็จูบพื้นเลย ไม่อยากขึ้นเครื่องอีกแล้ว













กำลังโหลดความคิดเห็น