xs
xsm
sm
md
lg

“แยม ฐปณีย์” จากเด็กบ้านแตก สู่นักข่าวหญิงแกร่ง และหายนะของวงการสื่อ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กลายเป็นมีมที่คนพูดถึงอย่างมากกับคำว่า คุณกิตติคะ จากการรายงานข่าวของ “แยม ฐปณีย์ เอียดศรีไชย”นักข่าวภาคสนามสายลุย จากรายการ ข่าว 3 มิติ ที่มี กิตติ สิงหาปัด นั่งเล่าข่าวในทุกคืน แต่ใครจะรู้ว่า ก่อนหน้าที่ แยม ฐปณีย์ จะมาเป็นนักข่าวภาคสนามชื่อดังนั้น อดีตเธอเคยเป็นเลขาผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยมาก่อน และได้จับพลัดจับผลูมาเป็นนักข่าวภาคสนาม และทำงานในวงการสื่อมา 24 ปี มาจนถึงวันนี้

ล่าสุด แยม ได้มาเปิดเผยเรื่องราวชีวิตที่ผ่านมาของตัวเองในรายการ Level Up โดยเจ้าตัวได้เผยชีวิตในวัยเด็ก ที่ครอบครัวแตกแยก แต่เติบโตมาโดยมีคุณปู่กับคุณอาซัปพอร์ตและดูแลอย่างดี พร้อมบอกว่าตั้งแต่เรียนจบมา งานแรกที่ทำไม่ใช่การเป็นนักข่าว แต่เป็นเลขาผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย

“เป็นเด็กที่ครอบครัวแตกแยก ตอนแรกอยู่กับพ่อแม่ แต่ต่อมาอยู่กับยาย เกิดมาในครอบครัวที่มีพื้นฐานดี คุณปู่กับคุณอาเป็นครู ยอมรับเลยว่าในครอบครัวที่พ่อแม่เลิกกัน ลูกจะมีปัญหาหมด แต่ก็เป็นเรื่องยากเหมือนกันที่จะผ่านมาได้ ซึ่งในครอบครัวเรา เราผ่านมาได้ แต่น้องเราผ่านมาไม่ได้ ยอมรับเลยว่าผ่านมาได้เพราะสังคม การเรียน และเพื่อน ซึ่งอันนี้เป็นสิ่งที่เราเสียใจ ที่น้องผ่านมาไม่ได้ เสียใจมาตลอดว่าเป็นเพราะเราได้รับโอกาสที่แตกต่างกันหรือเปล่า

เราได้เรียนในโรงเรียนที่ดี ซึ่งน้องห่างจากพี่ 3 ปี ก็พยายามจะให้เขาได้เรียนโรงเรียนที่ดีเหมือนกัน ด้วยความที่เขาเป็นเด็กผู้ชาย โอกาสที่จะไปเหลวไหลมันมีมากกว่าและอีกอย่างครอบครัวเป็นสิ่งกระตุ้นเรา ถ้าเราทำสิ่งที่ไม่ดีต่อเขา มันก็น่าสงสาร เพราะคุณอาเป็นคนหาเงินส่งให้เราเรียน ก็รู้สึกว่าเราได้โอกาสมากกว่าเด็กคนอื่นที่พ่อแม่เลิกกัน ลำบากไม่มีเงินเรียนหนังสือ แต่เรายังมีเงินเรียนหนังสือ ไม่ได้ลำบากเรื่องนั้น เพราะฉะนั้นทำไมเราถึงไม่ทำตัวดีๆ ตั้งใจเรียน แม้ว่าเราจะเจอปัญหาเรื่องพ่อแม่ แต่เรายังมีคุณอาที่ซัปพอร์ตและรักเรา

อาชีพแรกที่เคยทำคือ เป็นเลขาผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย แต่สุดท้ายมันไม่ใช่ตัวเอง เพราะต้องไปนั่งโต๊ะทำเอกสาร พอมาเรียน ป.โท วารสารฯ ธรรมศาสตร์ ก็ไปฝึกงานกับเพื่อนที่เป็นนักข่าว เลยมองว่าตัวเราไม่เหมาะกับงานออฟฟิศ ก็เลยลาออก ไปสมัครงานเป็นนักข่าว เขาก็ถามว่า ไปต่างจังหวัดได้ไหม ทำงาน 24 ชม.ได้ไหม ถ้าถึงเวลาต้องเดินทางไปได้ทันทีไหม เราก็บอกว่าได้ และเค้าก็บอกว่า พรุ่งนี้มาเริ่มงานได้เลย จาก 3 คำถามนี้ เป็นนักข่าวมา 24 ปีแล้ว”

เล่าชีวิตนักข่าวกับการทำพลาด พร้อมมองสถานการณ์วงการสื่อมวลชนกำลังเข้าสู่จุดเริ่มต้นของความพังนินาศ
“ถามว่าเคยทำพลาดในฐานะที่เป็นนักข่าวบ้างไหม เคย ในแต่ละสถานการณ์ที่เป็นการรายงานสด มันเป็นสถานการณ์เฉพาะหน้า บางทีเรามองว่าเราไม่ได้ทำผิด แต่สังคมบอกว่าอันนี้ทำไม่ถูก ในชีวิตการเป็นนักข่าว เจอเรื่องดรามาจากการทำข่าวเยอะมาก

เวลาผ่านไป ในช่วงที่ทีวีดิจิทัลเริ่มไม่เหมือนเดิมแล้ว เราก็เลยมาตั้งสำนักข่าวเอง คือ The Reporters เป็นสำนักข่าวออนไลน์ เราทำข่าวในเรื่องที่เราสนใจ อยากให้เป็นสำนักข่าวที่สร้างนักข่าวมารายงานข่าวต่างๆ ได้อย่างตรงไปตรงมา

ถามว่า จรรยาบรรณสื่อจากวันนั้นถึงวันนี้ยังเหมือนเดิมไหม คนอื่นไม่รู้ แต่สำหรับเรายังเป็นอยู่ แต่มันก็เป็นเรื่องยาก และท้าทายมากที่จะรักษามันไว้ แต่เราเชื่อมั่นในจิตใจของนักข่าวทุกคนว่ามีจิตสำนึกของตัวเองอยู่แล้ว

และมาตอนนี้ก็เริ่มท้อใจที่เห็นองค์กรใหญ่ๆ เริ่มปลดพนักงานแล้ว เพราะคนที่ถูกปลดแรกๆ เลยก็คือช่างภาพ ผู้ช่วยช่างภาพ นักข่าว เรียกว่าเป็นมดงานที่ต้องไปหาข่าว ถ้าเริ่มต้นปลดคนเหล่านี้ ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นในความพังพินาศของอุตสาหกรรมสื่อ อย่าลืมว่าข่าวที่คุณเอามาพูด หรือเอามาแชร์ มาจากนักข่าว ถ้าทุกองค์กรข่าวไม่ให้ความสำคัญของคนกลุ่มนี้ ก็เป็นจุดเริ่มต้นของความพังพินาศ

นักข่าวทำข่าวเพื่อที่จะออกไปให้คนได้รับรู้ได้เห็นกัน จริงๆ นักข่าวก็เป็นคนหนึ่งที่อยากรู้อยากเห็นความเป็นไปในสังคม เพียงแต่เราเป็นคนที่ตั้งคำถาม หาคำตอบมาให้คนได้รู้กัน มันเป็นอาชีพที่โคตรวิเศษ ให้เราได้มาตั้งคำถาม เราถึงหลงใหลและรักในอาชีพนี้มาก”

ติดตามชมรายการ Level Up ทางช่องยูทูบ Thairath Online Originals ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 20.00 น.











กำลังโหลดความคิดเห็น