xs
xsm
sm
md
lg

เรื่องถึงพี่ฉอด! วอนอย่าหลงเชื่อต้องเสียเงินเล่นคลับฟรายเดย์ ที่ผ่านมาแคสเอง ไม่ผ่านใคร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ฉอด สายทิพย์ - เอส วรฤทธิ์” เผยทีมคลับฟรายเดย์แคสฯ นักแสดงเอง ไม่เคยมีตัวแทน เตือนผู้ปกครองและน้องๆ ที่อยากเป็นดารา ต้องมีสติอย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพ การเป็นนักแสดงไม่เคยต้องจ่ายเงิน ถ้าโดนเรียกเก็บให้สงสัยไว้ก่อน ถ้ารู้สึกไม่ใช่ให้รีบออกมา โอกาสวันนี้ไม่ได้ยากขนาดนั้น แต่ถึงมีเงินก็ไม่ได้แปลว่าจะได้เล่น ยอมรับเคยมีผู้ใหญ่ฝากให้ช่วยก็รับฝากได้แต่ไม่การันตี เพราะอาชีพนี้แตกต่างจากอาชีพอื่น ต้องดูความเหมาะสม ไม่ใช่ใครก็ได้

เป็นหนึ่งในซีรีส์ ที่ถูกมิจฉาชีพนำชื่อมาใช้ เพื่อหลอกเอาเงินค่าประกันนักแสดง จากนักแสดงตัวประกอบ หรือ เอ็กซ์ตร้า (Extra) สำหรับ “คลับฟรายเดย์ เดอะซีรีส์” ซึ่งงานก็มีผู้เสียหายรายหลายที่หลงเชื่อ และสูญเงินไปเป็นจำนวนมาก ล่าสุด (23 ส.ค.) ได้เจอผู้จัดคลับฟรายเดย์ อย่าง “ฉอด สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา” และ “เอส วรฤทธิ์ ไวยเจียรนัย” ทั้งคู่ก็ได้เผยถึงเรื่องนี้ พร้อมเตือนน้องๆ ที่อยากเป็นนักแสดงและผู้ปกครอง ให้มีสติอย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพ เพราะไม่เคยมีที่ไหนเรียกเงินจากการแคสติ้ง และถึงมีเงินก็ไม่ได้แปลว่าจะได้เล่น หรือได้รับโอกาสมากกว่าคนอื่น

ฉอด : “คือสมัยนี้มิจฉาชีพทำงานกันเข้มข้นมาก ได้ยินข่าวพร้อมๆ กับทุกคนค่ะ ตอนที่โหนกระแสออกไปแล้ว แล้วก็ได้ยินคำว่าคลับฟรายเดย์ เดอะซีรีส์ ติดมาด้วย แต่ไม่ได้รู้รายละเอียดเท่าไหร่ อันนี้ต้องบอกเลยว่าเราไม่เคยทำแคสด้วยวิธีแบบนี้ ไม่เคยให้ใครไปติดต่ออะไรใดๆ ทั้งสิ้น โดยเฉพาะเรื่องเงินทอง เพราะปกติแคสติ้งเราทำกันเอง ทุกครั้งเราจะมีทีมของเรา ในการที่จะมาแคส มาอะไรใดๆ ไม่เคยใช้ตัวกลาง”

ไม่ตกใจโปรเจกต์ที่ถูกพูดถึง ว่ามีทั้ง เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์, ป้อง ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์ และ ผู้พันเบิร์ด พลตรีวันชนะ สวัสดี” เพราะมันไม่ได้อยู่ในแพลนทั้งสิ้น
ฉอด : “ไม่ตกใจ เพราะว่ามันไม่มี มันไม่ได้อยู่ในแพลนใดๆ ทั้งสิ้นเลย ในความเข้าใจของเรา คือเขาคงไปหลอกหลายๆ เรื่อง แล้วคลับฟรายเดย์ก็เป็นหนึ่งในนั้น ก็สงสารคนที่ถูกหลอก ต้องเสียเงินเสียทอง ก็อยากจะฝากบอกไว้เลย ว่าไม่น่าจะมีนะ กับการที่ไปหานักแสดงแล้วให้เขาจ่ายเงินประกัน มันไม่มีหรอก เราไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะมีใครทำไหม แต่เราแอบเดาว่ามันไม่มี เพราะใดๆ ก็ตามแต่ เวลาเราไปติดต่อมาเล่น มันก็จะมีแค่ว่าเราต้องจ่ายเงินค่าแสดงให้เขา ค่าตัวเขา แต่การที่ให้เขามาจ่ายเงินเราก่อน มันประหลาด มันเป็นไปไม่ได้ แต่ก็เข้าใจคนที่ไม่ได้อยู่ในวงการ พอได้ยินก็รู้สึกว่าเป็นโอกาส แต่อยากเตือนเลยว่ามันไม่มี”

ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ยินว่ามีคนแอบอ้าง แต่ไม่เคยมีหลักฐานชัดเจนสักครั้ง เลยไม่ได้ออกมาแก้ข่าว
ฉอด : “เหมือนเคยได้ยิน แต่อย่างที่บอกค่ะ มันก็จะเป็นข่าวได้ยินมา มันไม่ได้เป็นกระแสที่จับต้องได้ ถึงขั้นที่เราต้องเอาตัวเข้าไปแก้ข่าว (มันไม่ได้ส่งผลกระทบถึงภาพรวม?) มันแค่ข่าว คือต้องเข้าใจว่าทุกวันนี้มันมีข่าวเยอะ บางทีก็ได้ยินมาว่ามีคนไปพูดอย่างนี้ แต่มันไม่ได้มีหลักฐานอะไรชัดเจน เลยไม่ได้ทำให้เราต้องออกมาแก้อะไร แต่ถามว่าเคยได้ยินไหม เคยได้ยิน คลับซีรีส์คงจะดังเนาะ (หัวเราะ)”

ไม่มีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ เพราะมันไม่ใช่เรื่องจริง
ฉอด : “ถ้าในที่สุดแล้วมันไม่ใช่เรื่องจริง มันก็ไม่มีอะไรกระทบหรอกค่ะ ตอนนี้มิจฉาชีพก็มีในรูปแบบต่างๆ กัน แล้วก็อ้างไปเรื่อยเลย แต่อย่างที่บอก แม้แต่กรณีที่ไปออกโหนกระแส ก็ไม่ได้มีใครอะไรมาถึงเรา การที่เอาคลับฟรายเดย์ไปหลอก เพราะมันคงเป็นที่รู้จักแหละ การพูดถึงคลับฟรายเดย์มันก็อาจจะง่าย เพราะมีตัวละครเยอะ มีคนใหม่ๆ เต็มเลย”

เผยคลับฟรายเดย์แคสนักแสดงเอง ไม่เคยมีตัวแทนจัดหา
ฉอด : “ทุกวันนี้คนทำแคสก็คือเรานี่แหละค่ะ แล้วก็ทีมฝ่ายละครของพวกเรา สมมติเราจะทำเรื่องสักเรื่องหนึ่ง เราก็จะรู้ว่าตัวละคนมีคาแรกเตอร์เป็นยังไงๆ แล้วเราก็จะมานั่งวางกัน ว่าอันนี้น่าจะเป็นนักแสดงหลักที่เป็นที่รู้จัก อันนี้เป็นเอ็กซ์ตร้า อันนี้ต้องเป็นเอ็กซ์ตร้าที่เล่นเก่ง แล้วเราก็จะทำหน้าที่ไปหากันเอง”

เอส : “คือมันมี 2 สเต็ป คือแคสตติ้งที่เป็นนักแสดงหลัก หรือเรียกว่าตัวละครหลักก่อน มันจะเป็นตัวบอกเองว่าเราจะใช้ใคร ซึ่งแคส ตัวละครหลักทั้งหมดของเรื่องนั้นๆ ถ้าเป็นคลับฟรายเดย์ จะเป็นทางเราทำกันเอง แต่ในกระบวนการผลิต ทุกทีมผลิตก็จะมีตำแหน่งแคสติ้ง เป็นคนคอยดูเอ็กซ์ตร้า เช่นเหมือนเรามีงานเลี้ยงแต่งงาน เราก็ต้องใช้เอ็กซ์ตร้า หรือเป็นเพื่อนนางเองที่ไม่มีบท ซึ่งอันนี้จะเป็นแคสติ้งประจำกอง ซึ่งเขาก็จะประกาศหรือเรียกใช้โมเดลลิ่งที่รู้จักในเครือคุ้นเคยกัน

ปกติก็จะมีเหมือนโลเกชั่นแมน แคสติ้งก็จะเป็นแคสติ้ง อย่างเรื่องนี้ใช้วัยพ่อ เขาก็จะมีสะสมในลิสต์ของเขา หรือมีโมเดลลิ่งที่คุ้นเคย เขาก็จะให้โมเดลลิ่งเสนอมา ซึ่งถ้าเป็นเอ็กซ์ตร้าจริงๆ ที่ไม่มีบทพูด เราอาจจะดูความเหมาะสม ในเรื่องของคาแรกเตอร์หรือลุค มากกว่าทักษะการแสดง แต่ถ้าต้องมีบทพูดคุยกับตัวหลัก เราก็จะใช้วิธีดูคลิปที่เขาส่งมา ดูโปรไฟล์ว่าเคยมีงานอะไรบ้าง ถ้าเป็นตัวละครที่เราให้น้ำหนัก เราก็ต้องดูแอ็กติ้งด้วย”

ฉอด : “แต่ถ้าเป็นลักษณะของการที่ให้ใครสักคนหนึ่งไปประกาศ ว่ารับนักแสดงเพื่อคลับฟรายเดย์ ไม่มีนะคะ เราไม่เคยมีใครเป็นตัวแทน”

เอส : “ออฟฟิเชียลของเราไม่มี แต่บางครั้งสมมติเราใช้ทีมผลิต A แล้วเขาประกาศในเฟซบุ๊ก เราเห็น เราก็จะเตือนๆ ว่าเราไม่อยากให้เป็นแบบนี้ แต่เอาจริงๆ ของแบบนี้มันก็ทั้งสองฝ่าย คำว่ามิจฉาชีพมันมีการหลอกลวงกันได้หมด เพราะฉะนั้นมันก็ต้องมีสติ และระมัดระวังด้วยตัวเองด้วย แต่ก็เข้าใจนะ บางทีมีรูปถ่ายกับพี่ฉอด แต่เวลาจริงคือคนเดินเข้ามาขอถ่ายรูปกับเรา เราจะบอกว่าขอโทษนะครับ เป็นมิจฉาชีพหรือเปล่า มันไม่ได้ เราอยู่ในงานที่เป็นโอเพ่นแบบนี้ เขาเดินมาขอถ่ายรูป เราก็ต้องถ่าย ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าภาพนี้จะถูกเอาไปใช้ตรงไหน มันก็ยาก”

ถ้าโดนเรียกเก็บเงิน ให้สงสัยไว้ก่อนเลย
ฉอด : “อันดับแรกเลยถ้ามีการเรียกเก็บเงิน สงสัยไว้ก่อนเลยว่าไม่ใช่แล้ว”

เอส : “เราอยู่ตรงนี้มาหลาย 10 ปี ทั้งในวันที่เราเป็นเด็ก เราก็ไม่เคยได้ยินว่ามีใครเสียเงิน จริงๆ ต้องบอกว่าถึงแม้มีเงินมันก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะได้เป็นนักแสดง หรือได้รับโอกาสนะ”

ฉอด : “ถ้าคาแรกเตอร์ไม่ใช่แล้วมาจ่ายเงิน ก็ไม่ได้อยู่ดี มันไม่ใช่อาชีพที่มาจ่ายเงิน”

เอส : “นักแสดงมันต้องตามความเหมาะสม เช่นสมมติพระเอกเป็นลูกครึ่ง เราก็ต้องหาพ่อแม่ที่เป็นฝรั่ง หรือพระเอกอายุ 20 พ่อก็ควรจะ 40 อัป มันถูกคิดด้วยกระบวนการที่เป็นธรรมชาติแบบนี้ มากกว่าการจ่ายเงินแล้วเราต้องเลือก”

ฉอด : “จากข่าวได้ยินมา เหมือนว่าการจ่ายเงิน จะไม่ได้จ่ายครั้งเดียวด้วย อันนี้คือมิจฉาชีพแน่ๆ”

เอส : “แต่เข้าใจนะ บางทีพ่อแม่หรือแม้กระทั่งตัวเด็กเอง ก็อยากได้รับโอกาส ถึงบอกว่าคำว่าโอกาสมันสำคัญจริงๆ อย่างตอนนี้เราทำงานกับน้องๆ ที่เป็นนักแสดงใหม่ เราก็พยายามปลูกฝัง ให้เขาเข้าใจถึงคำว่าโอกาส ว่ามันสำคัญยังไง ซึ่งวันนี้พวกน้องๆ ก็เข้าใจแล้ว ว่าโอกาสมันไม่ได้มาง่ายๆ มันมาเมื่อไหร่เราไม่รู้ แล้วเวลามันไป มันหมด ก็ไม่รู้ แล้วมันจะกลับมาอีกไหม ก็ไม่มีใครรู้ คือหน้าที่เราเป็นคนเลือก ก็แปลว่าเราเป็นคนให้โอกาสนั่นแหละ แต่เราก็ไม่ได้เลือกให้โอกาสกับใครง่ายๆ เพราะมันคืองาน มันไม่ใช่การให้ด้วยเสน่หาหรือผลประโยชน์ตอบแทน แต่อยู่บนบรรทัดฐานของการทำงาน สิ่งที่เหมาะสมและดีที่สุดสำหรับงานของเรา”

ฉอด : “สมมติวันนี้เราอยากแคสฯ เด็กใหม่ เราก็จะมีประกาศอย่างเป็นทางการจากออฟฟิเชียล อาจจะในโซเชียลของเรา หรือเอส แต่ใดๆ ก็ไม่มีการเก็บเงิน”

เอส : “ถ้าเป็นงานที่เป็นออฟฟิเชียล ก็ดูในไอจีพี่ฉอด ไอจีเรา หรือแม้กระทั่งองค์กรในบริษัทอื่นๆ ก็คิดว่าผู้ปกครองหรือน้องๆ สามารถเช็กได้ด้วยตัวเอง ว่ามันมาอยู่จริงไหม ถ้ามันเป็นงานลักษณะเรียกเก็บเงิน เราว่ามันไม่มีนะ”

ฉอด : “เรื่องของการเรียนการแสดง มันเป็นคนละฟังก์ชั่นกัน การเรียนการแสดง ก็คือเรียนการแสดง จ่ายเงินเรียน แต่ไม่มีโรงเรียนไหน สามารถรับประกันได้ ว่าจะได้เล่นในเรื่องไหน”

เอส : “สมมติเราทำงานกับโรงเรียนสอนการแสดงของครูบิว หรือครูเงาะ แล้วบอกว่าไหนส่งเด็กมาสิ อันนั้นก็คงเป็นเรื่องส่วนตัว ว่าเราต้องการนักแสดง แต่มันไม่ได้การขอโควต้า ว่าถ้ามาเรียนกับครู เดี๋ยวครูจะสามารถส่งไปเล่นละครที่นี่ๆ”

ฉอด : “อาชีพการแสดง มันไม่ใช่อาชีพที่จะฝากกันได้ ไม่ใช่การันตีว่าจ่ายเงินแล้วจะได้เล่น ทุกคนต้องแคส เอาจริงๆ ก็มีเยอะนะคะ ที่บางทีอาจจะมีผู้หลักผู้ใหญ่ ที่อยากจะเอามาฝากให้ช่วยดูหน่อย เผื่อมีอะไร แต่อย่างที่บอกแหละ รับฝากได้ แต่ไม่มีอะไรการันตีได้ เพราะว่าอาชีพการแสดง มันเป็นอาชีพที่แตกต่างจากอันอื่น ตรงที่มันมีคำว่าความเหมาะสมในหลายๆ อย่าง มันไม่ใช่ใครก็ได้ เลยยากนิดหนึ่ง”

ฝากน้องๆ ที่อยากเป็นดารา ต้องมีสติ อย่าเสียดายโอกาสที่มันไม่ใช่ การจ่ายเงินไม่ได้การันตีว่าจะได้เล่น
ฉอด : “วันนี้มันมีช่องทางเยอะมาก ในการเป็นดารา ทุกวันนี้เราไปตามโรงเรียน ตามมหาวิทยาลัย ที่ไปออนทัวร์ บางทีเห็นน้องๆ หน้าตาดีจะชวนมา แต่หลายคนก็เซ็นสัญญากับคนนี้คนนั้นไปหมดแล้ว เพราะฉะนั้นวันนี้เรารู้สึกว่า โอกาสมันไม่ได้อยากเหมือนเมื่อก่อน แต่ที่สำคัญที่สุด คืออย่าไปจ่ายเงินให้ใคร เพราะเงินไม่ใช่เรื่องการันตี แล้วก็ดูแลตัวเองดีๆ สำหรับน้องผู้หญิง เพราะอาจจะไม่ได้ถูกหลอกเอาเงิน แต่ถูกหลอกเอาอย่างอื่นก็ได้เหมือนกัน

คำว่าสติที่ว่า ก็คืออย่างที่บอก เมื่อไหร่ก็ตามที่เดินเข้าไป แล้วรู้สึกว่าเฮ้ย…ใจป้ำ หรือพาไปที่ที่ไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ หรือบางคนบอกให้ถอดเสื้อผ้าอะไรอย่างนี้ มันจะต้องรู้ด้วยสติของตัวเอง ว่าอันนี้อันตรายแล้ว เพราะเราไม่เคยเห็นบทไหน ที่ให้มาแคส ด้วยวิธีการถอดเสื้อ มันไม่มีอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นสติสำคัญที่สุดเลย แล้วเมื่อไหร่ก็ตามที่รู้สึกไม่ใช่ อย่าไปเสียดายโอกาส เดินออกมาเถอะ เพราะโอกาสวันนี้มันไม่ได้ยากขนาดนั้น”









กำลังโหลดความคิดเห็น