xs
xsm
sm
md
lg

“ออม” ซึ้งรัก “บี จันทร์แจ่ม” ทำสิ่งนี้ให้แม่ป่วยมะเร็ง ก่อนจากไป

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“บี จันทร์แจ่ม” เส้นทางชีวิตสุดทรหด สู้จนได้เหรียญทองแดงโอลิมปิก เผยเส้นทางรัก “ออม” เขามาเต๊าะหนูก่อน คบเดือนเดียวขอเป็นแฟน หวานใจเปิดโหมดซึ้งจันทร์แจ่มทำสิ่งนี้เพื่อแม่ป่วยมะเร็ง ก่อนจากไป

ว่าที่เรืออากาศตรีหญิงจันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง หรือ บี นักมวยสากลสมัครเล่นหญิง เจ้าของเหรียญทองแดงโอลิมปิกเกมส์ 2024 วันนี้ได้ควงหวานใจ “ออม รุจิษยา ตาปิง” เล่าเส้นทางชีวิตทรหด สู้จนเหรียญทองแดงโอลิมปิก พร้อมเผยเส้นทางรัก ฟังแล้วยิ้มเลยทีเดียว เพราะฝ่ายจันทร์แจ่มบอกว่าออมเป็นฝ่ายมาเต๊าะก่อน ผ่านรายการ TOP TALK เรื่องนี้ต้องเคลียร์ ดำเนินรายการโดย “วรเทพ สุวัฒนพิมพ์” ออนแอร์ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 14.00 -14.45 น. ทางช่องท็อปนิวส์

ตอนนี้กลับมาแล้วเดินสายไปไหนมาไหนเยอะมั้ย?
จันทร์แจ่ม : เยอะค่ะ มีไปถ่ายรายการเยอะเลยค่ะ

จากต้องอยู่แต่ค่าย ตอนนี้ต้องแต่งหน้า ชินหรือยังออกทีวี?
จันทร์แจ่ม : ยังมีตื่นเต้นอยู่ค่ (หัวเราะ)

ได้กินแกงปลาไหล ฝีมือคุณพ่อหรือยัง?
จันทร์แจ่ม : ยังเลยค่ะ พ่อเอาปลาไหลมาสองรอบแล้ว รอบแรกผัดกินหมดแล้ว (หัวเราะ)

จะได้เจอคุณพ่อเมื่อไหร่?
จันทร์แจ่ม : เจอแล้วค่ะ เพราะพ่อมารับที่สนามบิน แต่ตั้งใจกลับบ้านวันที่ 24 นี้ค่ะ

กลับมารอบนี้ ปีนี้อายุ 24 อีก 4 ปีข้างหน้า 28 ยังไหวมั้ย?
จันทร์แจ่ม : ไหวค่ะ เพราะหนูยังอยากซ้อมมวยและชกมวยต่อค่ะ

นักมวยตอนอายุ 28 เป็นช่วงพีคมั้ย?
จันทร์แจ่ม : ในค่ายก็มีรุ่นพี่ที่อายุเยอะกว่านี้ แกยังแข็งแรงอยู่เลย

รางวัลเริ่มทยอยรับ?
จันทร์แจ่ม : ใช่ค่ะ มีสปอนเซอร์ใหญ่ๆ ก็เริ่มทยอยรับ

ถึง 10 ล้านหรือยัง?
จันทร์แจ่ม : ยังไม่ถึงค่ะ (หัวเราะ) จำนวนแน่ชัดยังไม่ทราบ ยังบอกไม่ได้

ได้แล้วหลายล้าน แต่ยังห่าง 10 ล้าน?
จันทร์แจ่ม : ใช่ค่ะ (หัวเราะ)

ก่อนถึงความสำเร็จ เจ็บช้ำมามากมั้ย?
จันทร์แจ่ม : สำหรับหนูเยอะมาก ทั้งร้องไห้ อยากออกบ้าง ท้อมาก ร้องไห้บ่อยมาก

เป็นผู้หญิงอยู่ดีๆ ทำไมมาเป็นนักมวย?
จันทร์แจ่ม : ตอนประถมหนูเป็นนักกีฬาวิ่งมาก่อน พอมัธยม ก็ไปแข่งฟุตบอลหญิง เรามีพื้นฐานวิ่งเร็ว ครูให้อยู่กองหน้าเลย วิ่ง 200 เมตรกับ 4x100 ตอนฟุตบอลเราวิ่งได้อย่างเดียว (หัวเราะ) จับบอลไม่อยู่เท้า

ชีวิตหักเห มาเป็นนักมวยได้ไง?
จันทร์แจ่ม : ได้ไปแข่งฟุตบอลระดับจังหวัดค่ะ ตอนนั้นแข่งแพ้ไปแล้วแหละ เหมือนทางจังหวัดเขามีมวยสากลสมัครเล่นหญิง เขาจัดแข่งขัน หนูไปยืนดู เฮ้ย ผู้หญิงเขาก็ไม่ได้เก่งมากถึงขึ้นชกได้ หนูเห็นเขาเต้นๆ (หัวเราะ) มั่วมาก ก็คิดว่าถ้าต่อยแบบนี้หนูก็ต่อยได้นะ หนูมีความห้าวๆ ชอบเล่นกับผู้ชาย

มาเป็นนักมวยยังไง?
จันทร์แจ่ม : พอเสร็จภารกิจตรงนั้นก็กลับมา ก็เข้าไปหาอ.ชาติสุพงศ์ แกเป็นครูชมรมมวยสากล โรงเรียนวังหลวงพิทยาสรรพ์ หนูไม่ได้มาจากโรงเรียนกีฬา ไปขอครูชกมวย ครูมองหน้าแล้วบอกไปชกกระสอบรอครู เหมือนพูดเล่นๆ แกก็ไปทำธุระแก หนูก็ไปต่อยกระสอบรอแก จนแกลืมว่าบอกหนูไปต่อยกระสอบ (หัวเราะ) ครูไปทำธุระหลายชม. เราก็ไม่ได้เป็นมวย ก็เล่นกระสอบไป แต่เราไม่ได้พัก ไม่ได้ดื่มน้ำ ครูกลับมาก็อ้าว ยังไม่กลับอีกเหรอ ครูทักคำนี้ (หัวเราะ) หนูก็บอกว่าอ้าว หนูก็รอครู เขาบอกให้กลับไปก่อน ค่อยว่ากัน หนูก็ออกมาหน้ามืดเลย เราคนซื่อๆ ต่อยไม่ได้พัก ออกมาก็หน้ามืด เจอเพื่อนที่เตะตะกร้อ ก็ถามว่ามียาดมมั้ย (หัวเราะ)

รุ่งขึ้นยังไงต่อ?
จันทร์แจ่ม : ได้คุยกับครูจริงจังว่าขอเข้าชมรมหน่อย อยากฝึกมวย ก็ได้มาเข้าตอนขึ้นม.2 อายุ 14 ฝึกเตรียมตัวไปคัดระดับภาคเพื่อไประดับประเทศต่อ

ตั้งแต่วันต่อยกระสอบถึงเย็น ก็ใช้เวลาปีเศษ?
จันทร์แจ่ม : ประมาณ 2-3 เดือนนี่แหละ ต่อยได้แค่ 1 2 ตั้งการ์ดเป็น ครูเขาอยากส่งไป ใกล้จะไปแข่ง หนูต่อยเป้ากับครูนี่แหละ เราไม่ได้กำหมัด เราต่อยแรง กระดูกร้าว (หัวเราะ) ก็ได้หยุดไปเลย 1 ปี เจ็บและปวดมาก ครูก็ตกใจ พาไปอนามัยก่อน อนามัยบอกว่าไปรพ.เอกซเรย์เลย ครูโทรบอกแม่ แม่หนูจะให้เลิกแล้ว รักษาตัวก็นาน ใส่เฝือกอยู่ 2 เดือน ตอนใส่เฝือกหนูก็ดื้อไปเล่นอันอื่น ต่อยมวยไม่ได้ก็กลับไปเตะบอลทั้งเฝือก (หัวเราะ) กำหนดคือ 1 เดือน หมอเอกซเรย์ดู ถามว่าไปทำอะไรมา ทำไมกระดูกยังไม่เชื่อม ไม่สมาน ก็ใส่ต่อไปอีก 1 เดือน (หัวเราะ)

ตอนถอดเฝือก กลับมาต่อยมวยอีกมั้ย?
จันทร์แจ่ม : พักไปก่อน 1 ปี พอม.3 ก็คิดว่าไม่เอาแล้วมวยสากล เอามวยไทยดีกว่า เพราะมวยสากลต้องใช้หมัดเยอะ มวยไทยแขนเราไม่ดีก็เอาขาช่วยหน่อย แล้วมันได้เงินด้วย มวยไทยมีค่าตัว ได้ 1 พัน ดีใจมาก แต่เจ็บ ไฟต์แรก แข้งช้ำบวม ไม่คิดว่าจะเจ็บขนาดนี้ ก็ต่อยมาเรื่อยๆ ได้ 7 ไฟต์ ครั้งสุดท้ายชนะ บอกพ่อว่าหนูขอเลิกมวยไทยนะ

ไฟต์หลังๆ เจ็บน้อยลงมั้ย?
จันทร์แจ่ม : เจ็บค่ะ แล้วหนูต้องไปซ้อมที่ค่ายมวย ทำให้เรายิ่งเหนื่อย ไม่ชินกับการซ้อมเช้าซ้อมเย็น มันทำให้คิดถึงบ้าน ไม่อยากต่อย

ร้องไห้มั้ย โดนเตะโดนต่อย?
จันทร์แจ่ม : ร้องไห้ตั้งแต่วิ่งตอนเช้า โห เขาวิ่งวันละ 10 โล หนูวิ่ง 4 โล ขอวิ่งมอเตอร์ไซค์ (หัวเราะ) เพราะเราต้องวิ่งกับผู้ชาย ตอนมวยไทยมีช่วงอยากเลิก ใจไม่เอาแล้ว ร้องไห้กลับบ้านแล้ว พ่อหนูขับรถ หนูก็โทรบอกพ่อมารับหน่อย ถ้าพ่อมาบ้านแวะมารับหนูหน่อย อยากกลับบ้าน ไม่อยากอยู่แล้ว ถอดใจแล้ว

แต่อยากเป็นนักมวย ก็กลับมาต่อยมวยสากลใหม่?
จันทร์แจ่ม : พอขึ้นม. 4 ก็กลับมาต่อยมวยสากล หนูจริงจังตอน ม.4 ได้ไประดับภาค แล้วได้ไปคัดระดับเยาวชน มีโอกาสได้ไปแห่งชาติ

เป็นตัวแทนจังหวัดไปกีฬาแห่งชาติ ประสบความสำเร็จมั้ย?
จันทร์แจ่ม : ตอนนั้นได้เหรียญทองแดง แต่มีแมวมองของทีมชาติเขามาดูตัว อยากได้นักมวยเข้าไปซ้อมทีมชาติ เขาเห็นรูปร่างหนูสูง น่าจะทำน้ำหนักต่อ พัฒนาต่อได้ ตอนนั้นสูง 169 ซม. ตอนนี้ 171 ซม. คนได้เหรียญทองตัวเตี้ย หนูได้พูดคุยกับเขา เขาบอกว่าหนูอยากไปเก็บตัวทีมชาติมากเลยนะ แต่เขาไม่มาเลือกหนูเลย เราก็คิดว่าเขาสุ่มเอาเหรอ ตอนนั้นก็ลังเล เราไม่ได้ต้องฝึกเก่งมาก่อน ไม่ได้ไปเก็บตัวกินนอนโรงเรียนกีฬาเป้าหมายคือทีมชาติ ทำให้หนูคิดว่าหนูรักจริงๆ หรือเปล่า อาชีพนี้

เขาพูดเลยว่าซ้อมหนัก ห่างบ้านห่างครอบครัว ต้องไปเก็บตัว ไหวมั้ย?
จันทร์แจ่ม : ก่อนหนูตัดสินใจเขาไป ระบบมวยที่เราซ้อมมา กับทีมชาติมันต่างกัน พอเข้าไปวันแรก โค้ชมวย อ.สุบรรณ ให้ลงนามกับพี่ทีมชาติที่เขาเก่งอยู่แล้ว คำว่าลงนวมของหนู คือ 20 เปอร์เซ็นต์ไม่ต้องต่อยแรง แต่ลงนวมของทีมชาติคือชกจริงเลย จับเวลาจริง เหมือนแข่ง แล้วมันทำให้หนูคิดว่าทำไมพี่เขาต่อยแรงจัง หนูก็ร้องไห้ (หัวเราะ) ตั้งแต่บนเวที ยกสาม พอเสร็จหนูวิ่งเข้าห้องน้ำร้องไห้เลย

แต่ไม่ได้ท้อ เห็นว่าจะได้ไปต่อยรุ่นนึงก่อนมาต่อย 66 กิโล?
จันทร์แจ่ม : โอลิมปิก 2020 ตอนนั้นพี่เขาคัดติดแล้ว รุ่น 60 กับ 69 เหลือ 75 เขาก็บอกหนูว่าจะให้ไปลองคัด 75 ดูนะ เพราะมวย 75 มีเพื่อนหนูไปคัดก่อนแล้ว แต่ไม่ติด เขาก็อยากให้หนูลองไป ตอนนั้นหนูต่อย 60 แต่ว่าหนูปล่อยน้ำหนักขึ้นมา 65 นี่แหละ ต้องกินให้มันขึ้นไปอีก 10 โล ตอนนั้นอ้วนขาเบียดแล้ว เรารู้เลย มันแน่น อึดอัดไปหมด สุดท้ายโควิด เลยไม่มีการคัด

ชีวิตบีบคั้นมากมั้ย?
จันทร์แจ่ม : กว่าจะมานั่งพูดไปยิ้มไป หนูก็จะออกหลายทีแล้ว ออกจากทีมชาติ

เจ็บตัวไม่ว่า แต่จิตใจบีบมาก ซ้อมๆ อยู่แล้วคิดว่าไม่เอาแล้ว มีมั้ย?
จันทร์แจ่ม : มีมากกว่านั้น เหมือนเราไม่รู้จะไปยังไงต่อ เราไม่มีเป้าหมายเลยตอนนั้น โควิดมาไม่มีรายการ เสร็จโอลิมปิกมาปุ๊บ รายการต่างประเทศก็ไม่มี ในประเทศก็จัดยาก เป้าหมายมองไปไม่ถึง

เอาเงินที่ไหนใช้?
จันทร์แจ่ม : ได้เงินเบี้ยเลี้ยง วันละ 300 ต้องซ้อมทุกวัน เก็บตัวยาว ปีนึงสองปีก็ยาวไปเลย

เจ็บตัวกินอะไรก็กินไม่ได้ อยากกินอะไรบ้างในชีวิต?
จันทร์แจ่ม : หนูชอบกินอาหารแซ่บๆ เผ็ดๆ อยู่แล้ว อยากกินทุกอย่างที่ชอบ แต่ถ้าลดน้ำหนักต้องห้ามใจ ต้องบีบน้ำหนักตัวเองมาก ทรมานจริงๆ ค่ะ ตอนหนูลด 60 น้ำหนักหนูตอนนั้น 64 ต้องมาลด 60 แล้วลดตอนเราเป็นทีมชาติแล้ว ก็ยากค่ะ เหมือนน้ำหนักหนูไม่เคยเห็น 60 มาสองสามปีแล้ว เรากำลังโตและกำลังกิน มันต้องวิ่งสามเวลา เช้า บ่ายต้องวิ่งตากแดด รีดน้ำรีดเหงื่อออก เย็นก็วิ่งอีก ต้องคุมน้ำหนัก ห้ามพลาดสักวัน

“คุณออม รุจิษยา” เป็นใคร?
จันทร์แจ่ม : เป็นแฟนค่ะ (หัวเราะ)

วันที่เราเป็นฮีโร่โอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้ เราต่อยกับตุรกี วันนั้นใครๆ ก็บอกว่าเป็นรองเยอะ รู้มั้ย?
จันทร์แจ่ม : ไม่รู้ค่ะ สู้อย่างเดียว

ใจเราคิดมั้ยว่าจะเข้าไปเอาเหรียญทองให้ได้?
จันทร์แจ่ม : หนูไม่ได้ตั้งเป้าแบบนั้น หนูตั้งเป้าแค่ว่าหนูจะทำแบบที่หนูซ้อมมาทั้งหมดเลย ตามที่โค้ชแก้ทางมวยให้ และตามที่เราเคยปะทะกับเขามา คิดแค่ว่าชกยังไงก็ได้ให้เหมือนที่เราซ้อม ทำตามที่แก้เกมส์มา ทำได้เราก็ชนะค่ะ

โทรไปขอกำลังใจมั้ยก่อนขึ้นต่อยกับตุรกี?
จันทร์แจ่ม : โทรค่ะ เกือบทุกวัน

ออม : ก็บอกเขาว่าให้ทำเต็มที่ ซึ่งเขาเต็มที่อยู่แล้ว

วันที่ต่อยกับตุรกี ได้เหรียญเลย วันนั้นคุณออมรู้มั้ยว่ามันสำคัญ?
ออม : รู้ค่ะ ก็คิดว่าเขากดดันแน่นอน เพราะเขาเหลือคนเดียวแล้ว

วินาทีชูมือชนะตุรกี?
ออม : กรี๊ดลั่นที่ทำงานเลยค่ะ แฟนหนูชนะแล้ว (หัวเราะ)

ข่าวคราวตอนนั้น กลายเป็นว่าคนจับจ้องคนที่ชื่อเคลิฟ คิดมั้ยถ้าไปต่อยกับเคลิฟจะเป็นยังไง?
ออม : ตอนจันทร์แจ่มชนะตุรกี แล้วจันทร์แจ่มมีไอจีที่เป็นสาธารณะ เขาก็มาโจมตี หนูก็บอกให้ปิดไอจี ไม่ต้องสนใจโซเชียล ตั้งหน้าตั้งตาซ้อม

แอลจีเรียก็ทัวร์ลง บอกให้ยอมแพ้ ทันอ่านมั้ย?
จันทร์แจ่ม : ไม่ค่ะ ก็ให้เขาจัดการไปค่ะ

พอชนะ คุณออมบอกมั้ยว่ารอบหน้าหนักนะ เจอเคลิฟ?
จันทร์แจ่ม : เขาใช้คำพูดอื่นมากกว่า

ออม : ก็บอกให้เขาทำให้เต็มที่ ไม่ต้องสนใจว่าจะแพ้หรือชนะ ถ้าเราทำเต็มที่เราจะไม่เสียดาย

วันเจอเคลิฟ รอบชิงเหรียญเงิน ใจคิดอะไร?
จันทร์แจ่ม : คิดไว้เลยว่าจะทำอย่างที่ครูสอนให้ได้มากที่สุด คือเอาความเร็วเข้าโจมตีลำตัวให้ได้เยอะค่ะ

คิดมั้ยเอาเปรียบเราเหลือเกิน?
จันทร์แจ่ม : ไม่ค่ะ มีแค่ว่าเขาแข็ง เขาแกร่ง เราก็ซ้อมมาเหมือนกัน เขาก็มีความแข็งแกร่ง ได้เปรียบเราตรงนี้ รูปร่างได้เปรียบเรา แต่เราก็จะต่อยตามแบบของเรา

เขาก็แก้เกมส์เราดี หลังจากเหรียญทองแดง ได้ปลอบเขามั้ย?
ออม : ก็บอกเขาว่าทำเต็มที่แล้ว ไปรับที่สนามบินพร้อมพ่อกับแม่

มีคนฝากถาม คุณไปปิ๊งเขาอีท่าไหน?
จันทร์แจ่ม : เขามาเต๊าะหนูก่อน (หัวเราะ) เขามาสะกิดหนูก่อน โดยการมากดไลค์รัวในติ๊กต๊อก

ออม : อยู่ๆ มันก็ขึ้น หนูก็เอ๊ะ คนนี้ทำไมหน้าเหมือนพี่เมษา รุ่นพี่หนู น่ารักด้วย หนูเลยไปกดไลค์รัวๆ (หัวเราะ) เหตุการณ์นี้ 4 ปีที่แล้วค่ะ
พอกดไลค์แล้วยังไง?
จันทร์แจ่ม : หนูก็ไปส่อง เฮ้ย ใครวะ มาแปลกแล้ว (หัวเราะ) ไปส่องดูผู้ติดตามเขาเยอะเป็นหมื่น เขาเป็นนักกีฬามาก่อน

ออม : เป็นเรือยาวมังกรทีมชาติไทยค่ะ

จันทร์แจ่ม : ตอนนั้นผู้ติดตามหนูมีแค่ 80 กว่าคนเอง เราก็พูดเล่นๆ ว่าคนดังมากดหัวใจให้เรา เราไปส่องโปรไฟล์เขาก่อนเลย เราไม่กล้าพูด แล้วเราไปดูในเฟซบุ๊ก เห็นเขาเรียนอยู่ลำปางกับพี่เมษา ก็ไปถามพี่เขา ว่ารู้จักคนนี้มั้ย พี่เมษาเป็นนักมวยที่อยู่ด้วยกันค่ะ

ออม : พี่เมษาเป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัย ช่วงที่หนูจะมากดไลค์รัวๆ ตอนเดือนธ.ค.ปี 62 ไปรับรางวัลที่เดียวกัน แต่ไม่รู้จักกัน เป็นรางวัลของวันกีฬาแห่งชาติค่ะ

จันทร์แจ่ม : พี่เมษาบอกว่ารุ่นน้องที่ม.พี่เอง พี่เมษารู้จัก เราก็อ้าว ง่ายแล้วดิ แอดเฟซดีกว่า (หัวเราะ) หนูทักไปเขาไม่ตอบหนู ทักสติ๊กเกอร์ไป บ๊ายบายทักทาย (หัวเราะ)

ไม่ตอบแล้วใจแป้วมั้ย?
ออม : โทรมาเลยค่ะ (หัวเราะ)

จันทร์แจ่ม : ให้พี่เมษาโทรไป เป็นเฟซหนู

ออม : ตอนแรกจะไม่รับแล้ว แต่เป็นหน้าพี่เมษาคอลมา

คุยอะไรคำแรก?
จันทร์แจ่ม : หนูถามว่ามีแฟนยัง (หัวเราะ)

ไม่ตกใจเหรอ จู่โจมอะไรแบบนี้?
ออม : หนูบอกว่ายัง ตอนนั้นก็เต็มใจจะคุย แต่ต้องเล่นตัวก่อน (หัวเราะ) วันแรกคุยนานเลยค่ะ

จันทร์แจ่ม : คุยกันเป็นชม. น่าจะพรหมลิขิต

จากนั้นโทรทุกวันเลยมั้ย?
จันทร์แจ่ม : ก็มีพิมพ์ก่อน ไม่กล้าโทรไปทุกวัน กลัวเขาจะว่าเราเอาเวลาส่วนตัวเขาเยอะไปหรือเปล่า

ออม : ตอนนั้นฝึกสอนอยู่ค่ะ ตอนนี้ก็ทำงานแล้ว คุยไม่คุยไม่รู้แต่เราก็ตั้งกล้องไว้ พาวเวอร์แบงค์ไม่เคยขาดเลย (หัวเราะ) วิธีขอเป็นแฟนก็ไม่เหมือนคนอื่น ขอขึ้นสถานะหน้าเฟซ นั่นคือขอเป็นแฟนของเขา

จันทร์แจ่ม : เหมือนเขาไม่กล้าเปิดตัว ก็คิดว่าเขามีเด็กหรือเปล่า แอบคุยหลายคนหรือเปล่า เราคุยกับเขาเดือนนึงขอเป็นแฟน (หัวเราะ) ถ้าคุยเผื่อเลือกไม่เอาดีกว่า ก็เลยขอสถานะ ก็บอกว่าถ้าจะคบกันก็กดรับ ขึ้นสถานะ แล้วคนในเฟซก็จะเห็นว่าเราคบกัน หนูเตรียมแผนไว้แล้ว

ออม : เราไม่รู้ว่าเป็นแผน แต่เขากล้าขอ เราก็กล้ารับ (หัวเราะ)

เคยเห็นเขาร้องไห้มั้ย?
ออม : เห็นค่ะ หนูก็ร้องไห้กับเขาบ่อย ชีวิตเราสองคนสู้ชีวิตคนละแบบ แต่ความเป็นนักกีฬาเรามีเหมือนกัน

เวลาเขาร้อง เขาพูดอะไร?
ออม : อยากเลิกเล่น ก็บอกว่าไม่ได้นะ เลิกไม่ได้ ร้องให้สุด ดิ่งให้สุด แล้วลุกขึ้นมาใหม่ คนอื่นอยากติดทีมชาติ อยากไปแข่งเขาไม่มีโอกาสได้เป็นนะ มันยาก มีโอกาสก็ไปให้สุด

เป็นแฟนเจอกันบ่อยมั้ย?
ออม : ไม่บ่อยค่ะ แต่คุยกันทุกเรื่อง หนูเป็นนักกีฬาก็รู้ว่าเจอแรงกดดันแค่ไหน

ใช้เสน่ห์ปลายจวักผูกใจเขาบ้างมั้ย?
ออม : มีค่ะ เขาชอบกินส้มตำ เราก็ทำกุ้งดอง กับซื้อคริสปี้ครีมให้เขา

จากนั้นก็คบกันมา เขากลัวคุณมั้ย?
ออม : เขาไม่ได้กลัว อาจเกรงใจ เพราะมีอะไรต้องปรึกษา ต้องผ่านหนูก่อน

อยู่ในโอวาท คุณออมดีมั้ย?
จันทร์แจ่ม : ดีค่ะ เวลาคบกับใคร ไม่มีใครทำดีกับเราขนาดนี้ ดีมาก ทั้งเรื่องดูแล เอาใจใส่ เก็บรายละเอียดทุกอย่าง เป๊ะมาก เวลาอยากได้อะไร เขาก็รู้โดยที่เราไม่ได้แสดงออกเยอะ เขาสังเกตเอาว่าเราอยากได้อันนี้ สักพักมีของมาส่ง เป็นของที่เราอยากได้ บางทีก็ต้องบอกเขา บางทีหนูอยากได้ แต่อยากได้อีกช่วงนึงดีกว่า แต่เขาซื้อให้เลย ก็บอกว่าตัวเก็บเงินไว้ก็ได้ เขาไม่อยากได้อะไรเยอะ

ตอนนี้ประสบความสำเร็จก้าวใหญ่ๆ มาก นักกีฬาที่ประสบความสำเร็จได้เงินตู้ม ส่วนใหญ่ครึ่งๆ จะเก็บได้ อีกครึ่งเก็บไม่ได้ เราให้เขาเก็บ หรือคุณเก็บ?
ออม : ก็มีวางแผน เพราะตั้งแต่ต่อยมวยมา เขาก็เก็บเงินซื้อรถ ให้เงินเดือนพ่อกับแม่ ซื้อที่ ก็คุยกันว่าจะทำธุรกิจอะไรดี อย่างหนูชอบกินกาแฟ หนูเติบโตมาจากการขายของ ก็บอกเขาว่าค้าขายไม่มีวันอดตาย

คุณประทับใจอะไรเขา?
ออม : หนูงอนเขาก็ง้อตลอด หนูผิดก็เท่ากับเขาผิด หนูถูก (หัวเราะ) เขาเป็นคนใส่ใจ ตอนนั้นแม่ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย หมอบอกว่าอยากทำอะไรก็ให้รีบทำ หนูยังฝึกอีก 3 เดือน ยังไม่จบ เขาก็บอกให้พาแม่ไปถ่ายชุดครุยนะ ก่อนที่จะไม่ได้ถ่าย เขาก็อยู่ตรงนั้น เคยดูหนังเรื่องวัลลีมั้ยคะ หนูเป็นเหมือนวัลลี ขับมอเตอร์ไซค์ไปโรงเรียน แล้วก็ขับมาดูแม่ เขาก็ดูแลแม่หนูด้วย ไปถ่ายรูปชุดครุยด้วยกัน เขาก็พาแม่ไป อยู่ด้วยกันจนถึงวันที่ 3 ม.ค.เขากลับวันที่ 4 แม่ก็เสียเลย

อยู่จนถึงวินาทีสุดท้ายจริงๆ อันนี้ได้ใจเรา?
ออม : ใช่ค่ะ

เคยเห็นเขากลัวอะไรมั้ย?
ออม : กลัวเขียดตะปาด จิ้งจก เขียดที่มันกระโดดในห้องน้ำค่ะ

จันทร์แจ่ม : มันจ้องหนู ถ้าอยู่บ้านมันจะอยู่ในห้องน้ำ มันชอบจ้องแล้วชอบกระโดดใส่เรา หนูกลัว (หัวเราะ) ออมนี่ไม่กลัวสักอย่าง นอกจากไส้เดือน

กว่าจะเป็นวันนี้ ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ?
ออม : ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบค่ะ อย่างชีวิตบี เริ่มจากศูนย์เลยนะคะ พื้นฐานครอบครัวไม่ใช่คนรวย ไม่ใช่ฐานะปานกลาง เริ่มจากศูนย์จริงๆ ตั้งแต่มีเงินเดือน 9 พัน เขาส่งให้ที่บ้าน เขาเก็บไว้ใช้แค่ 2 พันเอง

อยากบอกอะไรกับผู้ชมบ้าง?
จันทร์แจ่ม : หนูอยากบอกว่าหนูเป็นเด็กบ้านนอกจริงๆ ไม่เคยไปอยู่ในเมือง จังหวัดหนองคายเลย อยู่ถนนลูกรัง มีป่าเยอะมาก หนูก็ไม่รู้ว่าโชคชะตาทำให้หนูไปเจอมวยในวันนั้น และทำให้หนูอยากเปลี่ยนกีฬาเล่น จนกีฬามวยทำให้หนูเรียนจบ ได้หน้าที่การงาน ประสบความสำเร็จในชีวิต เลี้ยงดูครอบครัว เลี้ยงดูทุกคนได้ เพราะอาชีพมวยเลย มันตื้นตันมาก หนูมีวันนี้ได้มันยากมากๆ กว่าจะผ่านมาได้ ทั้งร้องไห้ ทั้งเสียอะไรไปบ้างเยอะมากๆ ก็อยากให้ทุกคนที่กำลังท้อ หรือถอดใจ อยากให้สู้ เพราะมีอยู่คำนึงในหัวใจหนู ความพยายามไม่เคยทรยศใคร ที่หนูมีวันนี้ได้เพราะความพยายามทั้งนั้น ไม่ใช่พรสวรรค์อะไรเลยค่ะ

อยากบอกอะไรถึงครอบครัว?
จันทร์แจ่ม : อยากให้ท่านอยู่กับหนูนานๆ ตั้งเป้าไปแข่งโอลิมปิกหน้า ก็อยากให้เป่าหัว ให้กำลังใจหนูอีกนะคะพ่อ

ออม : ตอนแรกพ่อกับแม่จะไม่มา ก็บอกว่าพ่อกับแม่ต้องมานะ เดี๋ยวจองเครื่องให้ พ่อเตรียมผ้าผูกแขนให้บี ต้อนรับกลับบ้าน ผูกแขนแล้วเป่าหัว ก่อนแข่งเขามีเป่าหัวออนไลน์ ผ่านโทรศัพท์

เขาเรียบง่ายมั้ย?
ออม : เขาใช้ชีวิตธรรมดา ไม่ใช่ได้เหรียญแล้วต้องซื้อของแพงๆ เขาก็ปกติของเขา อยากบอกว่าทุกคนภูมิใจในตัวจันทร์แจ่มมากๆ โดยเฉพาะพ่อกับแม่ แม่พูดไม่ออกจนร้องไห้ ภูมิใจในตัวลูก หนูก็ภูมิใจในตัวเขา ถ้าวันนั้นเขาเลิกเล่นก็คงไม่มีวันนี้ ทุกอย่างเกิดจากความพยายามของเขา











กำลังโหลดความคิดเห็น