เรียกว่าชื่อ “โอปอล์ ปาณิสรา อารยะสกุล” ถือเป็นชื่อที่อยู่ในลิสต์พิธีกรไทยอันดับต้นๆ ที่ได้รับการพูดถึงและอยากร่วมงานด้วยมากที่สุดคนหนึ่ง ซึ่งโอปอล์ ได้เล่าชีวิตของตัวเองในรายการ GooddayPodcast โดยช่วงหนึ่งโอปอล์ได้เล่าถึงอาชีพในพาร์ตพิธีกร ว่าเป็นอาชีพที่ตนชอบที่สุด และทุกวันนี้ยังเลือกทำงานนี้อยู่เพื่อหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณตัวเอง และหากมีโอกาสก็จะคายตะขาบ มอบประสบการณ์สิ่งที่ได้สั่งสมมาถ่ายทอดให้น้องๆ รุ่นใหม่ เหมือนที่ตนเคยได้รับจาก “พีเค ปิยะวัฒน์ เข็มเพชร” ที่ถือเป็นผู้ให้โอกาสสอนตนให้ทำงานอาชีพพิธีกรจนมีวันนี้
“ปอว่าปอได้รับโอกาสและการสอน ซึ่งปอล์ได้เอามาใช้กับปัจจุบัน ทุกวันนี้เมื่อเห็นเด็กรุ่นใหม่บางคนที่เรารู้สึกว่าเขาจะฟังเรา ประสบการณ์เราจะมีประโยชน์กับเขาเราจะสอนหรือไกด์เขาบ้างเหมือนที่ปอล์เคยได้รับโอกาสนั้นมาก่อน
สำหรับการเป็นพิธีกร ปอล์จำได้เลย ในตอนนั้นปอล์รู้ตัวดี เราไม่ใช่คนสวย ตอนแรกนั้นเราแต่งหน้า แต่งตัวไม่เป็น ตอนนั้นเป็นพิธีกรโรงหนัง โรงหนังเขามาจ้างปอล์ ค่าตัวคือตั๋วหนังซึ่งเราก็ไปทำนะ ที่ไปทำเพราะเราชอบงานนี้ นี่คือการที่ฉันจะได้ฝึก มันเป็นศาสตร์ที่เราสนใจและอยากจะทำ
พอไมค์เข้ามือเราก็พูดไป ซึ่งไม่มีใครหยุดฟัง คนที่สอนปอล์และให้โอกาสปอล์ตอนนั้น คือ พี่พิธีกรชายท่านหนึ่ง เขาเดินมาหาปอล์แล้วถามว่าชื่ออะไร ก็บอกเขาไปว่าชื่อโอปอล์คะ เขาก็บอกชื่อพีเคนะ ไปทำด้วยกัน แล้วพี่พีเคสอนปอล์หมดเลย ในการสอนนั้นมันคือการให้โอกาส
สิ่งที่พี่พีเคสอนปอล์คือเรื่องของการให้เกียรติ ก่อนหน้านั้นตอนที่โนเนมมากๆ ไม่มีใครให้เกียรติเราเลย มันจะมีโมเมนต์ที่ทีมงานบรีฟเราไม่ดี หรืออะไรไม่ดีเราเข้าใจ เรารู้สึกว่าไม่ต้องมาให้เกียรติเราหรอก เราก็ไปทำงานเหมือนกัน แต่พี่พีเคจะมาแล้วค่อยๆ อธิบาย ค่อยๆ สอน ถ้าเป็นแบบนี้น้องเงียบก่อน น้องหยุดให้เขาปรบมือก่อน พี่พีเคจับมือไปตั้งแต่แรก ตั้งแต่วันแรกที่มาถามว่าน้องชื่ออะไร พี่เขาเป็นที่สุดของพิธีกรแล้ว เป็นเอกอุจริงๆ
ทุกวันนี้พิธีกรเก่งๆ มีเยอะมาก แต่เก่งและให้โอกาส และคนที่จะสอนรุ่นต่อไป… พี่พีเคสอนปอล์ตั้งแต่วันแรก การเป็นพิธีกรอีเวนต์มันเป็นการฝึกชาเลนจ์ปอล์ เราเริ่มจากงานพิธีกรเล็กๆ และเริ่มต่อที่งานสเกลใหญ่ขึ้น เวทีนี้ทำให้ปอล์ได้ฝึก ไม่ว่าปอล์จะเจอกับปัญหาอะไรก็ตามปอล์จะต้องหาวิธีและมีวิธีที่จะทำให้ทุกอย่างราบรื่นที่สุด ปอล์จึงชอบการเป็นพิธีกรอีเวนต์ที่สุด”
งานพิธีกรแฟนมีตติ้งจากนี้รับน้อยลง หันไปโฟกัสงานเบื้องหลัง
“งานพิธีกรแฟนมีตติ้งก็จะเบาลงแล้ว ก่อนหน้านี้ปอล์ทำมาเยอะมาก แล้วงานแฟนมีตคือต้องทำการบ้านหนักมาก ปอล์เป็นคนที่อินกับซีรีส์เกาหลีสุดๆ แล้วปอล์รู้ว่าการที่เรารักดาราเกาหลีสักคน มันคือความรักที่บริสุทธิ์ที่เราพร้อมจะยกทุกอย่างทิ้งไปได้ ถ้าปอล์จะต้องทำพิธีกรแฟนมีตติ้งให้ใครสักคน แปลว่าปอล์จะต้องทำรีเสิร์จคนๆ นี้เยอะมาก ปอล์จะดูซีรีส์ย้อนหลังเขาทุกเรื่อง ปอล์จะต้องศึกษาอะไรพูดได้อะไรพูดไม่ได้ เราควรวางตัวประมาณไหน หลังๆ เราไม่ได้มีเวลามากขนาดนั้นแล้ว ก็อาจจะรับแค่พอประมาณ
แฟนมีตติ้งครั้งหนึ่งแฟนๆ ต้องจ่ายเงินค่าบัตรอย่างต่ำๆ 6,000 บาท เพื่อเข้าไปใช้เวลากับดาราเกาหลีที่เขาชื่นชอบและรอจะได้เจอมานาน หน้าที่ของเราก็คือส่งต่อความสุขให้ทุกคน จากข้างบนลงไปข้างหน้า และจากข้างล่างขึ้นมาบนเวที ดังนั้นคำพูดเราต้องไม่ผิด ไม่พูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด รู้ระยะห่างระหว่างตัวเรากับศิลปินที่เขารัก”
