“อรวี สัจจานนท์” เผยทั้งน้ำตา เป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของวงการเพลงและคนไทยทั้งประเทศ หลังจากที่ “อาชรินทร์ นันทนาคร” ได้เสียชีวิต บอกร่วมงานร้องเพลงกันมากว่า 20 ปี รักและเคารพเหมือนญาติผู้ใหญ่ รักในเสียงของชรินทร์มาตลอดตั้งแต่เกิด เป็นนักร้องลูกกรุงก็เพราะชรินทร์ บอกสิ่งที่อาน่าจะห่วงมากที่สุดก็คือ “เพชรา เชาวราษฎร์” เพราะเป็นดวงตาแทนมาตลอด
เป็นอีกหนึ่งคนที่ได้ร่วมงานกับศิลปินแห่งชาติ “ชรินทร์ นันทนาคร” มาตลอดร่วม 20 ปี สำหรับ “อรวี สัจจานนท์” นักร้องลูกกรุง-ลูกทุ่ง ที่เรียกว่าเป็นนักร้องคู่ขวัญที่แทบจะต้องขึ้นคอนเสิร์ตคู่กันมาตลอดมากว่า 10 ปี กับการสูญเสียครั้งนี้เจ้าตัวก็เผยทั้งน้ำตาว่า เปรียบอาชรินทร์เป็นเหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งที่ไม่ใช่แค่คนที่ร่วมงานกัน รักและเคารพอามาตลอดเรียกว่าตั้งแต่เกิด เพราะเกิดมาก็ได้ยินเพลงของชรินทร์ ทำให้กลายมาเป็นนักร้องจนทุกวันนี้
“ตลอดเวลาที่ทำงาน (นิ่ง) อยู่กับอามากว่า 20 ปีที่ร่วมงานกัน เราก็จะบอกรักอาตลอดค่ะ และจะรักตลอดไป เรารักอาตั้งแต่เราเกิดมา เพราะเราได้ยินเสียงเพลงของอา และหลงรักเพลงเก่า ร้องเพลงบันทึกวรรณกรรมมาตลอด และวันนึงที่อามาอยู่แกรมมี่ ก็ได้ทำอัลบั้ม คู่เคียงสำเนียงรัก ด้วยกัน 48 เพลง และขึ้นคอนเสิร์ตด้วยกันตั้งแต่นั้นมา ก็อยู่คอนเสิร์ตคุณอามา 14 ครั้ง ก็ผูกพัน ที่ผ่านมาบอกรักอาตลอดอยู่แล้ว ถึงไม่ได้ทำงานก็ไปเยี่ยม ไปหา โทรศัพท์ไปหาตลอด อาไม่ใช่คนที่ทำงานด้วยกันเท่านั้น อาเป็นญาติผู้ใหญ่ กระทั่งอาอี๊ด (เพชรา เชาวราษฎร์) เอง ก็เป็นเหมือนญาติผู้ใหญ่ ก็ไปหา พาไปทานข้าวกันตลอด
ตลอด 20 ปีที่ผ่านมาผูกพันมากค่ะ เหมือนญาติผู้ใหญ่ทั้งสองท่านเลยค่ะ คุณอาใจดีค่ะ ไม่เคยเห็นคุณอาโกรธอะไรเลย ทำงานคอนเสิร์ตก็จะมีคนรุ่นใหม่ อาก็จะยอมรับการทำงานของเด็กรุ่นใหม่ จะไม่ได้เป็นผู้ใหญ่ที่ไม่โอเค ท่านเป็นศิลปิน เป็นนักร้อง ผู้กำกับ ดารา พระเอก คือมีความรับผิดชอบมากๆ อาจะชอบพูดว่าอามีลูกบ้าเยอะ และอาก็จะบอกว่าอรวีก็เหมือนกัน มีลูกบ้าเยอะ คือเวลาทำงานเขาจะทุ่มเทมากค่ะ”
เผยได้ไปเยี่ยมตอนที่ป่วย และร้องเพลงให้ฟังอยู่บ่อยๆ
“คุณอารักงานมาก กังวลมาก เป็นห่วงว่าแฟนเพลงที่มาดู มาชมจะมีความสุข จะประทับใจไหม คุณอาคิดละเอียดค่ะ อาจะชอบพูดว่าดีใจ ภูมิใจที่มีเรา เวลาขึ้นคอนเสิร์ตคุณอาก็จะชอบร้องท่อนที่ว่า ขาดเธอไม่ได้ หัวใจขอสารภาพ ก็จะมีอรวีอยู่เกือบทุกครั้ง (น้ำตาซึม) เหมือนเป็นเพลงที่ร้องเวลาอรวีจะออกมาค่ะ คือตลอดเวลาที่ขึ้นคอนเสิร์ต ที่เว้นไปบ้างก็จะน้อย เพราะบางทีไม่อยู่บ้าง ติดภารกิจบ้างค่ะ
ตอนที่คุณอาป่วยก็ได้ไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลค่ะ ตอนอยู่ที่โรงพยาบาลปิยะเวท ก็ไปร้องเพลงให้อาฟัง อาก็ดูมีความสุข ดูสดชื่น คนใกล้ชิดก็บอกว่าดูดีขึ้นเยอะเลย ให้ร้องหลายๆ เพลง ก็ร้องเพลงผู้ชนะสิบทิศ เรือนแพ อาลัยรัก ที่รัก ร้องหลายเพลง แต่เพลงผู้ชนะสิบทิศร้องบ่อย เพื่อให้อาสู้นะ ก็บอกให้อาแข็งแรงนะ อาชนะทุกทิศอยู่แล้ว อากลับบ้านนะ แล้วเดี๋ยวเราไปขึ้นคอนเสิร์ตกัน อาก็พยักหน้า ตอนร้องเพลงอาก็เหมือนจะร้องด้วย และพอระยะหลังที่ย้ายไปโรงพยาบาลตำรวจ อาก็ใส่ท่อช่วยหายใจ ก็ร้องไม่ได้ แต่อาก็รู้ตัวค่ะ
ช่วงที่คุณอารักษาตัว กำลังใจอาก็ดีนะคะ แต่จริงๆ แล้วทางญาติๆ ก็อยากให้ท่านพัก เลยจะรู้กันไม่มาก อยากให้ท่านพักมากๆ แต่กำลังใจดีแน่ เรารับรู้ได้ค่ะ บางทีร้องๆ ไปอาก็เหมือนหลับตา ก็ถามว่าอาง่วงไหม อาบอกไม่ง่วง ก็ถามว่าฟังต่อไหม อาก็พยักหน้า”
บอกอยากให้คนรุ่นใหม่ย้อนนึกถึงศิลปินรุ่นเก่า ที่สร้างความสุขให้คนไทยมายาวนานมากกว่านี้
“คิดว่าไม่มีแล้วนะคะศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ คนไทยสูญเสียมากค่ะ (น้ำตาไหล) ตลอดเวลาที่อยู่ตรงนี้มีเรื่องติดอยู่ในใจตลอด ว่าบางทีเราทำงาน เราเห็นคุณอาทุ่มเท แต่บางทีกำลังใจอาจจะน้อย จะพูดเสมอว่าอยากให้คนไทยมีค่านิยมที่รักคนเก่า รักคนที่สร้างความสุขให้กับคนไทยมาอย่างยาวนาน วันนึงท่านอาจจะชราภาพไปแล้ว แน่นอนการที่เราจะร้องเพลงได้เหมือนตอนหนุ่มๆ สาวๆ มันไม่ใช่
แต่อันนี้ความรู้สึกของตัวเองนะ คือคนไทยเราไม่ค่อยมีค่านิยมที่จะเชิดชู ดูแล ให้กำลังใจคนเก่าคนแก่ บางทีมีคอนเสิร์ตก็คนไม่เต็ม ศิลปินก็เสียกำลังใจ แต่เรารู้ว่าอาทุ่มเทมากเวลาทำคอนเสิร์ตแต่ละครั้ง ก็อยากให้เห็นค่าคนที่ยังอยู่ คนที่สร้างความสุขให้เรามาอย่างยาวนาน ถึงวันนี้เขาอาจจะร้องเพลงได้ไม่ถูกใจนักด้วยวัยด้วยอะไร แต่เราต้องย้อนไปเมื่อก่อนนี้ว่าท่านสร้างความสุขให้เราขนาดไหนบ้าง อยากให้เราเห็นค่าตรงนี้ค่ะ
งานที่ยังคั่งค้างของคุณอาไม่มีนะคะ อัลบั้มล่าสุดก็เพิ่งออกไปไม่นาน ซึ่งอาก็ร้องกับหลายๆ ศิลปินค่ะ แต่ถามว่าจะมีโปรเจกต์พิเศษอะไรเพื่อนึกถึงคุณอาไหม จริงๆ ครั้งนี้ก็กะทันหันนะคะ แต่คิดว่าเดี๋ยวเราคงจะคุยกันทีหลัง ครั้งนี้ปุบปับมาก เพราะตอนนั้นก็อยู่ในช่วงพี่ดำ (พูลสุข สุริยพงษ์รังษี) หัวหน้าวงสุนทราภรณ์ แล้วอยู่ๆ ก็มามีข่าวอา ก็เลยยังไม่ทันคิดกันเลยค่ะ แต่ในวงการก็คงจะดูกันก่อนค่ะ”
เชื่อสิ่งที่ยังเป็นห่วงสุดท้ายคือ “อาอี๊ด เพชรา เชาวราษฎร์” เพราะที่ผ่านมา ”อาชรินทร์“ เปรียบเสมือนเป็นดวงตาให้มาตลอด
“ถามว่าคุณอายังห่วงอะไรไหม อันนี้ไม่สามารถทราบได้ แต่จริงๆ แล้วชีวิตอาก็มีความสุข แต่ถ้าห่วงคิดว่าอาน่าจะห่วงอาอี๊ด เพราะอาอี๊ดมองไม่เห็น เมื่อก่อนนี้อาก็ยังเป็นดวงตาให้ เป็นกำลังใจ เป็นทุกอย่าง ที่รักอามากนอกจากเป็นศิลปินในดวงใจ เรามีความรู้สึกว่าอาเป็นสุภาพบุรุษมาก (น้ำตาซึม) อาดูแลอาอี๊ดตลอด อาอี๊ดมองไม่เห็นก็ดูแล รักอาอี๊ด เรามองแล้วก็มีความสุขจังเลยแค่เราเห็นการดูแลของอา อันนี้ก็เป็นเรื่องนึงที่ผูกใจเราไว้ และทำให้รักอามากขึ้น
เมื่อกี้บอกกับอาอี๊ดว่าอาไม่ต้องเหงานะ เดี๋ยวจะโทร.หานะ เดี๋ยวหนูไปหานะ ไปคุยที่บ้าน อาก็ขอบคุณ และเชื่อว่ามีคนอีกเยอะแยะที่ห่วงอาอี๊ดและพร้อมจะดูแล และคนไทยก็ถือว่าอาอี๊ดเป็นศิลปิน เป็นดาราที่สร้างความสุขให้กับคนไทยมาอย่างยาวนานเหมือนกัน ก็คิดว่าอะไรที่มีส่วนที่จะช่วยดูแลได้ก็ช่วยๆ กันค่ะ”
