“มีเรียน” ไม่โกรธ “พีเค” ชมหน้าด้าน บอกแรงกว่านี้ก็เจอกันมาแล้ว ไม่ชินโดนทัวร์ลงที่ออกตัวแรง แต่ทำผิดก็ยอมรับและมูฟออน ถ้าทำให้ใครไม่สบายใจ ต้องขอโทษ ปรับตัวเรียนรู้จากความผิดพลาด ใช้ใจอย่างเดียวไม่ได้ ต้องใช้สมองด้วย ภาวนาให้ทุกอย่างจบด้วยดี ทุกคนมีความสุขมากที่สุด
เรียกว่าทัวร์ลงยับเลยทีเดียว สำหรับสาว “มีเรียน สุเดชา อัคเซลการ์ด” หลังออกมาแฉเรื่องความผิดปกติของบัญชีบริษัท ที่หวานใจ “พีเค ปิยะวัฒน์ เข็มเพชร”ทำร่วมกับอดีตภรรยา “โยเกิร์ต ณัฐฐชาช์ บุญประชม”เพราะงานนี้หลายคนมองว่า เป็นเรื่องของผัวเมียในตอนนั้น คนอื่นไม่ควรมาออกตัวแรง ล่าสุดได้เจอสาวมีเรียน ที่มาร่วมชมการประกวด Miss Earth Thailand 2024 รอบไฟนอล เจ้าตัวก็ได้เปิดใจถึงประเด็นนี้ พร้อมเผยความรู้สึกที่พีเคให้สัมภาษณ์ถึงตน โดยชื่นชมแบบบ้านๆ ว่าเป็นคนหน้าด้านและแข็งแกร่งกว่ามาก เป็นเหมือนกำบังที่ดี ในช่วงชีวิตที่แย่
“คนในจะรู้ดี ไม่โกรธเลย เพราะว่าเขารู้อยู่แล้วว่าเราเป็นคนแบบไหน สิ่งที่เขาพูดออกไป เขาน่าจะรู้สึกว่าเราสามารถที่จะพูดอะไรด้วยก็ได้ ไม่โกรธอยู่แล้ว แรงกว่านี้ก็เจอกันมาแล้ว”
พูดให้กำลังใจทุกวัน ทุกคนมีส่วนช่วยให้ดีขึ้น
“พูดทุกวัน ให้กำลังใจ อยู่ด้วยในทุกๆ วัน เราจะให้เขาได้อยู่กับเพื่อน กับครอบครัว กับคุณแม่ก็ได้เจอกันบ่อยขึ้น ไม่ใช่แค่เราที่ทำให้เขาดีขึ้น แต่ครอบครัว เพื่อนๆ”
ไม่ชินโดนทัวร์ลง แต่มีที่ปรึกษาที่ดี
“ไม่ค่อยชินเท่าไหร่ แต่ว่าเรามีที่ปรึกษาที่ดี เรามีผู้ใหญ่ มีเพื่อนที่ให้กำลังใจ และรู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ เราเลยก้าวข้ามผ่านตรงนั้นได้เร็ว สำหรับใครที่เจออยู่ อาจจะเป็นเรื่องส่วนตัว เรื่องครอบครัว คนที่เจอแบบนี้ แนะนำว่าให้หาเพื่อนคุย หาคนปรึกษาที่มองภาพใหญ่กว่าเรา บางทีเราคิดว่าปัญหาเรามันใหญ่มาก แต่คนข้างนอกเขาเห็น และจะรู้วิธีการจัดการของปัญหา แล้วเขาจะบอกเรา แล้วเราก็จะรับฟังสิ่งนั้นมา”
ออกมาปกป้อง “พีเค” แต่โดนกระแสตีกลับเอง
“เอาจริงๆ ไม่มีใครคิดว่ากระแสจะไปทางไหน จริงๆ ขอบคุณสื่อมวลชนมาก ที่ให้ความสนใจและให้โอกาสได้ออกมาพูด เราก็จะได้เรียนรู้ว่า ที่ผ่านมากอะไรที่เราควรทำและไม่ควรทำ พี่พีเคเองก็บอกว่าค่อยๆ เรียนรู้ไป เพราะว่าใหม่มาก”
ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ ทำผิดก็ยอมรับและมูฟออน
“หลายๆ คนน่าจะเคยเจอ อยู่ที่ว่าเราปรับตัวกับสถานการณ์ยังไง คนข้างๆ เราเข้าใจไหม ครอบครัวเราเขาก็ให้กำลังใจ ไม่มีใครซ้ำเติม สิ่งนี้สำคัญมากๆ อะไรที่เราทำผิดไป ก็แค่ยอมรับและมูฟออน ถ้าทำอะไรให้ใครรู้สึกไม่สบายใจ ก็ต้องขอโทษด้วยคอมเมนต์ก็ได้อ่าน บางอย่างก็นำมาปรับใช้ บางอย่างก็ปล่อยผ่าน เราคิดว่าคนที่พูดออกมา เขาต้องการที่จะบอกอะไรเราเสมอ บางคนก็อาจจะมีประสบการณ์มากกว่าเรา เขาก็มาบอกเรา อาจด้วยอารมณ์หรือความเป็นห่วง เราก็รับไว้ทั้งหมด”
ตัวติดกันจนโดนแซะ ห่างกันไม่ได้เลยเหรอ
“จริงๆ ต้องยอมรับว่าเรา ณ วันนี้ คนรอบตัวคือคนที่สำคัญ แล้วเราก็ทำหน้าที่ตรงนั้น ไม่ใช่แค่เราคนเดียว จริงๆ ก็มีทั้งเพื่อนและครอบครัวเขา เพียงแค่สื่อจับตามองมิเรียนเท่านั้นเอง”
แจงที่ออกตัวแรง เพราะเวลาทำงาน ถ้าเจอปัญหาจะรีบแก้ไข
“ก็อาจจะเป็นสิ่งที่ใหม่สำหรับเรา เราเคยทำงานมา เวลาที่เราทำงาน เวลาเกิดปัญหาอะไร เราจะรีบแก้ทันที เราไม่ใช่ดารา เพราะฉะนั้นเวลาเราออกมาทำอะไรสักอย่าง เราก็อาจจะไม่ได้คิดถึงผลกระทบที่มันจะกระทบเข้ามา พอมันเกิดขึ้นแล้ว เราก็ต้องยอมรับ ว่าอันนี้คือสิ่งที่เราทำไปนะ ผู้ใหญ่ก็จะถามว่าเรายอมรับได้ไหม อันนี้คือดิจิทัลฟุตปริ้นต์นะ อีกหน่อยลูกยูมาอ่าน ยูจะตอบลูกยูยังไง เราเรียนรู้จากความผิดพลาดของใครบางคนเสมอ เราก็คงอธิบายให้ลูกฟังว่า วันหนึ่งแม่เคยทำอย่างนี้นะ แม่เป็นแบบนี้นะ ลูกจะทำไหม ก็แล้วแต่”
ขอโทษ “พีเค” ทำให้โดนดรามาไปด้วย
“มันเป็นการเรียนรู้อย่างหนึ่ง เราก็มีการขอโทษเขา ขอโทษหลายๆ คน ที่ทำให้เกิดผลกระทบ โดยเฉพาะพี่พีเค เห็นเขาแบบนั้น แต่เขาไม่โกรธใครเลย เขาบอกว่าไม่เป็นไร นั่นคือวิธีการเรียนรู้ แต่ในครั้งหน้า การที่เราจะบอกว่าเขาน่ารักยังไง เราเอาจะต้องเบาลง ค่อยๆ ทำ ไม่ต้องรีบ”
ไม่ออกมาพูดอะไรเพิ่ม เพราะไม่อยากให้มีผลกระทบไปมากกว่านี้
“จริงๆ การตีความของข่าว มันก็ไม่ได้ตรงประเด็นตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เราเลยไม่ได้รู้สึกว่า เราจะต้องออกมาพูดอะไร ให้เรื่องมันมีผลกระทบไปมากกว่านี้ อย่างที่บอกว่า ในสงครามไม่มีใครบาดเจ็บกันทั้งหมด เพราะฉะนั้นให้เรื่องนี้มันจบที่เราแล้วกัน ส่วนเรื่องอื่นจะเป็นไปในทางไหน มันก็แล้วแต่การตัดสินใจให้มันเป็นเรื่องของอนาคต เหตุผลที่ก่อนหน้านี้ไม่ออกมาพูดเลย เพราะเราอยากให้ทุกคนก้าวผ่านตรงนี้ไป อยากให้ทุกคนมูฟออน ให้ทุกคนมีความสุข เรียนรู้จากเรื่องที่เกิดขึ้น”
ไม่ติดใจกับคอมเมนต์แรงๆ เข้าใจเป็นผลจากการกระทำ
“ไม่เลยค่ะ เขาไม่ได้รู้ เขาเพียงแค่เขียนและไปตามกระแสสังคม มันก็อาจจะเป็นบทสะท้อนของเขาที่เขาเคยเจอมา เขาเลยต้องมาเขียนที่เรา ไม่โกรธค่ะ (ประโยคไหนที่อ่านแล้วจี๊ดเลย?) มันไม่เชิงปล่อยผ่าน เราแค่ทำความเข้าใจ ว่ามันเป็นผลกระทบที่เราทำ และนี่คือสิ่งที่เราได้รับ”
มองเป็นการเรียนรู้ ใช้ใจอย่างเดียวไม่ได้ ต้องใช้สมองด้วย
“เราก็ยังเป็นตัวของตัวเองอยู่ เพียงแค่ว่าการเป็นตัวของตัวเอง บางทีอย่างคุยกับพี่พีเค เราอยากพูดอะไรออกมาจากใจ แต่บางทีใจอย่างเดียวไม่ได้ มันต้องใช้สมองด้วย ก่อนหน้านี่อาจจะใช้ใจเยอะไปหน่อยค่ะ ตอนนี้อาจจะต้องหายใจลึกๆ ใช้สมองด้วย ก็เป็นการเรียนรู้ที่ดี แล้วก็คิดว่าถ้าไม่ใช่พี่เขา ก็คงไม่มีโอกาสได้มาเรียนรู้อะไรแบบนี้”
คบกันแบบเป็นตัวของตัวเอง ที่พยายามเป็นคนที่ดีขึ้น
“พยายามเป็นตัวของตัวเอง ไม่ว่าจะทำอะไรมันก็เป็นตัวเรา แต่ก็พยายามเป็นคนที่ดีขึ้น ให้กำลังใจเขา ให้กำลังใจครอบครัว แล้วก็ทำให้เขาดีขึ้นในทุกๆ วัน ให้เขาได้กลับมาทำในสิ่งที่เขาอยากจะทำ เพราะเขาเป็นคนที่ชอบทำงาน”
ทวงคำว่ารักตลอด หลัง “พีเค” ให้สัมภาษณ์ว่าบอกรักกันทุกวัน
“ก็มีทวงค่ะ ว่าเห็นไปให้สัมภาษณ์ว่าบอกรักกันทุกชั่วโมงใช่ไหม ชั่วโมงนี้ยังไม่ได้บอกเลยนะ บอกหรือยัง แต่การบอกรัก มันเป็นเรื่องที่เราทำกับลูกเรา เราก็จะบอกเขาตลอดสำหรับคนที่กำลังอยู่ในภาวะที่เรารู้สึกว่าเราไม่มีค่า การบอกรักเป็นสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกว่า อย่างน้อยมีคนเห็นค่าเขานะ ก็พยายามคุยกับเขา ว่าอะไรที่ทำให้เจ็บ ทำให้เศร้าอยู่ ก็รู้สึกว่าได้อัปเลเวลของการอยู่เคียงข้างใครสักคน”
คุยอนาคตร่วมกัน ภาวนาให้ทุกอย่างจบ โดยทุกคนมีความสุขมากที่สุด
“อนาคตเราก็คุยกับเขา ภาวนาให้ทุกอย่างมันจบ โดยที่ทุกคนมีความสุขมากที่สุด เราจะได้โฟกัสถึงอนาคต ว่าเราจะไปทางไหน แต่ถามว่า ณ วันนี้มองใครอื่นไหม ก็ไม่มี เพราะเวลาที่ให้ไปทั้งหมด ก็คือเวลา ณ ปัจจุบันที่เรามีกับเขา ล่าสุดรุ่นพี่เพิ่งเสียชีวิตไป เราก็รู้สึกว่าชีวิตมันก็สั้นๆ เพราะฉะนั้น ทำวันนี้ให้ดีที่สุดอนาคตเป็นเรื่องของการแผนมากกว่า ว่าเราจะอยู่ยังไง ใช้ชีวิตยังไง ก็มีเขาอยู่ในนั้น เราสองคนรู้ดีที่สุด ว่าเรารู้สึกต่อกันยังไง อย่างที่บอกว่าความรักไม่ใช่เรื่องของสองคน มันเป็นเรื่องของคนรอบข้าง ถ้าเกิดคนรอบข้างแฮปปี้ ลูกเราแฮปปี้ ครอบครัวเรา ครอบครัวเขาแฮปปี้ มันก็รู้กันอยู่เท่านี้”