“พีเค ปิยะวัฒน์” น้อยใจคนมองเรื่องดรามามากกว่าความสามารถ นอนฝันถึงการขึ้นเวทีเป็นพิธีกรทุกคืน บางวันแอบไปยืนดูเวทีอีเวนต์คิดว่าเป็นตัวเองทำงานอยู่ ใครเห็นความสามารถเรียกใช้ได้เลย สาบานไม่เคยของานใคร รู้ว่าผิดแต่ไม่คิดว่าจะมีผลกับงานขนาดนี้ รับความมั่นคงทางการเงินไม่มี ขนาดวันนี้มีเงินติดตัว 700 บาท ส่วนเรื่องอื่นไม่ขอพูดถึงแล้ว บอกจะไม่ลืมคนใกล้ตัวที่เหลือแค่กำมือหลังดรามา จะจำไว้ตลอดชีวิต
ได้รับโอกาสกลับมารันเวทีอีกครั้งในฐานะพิธีกร สำหรับ “พีเค ปิยะวัฒน์ เข็มเพชร”ที่งานหดหายไปหลายเดือนตั้งแต่มีดรามาประกาศแยกทางกับอดีตภรรยา “โยเกิร์ต ณัฐฐชาช์ บุญประชม”
วันนี้ พีเค ได้กลับมาทำหน้าที่พิธีกร 2 ภาษา ให้กับเวที Miss International Queen โดยมีคุณแม่ พี่ชาย และแฟนสาว
“มีเรียน สุเดชา อัคเซลการ์ด”มาเป็นกำลังใจให้ถึงขอบเวที เมื่อเสร็จงาน พีเค ได้เปิดใจถึงการกลับมาทำงานอีกครั้งว่า….
“เวที Miss International Queen ทำมาหลายปีแล้ว และจะบอกว่าทุกปีมันดีขึ้นเรื่อยๆ ความสามารถของผู้ที่เข้ามา เก่งมากยิ่งขึ้น เราได้ทำงานคุณภาพเราก็รู้สึกอิ่มใจ มันก็เติมเต็ม มีโอกาสได้กลับมาเหยียบเวทีอีกครั้งก็ต้องขอบคุณพี่อั๋น (ภูวนาท คุนผลิน) และคุณจ๋า (อลิสา พันธุศักดิ์ คุนผลิน) ด้วยที่เปิดโอกาสให้ได้โชว์ความสามารถเต็มที่แบบนี้แล้วก็หวังว่าคนจัดงานเขาจะแฮปปี้ บนเวทีไม่มีกังวลอะไรเลย ผมพร้อมมาก
ในระหว่างที่เราไม่ได้ทำงาน ผมไปยืนดูเวทีอีเวนต์มาหลายงานมาก ก็เลยรู้สึกว่าแหม…. ถ้าเป็นเราจะเติมตรงนี้ ใส่ตรงนั้น มันสามารถทำให้สนุกกว่านี้ได้ แต่มันยังไม่ใช่โอกาสของเรา ฉะนั้นเราเข้าใจ (ที่ผ่านมาคิดถึงตลอด?) ผมนอนฝันทุกคืนเลยครับ เรารู้ว่าเราเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ เรารู้ว่าเราสามารถทำสิ่งนี้ได้ดีพอๆ กับคนอื่น”
ก่อนขึ้นเวทีมีการเอามือแตะเวที
“ก่อนขึ้นเวทีผมเอามือแตะเวทีแล้วเอามาแตะหัวใจ เพราะนี่คือ นี่เหมือนร่างกายเรา เหมือนหัวใจเรา พอได้กลับมา เรารู้สึกว่าวันนี้เราจะทำให้เต็ม 120 เลย พอแตะเวทีก็บอกกับตัวเองว่ากลับมาแล้วนะและจะทำให้ดีกว่าเดิมสำหรับผมการทำหน้าที่เป็นพิธีกรสำคัญสำหรับผมมาก เพราะเวทีอีเวนต์เป็นสิ่งที่สร้างชีวิตผม ผมมีบ้าน มีรถ มีชีวิตที่ดีได้เพราะว่างานอีเวนต์ เรารู้สึกว่าเราทำมาเยอะจนเราสามารถสอนคนอื่นได้
ช่วงที่ผ่านมาพอมันมีปัญหาก็อาจจะมีบริษัทที่สูญเสียความมั่นใจในตัวเราไปนิดนึง เรารู้นะ เราพลาด แต่ความสามารถบนเวที หรือหน้าจอทีวีเรายังเก่งเหมือนเดิม ที่ใช้คำว่าเก่งเพราะว่าเราทำมา 25 ปีแล้ว เราทำมันมาเกิน 1,000 ชั่วโมงแล้วเรารู้ว่าเราเก่งระดับนึงที่จะสามารถสอนคนรุ่นใหม่ได้ พอได้กลับมาทำ เรารู้สึกเลยว่าความสามารถเราไม่ได้หายไปไหน”
น้อยใจคนมองเรื่องดรามามากกว่าความสามารถของตน
“หลุดจากวงการคงไม่หรอกครับ เพียงแต่มันต้องใช้เวลา ข่าวที่ออกไปมันไม่ดี เราเข้าใจทุกคน เราเข้าใจคนที่ว่าเรา เราเข้าใจคนที่ชอบเรา เราแค่รอวันที่จะกลับมา เราก็ฝึกฝนของเราไป เราอ่านข่าวเราพยายามทำให้ตัวเองดีขึ้นในระหว่างที่พักเบรก (คนมองเรื่องดรามามากกว่าความสามารถของเรา?) แอบน้อยใจนะกับการแยกไม่ออกระหว่างชีวิตส่วนตัวกับความสามารถ แต่เราเข้าใจสังคมไทย เราก็เลยไม่พูด ยอมรับในสิ่งที่เราทำ เราพลาดเอง แต่วันนี้เราได้กลับมาแล้ว และเราได้ทำอย่างเต็มที่เราถามพี่อั๋นว่าโอเคไหม พี่อั๋นบอกว่าไม่เห็นต้องถามเลย ในวันที่เรามีความสามารถแต่ไม่มีใครให้โอกาสแต่พี่อั๋นให้โอกาส เราก็เลยใส่เต็มที่ หลังจากนี้เราก็จะพยายามกลับมาทำงานเหมือนเดิม จะพยายามกลับมาทำทีวีเหมือนเดิม”
ช่วงที่ผ่านมานอกจากรายการคุยแซ่บโชว์ และพิธีกรเวทีมิสยูนิเวิร์ส งานอีเวนต์ก็หายไปหมดเกลี้ยง
“งานอีเวนต์ทั้งหมดหายไป แต่เราเข้าใจนะว่าเราพลาด แล้วเราก็ขอโทษซ้ำแล้วซ้ำอีก เราพยายามจะกลับมาให้เหมือนเดิม ถ้าบริษัทไหน ออแกไนซ์ไหนยังเห็นความสามารถผมอยู่ เรียกใช้ได้เลยนะครับรายการทีวีไหนอยากจะให้รัน อยากจะให้ไปเปิดสัมภาษณ์ เกมโชว์ ทอล์กโชว์เราพร้อมเสมอ เราทำตัวให้พร้อมกับโอกาสเสมอไม่ว่าโอกาสนั้นมันจะหายไป 3-4 เดือนก็ตาม แต่ก็ไม่เป็นไร มันเป็นสิ่งที่ชีวิตต้องเจอครับ
ครั้งนี้จะเป็นการทำให้เรากลับมายืนในที่เดิมใหม่อีกครั้ง ตอนนี้เริ่มมีหลายที่ติดต่อมา เราก็ขอบคุณมากนะ จากที่ทุกคนมองข้ามกันหมด เรารู้ว่าเราผิดนะ แต่มันไม่ควรจะมีผลกับงานขนาดนี้ แม่ผมบอกเสมอว่า ลูกทำงานมา 25 ปีแล้ว ถือว่าพักผ่อนก็แล้วกัน”
เดินไปของานใครไม่เป็น หากใครยินดีให้โอกาสก็พร้อมทำทุกงาน 25 ปีในการทำงาน มีแต่งานวิ่งเข้ามา ไม่เคยไปขอใคร
“จะบอกว่านี่ไม่ได้มาของานนะ ถ้าใครอยากจะให้โอกาสติดต่อมา แต่ถ้าวิ่งไปของานสาบานเลยว่าทำไม่เป็น ที่เกิดขึ้นเพราะข่าวครับ ซึ่งเราเข้าใจ เราพลาดเอง เราพลาดเต็มๆ แต่มันผ่านไปแล้วก็ต้องปล่อยให้มันผ่านไป เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยที่มาเจอเรื่องแบบนี้ 25 ปีที่ผ่านมาทำงาน 6 วันต่อสัปดาห์ แต่โชคดีที่มีแม่ มีพี่ชายคอยซัปพอร์ต
(หลายคนก็บอกว่ามีพิธีกรในเมืองไทยที่จะสามารถทำแบบพีเคได้น้อยมาก เราฟังแล้วมีกำลังใจ?) เป็นกำลังใจอย่างมาก แค่ขอโอกาสกลับไปทำก็แล้วกันแล้วเดี๋ยวจะโชว์ให้ดูว่าพิธีกรที่เขามีประสบการณ์จริงๆ เขาทำกันยังไง ให้วิ่งไปของานผมทำไม่เป็น ตลอด 25 ปีที่ผ่านมางานวิ่งเข้ามาหาผมเองตลอด ไม่ว่าจะเป็นงานทีวี งานอีเวนต์ งานลงเสียง ตอนนี้ผมรู้สึกว่าผมสามารถกลับมาได้ และทำได้ดีกว่าเดิม เรานั่งอยู่กับตัวเองคนเดียวที่บ้านมา 2-3 เดือนแล้ว เราตกผลึกแล้วว่าเรามีจุดบอดตรงไหน เราต้องทำตัวเองให้เก่งขึ้นตรงไหน อย่างวันนี้กำลังใจมากันเยอะ ทั้งมีเรียน ทั้งคุณแม่ เขาก็เป็นห่วง เพราะตอนที่มีปัญหามากๆ ผมดิ่งสุดแล้ว เขาก็พยายามจะเข็นผมขึ้นมา จนวันนี้พี่อั๋นให้โอกาสผมได้กลับขึ้นเวทีอีกครั้ง เขาก็มาให้กำลังใจว่าอย่าพลาดนะ อย่าทำพังนะ ผมก็โชว์ให้เขาดูว่าพิธีกรที่ดีที่สุดเขาทำงานกันอย่างนี้นะ ก็ทำให้เขาดูนะ”
ชินกับทุกดรามาจนไม่มีเรื่องไหนทำตนเสียใจได้อีกแล้ว ทุกวันนี้เหลือคนรอบตัวแค่กำมือ
“ชินแล้ว บอกได้เลยครับว่าตอนนี้ไม่มีอะไรที่ทำให้ผมเสียใจได้แล้ว เพราะชิน ซ้ำแล้วซ้ำอีก เรื่องส่วนตัวผมขอไม่พูดแล้ว ใครอยากคิดอะไรคิดเลย ผมไม่ขอพูดอีกแล้วก็แล้วกัน เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ใครจะไม่อยู่ฝั่งเราเราไม่ว่า ตอนมีปัญหาทำให้เรารู้เลยว่าใครที่รักเราจริง
เรารักทุกคนนะ เราคุยดีกับทุกคน ใจดีกับทุกคน แต่พอมีปัญหา มันเหลืออยู่แค่กำมือเดียวที่เราไว้ใจได้ เราก็จะจำกำมือนั้นไว้ตลอดชีวิต ตั้งแต่เกิดเรื่องผมขอโทษใครต่อใครมาเยอะมากแล้ว จนไม่ขอโทษแล้วครับ ขอโทษเป็น 100 ครั้งแต่มันก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา ก็ไม่เป็นไร”
ขอไม่พูดถึงการฟ้องร้อง เพราะตนไม่รู้เรื่องจริงๆ ส่วนความมั่นคงในชีวิตไม่ค่อยมีเท่าไหร่ วันนี้มีเงินอยู่ 700 บาท
“ใช้คำว่าไกล่เกลี่ยแล้วกัน เอาให้มันจบแล้วเดินต่อ ต่างคนต่างไปทำงาน ทำหน้าที่ของตัวเอง นี่คือสิ่งที่เราจะทำได้ดีที่สุด ยังพูดคุยกันได้ ณ ตอนนี้ยังไม่รู้อะไรเลยถ้าเขาแมสเสจมาก็คุยครับ หมา 2 ตัวก็อยู่กับเขา ผมยังอยากจะสลับกันเลี้ยงบ้าง (ไม่ถึงขึ้นฟ้องร้อง?) อันนี้ไม่รู้ ขอไม่ตอบนะ เราไม่รู้อนาคตว่ามันจะเป็นยังไง ฉะนั้นก็วันต่อวัน ทำให้มันดีทุกวัน
ส่วนความมั่นคงในชีวิตก็ไม่ค่อยมั่นคงเท่าไหร่ครับ ต้องขอบคุณแม่ ผมเองออกจากบ้านมาตั้งแต่อายุ 18 ปี จนถึงตอนนี้ 50 ปีนี้เป็นปีแรกที่แม่บอกว่ามีปัญหาอะไรเดี๋ยวแม่ดูแลให้ ตอนนี้มี 700 ในกระเป๋า แม่ให้มาเคยไม่มีเงินในกระเป๋าแบบไม่มีเลย ก็ 916 บาท อันนี้คือเงินนะ ตอนไม่มีเงินผมก็ขอยืมพี่ชาย”