“วิน เมธวิน” เขินร่างทอง เรียกน้องไม่ได้แล้ว ต้องเรียกพี่ ลั่นยากมาก บางวันไม่กินข้าวเลย ขำๆ หน้าคิตตี้ บอดี้มาร์เวล ยันสัมพันธ์ “หลิงหลิง” แค่เพื่อน ไม่โอเคโดนแอบถ่าย วอนเคารพพื้นที่ส่วนตัว ลั่นใช้ชีวิตปกติ ยังไงก็ต้องมีเพื่อน
ทำแฟนๆ ละลาย หลังจากอวดร่างทองในอินสตาแกรม ซิกแพ็กแน่นจนแฟนๆ ไม่ขอเรียกว่าน้องอีกต่อไป จากนี้ขอเรียก “หนุ่มวิน เมธวิน โอภาสเอี่ยมขจร” ว่าพี่ โดยหนุ่มวินเปิดใจ พยายามทำให้ดีที่สุด ซึ่งยากมากสำหรับตน บางวันแทบไม่กินข้าวเลย
“จริงๆ มันก็แอบลุ้นเหมือนกันนะว่าจะเป็นยังไง เราก็อุตส่าห์ใส่ไว้รูปสุดท้ายไง เราก็เขิน จะเอาไว้รูปแรก มันก็ดูตั้งใจเกินไป เลยใส่ไว้รูปสุดท้าย อยากให้คนรอติดตามซีรีส์ เป็นแบบสปอยเล็กน้อย คนก็บอกว่าต้องเรียกพี่แล้ว ตอนนี้ก็ต้องพี่ คือหลังจากนี้เป็นพี่แล้ว ไม่มีคำว่าน้อง (เพราะว่าหุ่น?) เพราะอะไรดี (หัวเราะ) เพราะหุ่นไง โตแล้ว ดูเป็นร่างผู้ใหญ่แล้ว ไม่ใช่ร่างน้องวิน ไม่มีน้องวิน 3 ขวบแล้ว ห้ามเรียกน้อง ก็พยายามทำให้มันดีที่สุด เพราะว่าโจทย์ของผมยากมากๆ ผมกินน้อยมาก บางวันผมแทบไม่กินข้าวเลย ทั้งวันกินแค่อกไก่ปั่นวันละ 4 ขวด แต่ว่าเราพยายามจะทำให้ตัวใหญ่ ซึ่งเราไม่กินคาร์ปเลย ก็ยากเหมือนกันที่เราจะทำ ก็มีแซวๆ กันในออนไลน์นี่แหละครับ หน้าคิตตี้บอดี้มาร์เวล(หัวเราะ)
บางทีถ้ามีชีทเดย์ผมก็ต้องกินมาการองก่อนอยู่แล้ว ซึ่งมันอยู่ชั้น 7 ด้วยไง อยู่ที่นี่ มันก็ต้องชีทเดย์ คือถ้ามันทรมานเกินไปชีวิตมันจะไม่มีความสุข เพราะฉะนั้นผมว่า SOURI ตอบโจทย์ในเรื่องความสุขด้วย ทานแล้วอร่อยเป็นชีทเดย์ของเราได้ ถ้าไปเมืองนอกพยายามกินโปรตีนที่เป็นอกไก่จริงๆ ไม่ใช่อกไก่ปั่น”
สัมพันธ์ “หลิงหลิง คอง” ดาวรุ่งช่อง 3 เป็นแค่เพื่อน
“ก็เป็นเพื่อนตามที่ผมบอกเลยครับ ตามที่พี่เขาบอกเหมือนกัน ความหมายตามนั้นเลย ถามว่าตกใจไหม ไม่ได้ตกใจขนาดนั้น คือเราไปทำธุระของเราที่เกาหลี แล้วก็เป็นจังหวะพอดีที่เขาอยู่เหมือนกันก็ชวนเดินเล่น กินข้าว ซึ่งเรากับเพื่อนทุกคนไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชาย เราใช้ชีวิตปกติแบบนี้อยู่แล้ว คือผมก็มีข่าวเรื่องพวกนี้มาตั้งนานแล้ว แต่แค่อาจจะไม่ได้รู้วงกว้างเท่านี้ ผมก็ใช้ชีวิตปกติของผมอยู่แล้ว”
รู้มีคนยกโทรศัพท์มาถ่าย ไม่โอเคตั้งแต่แรก อยากให้เคารพความเป็นส่วนตัว
“รู้ครับ คือผมอยู่กับอะไรแบบนี้มานานๆ มากแล้ว ไม่เคยรู้สึกโอเคกับสิ่งเหล่านี้อยู่แล้วตั้งแต่แรก อยากให้เคารพพื้นที่ส่วนตัวของทุกคนแล้วกัน ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นศิลปิน หรือว่าเป็นใครที่ทำอาชีพไหนก็ตาม ควรได้ความเคารพในเรื่องความส่วนตัว ถามว่าเรามีวิธีจัดการอย่างไร ส่วนใหญ่ก็จะหนี จะเดินซ้ายปุ๊บ เราไปขวา ตามไม่ทัน ผมเร็ว สับขาหลอก”
ถึงเจอแบบนี้ก็ไม่ระแวง ใช้ชีวิตต่อไป ยังไงชีวิตต้องมีเพื่อน
“ไม่เลยครับ อย่างที่ผมบอกผมมีเรื่องอะไรแบบนี้ จริงๆ มันก็แอบเห็นในโซเชียลมาอยู่ตลอด คือเราก็ใช้ชีวิตกับเพื่อน มันจะกลายเป็นเราไม่มีเพื่อนเลยหรอ เราไม่สามารถไปใช้ชีวิตกับเพื่อนแบบปกติได้เลยหรอ มันเป็นชีวิตส่วนตัวของเราแล้วไม่ได้เดือดร้อนใคร เราก็ใช้ชีวิตของเราไป
ถามว่าอยากบอกอะไรไหม จริงๆ ไม่ใช่แค่ผมหรอก ผมก็ได้ยินเรื่องของศิลปินท่านอื่นค่อนข้างเยอะ ก็อยากจะให้เคารพพื้นที่ส่วนตัวซึ่งกันและกัน อาจจะเห็นขอถ่ายรูปจบแยกย้ายแค่นั้น ไม่ได้ติดเลย แต่ว่าถ้าเกิดตาม เดินตาม ขับรถตาม ผมว่ามันเป็นอะไรที่รุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวกันนิดนึง
ส่วนคนที่อยู่รอบข้างได้รับผลกระทบ โดนโยงไป ถามว่าจะกล้าทำกิจกรรมกับเพื่อนอีกไหม สำหรับฝั่งผมเอง ปกติเลย มันเป็นเรื่องปกติที่ผมจะไปแฮงก์เฮ้าส์กับเพื่อน ไปทานข้าวกับเพื่อน เวลาพักผ่อนเราก็น้อยอยู่แล้ว ถ้าเราไม่ได้ทำสิ่งเหล่านั้นเลย ชีวิตผมคงเครียดมากๆ เลย ใช้ชีวิตปกติในส่วนของผมแต่ว่าของฝั่งคนอื่นถ้าได้รับผลกระทบเนี่ยผมก็รู้สึกเห็นใจเขามากๆ ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกันที่จะให้ทุกอย่างโอเค เพราะว่าเจตนาของเราปกติ เราแค่กินข้าวไม่ว่าจะกับคนไหนก็ตาม
ถามว่าเพื่อนๆ บ่นไหม คือเพื่อนๆ เขาจะชินกับผมแล้ว โอเคเดี๋ยวก็มีคนขอถ่ายรูป ซึ่งเพื่อนเข้าใจทุกคน และเพื่อนๆ ก็ช่วยกันดูด้วยว่าคนไหนตามเรา เขาก็จะบอกเราแล้ว ก็เป็นทั้งเพื่อนเป็นทั้งการ์ด”