หลังจากที่เคยออกรายการ เผยว่าชีวิตตอนนี้หันมาขายหมูสะเต๊ะ ไม่ใช่คอนเทนต์ ไม่แคร์คนมองตกอับ ล่าสุด “เหลือเฟือ มกจ๊ก” เกมศักดิ์ แจ้งทิพย์นาง ตลกชื่อดัง ได้บุกไปสัมภาษณ์ “วีระชัย หัตถโกวิท” ถึงหมู่บ้านพฤกษา 12 คลองสาม รังสิต อยู่หลังโรงเรียนสีวลี ออนแอร์ทางช่องเหลือเฟือ ชาแนล เผยเหตุต้องเป็นหนี้ ชีวิตเปลี่ยน ขายของไม่ได้ ค้างค่าผ่อนบ้าน เกิดอะไรขึ้น?
“อยู่วงการ 40 กว่าปี ตอนนี้ยังรับงานแสดง แต่เฉลี่ยปีละเรื่อง ซึ่งมันอยู่ไม่ได้ เพราะเราไม่ใช่พระเอก ค่าตัวก็นิดนึง ต้องเล่นประมาณ 10 เรื่องต่อปีถึงอยู่ได้ ตอนนี้เรื่องบ้านเรากลัวว่าบ้านจะไม่มีอยู่ เพราะไม่มีเงินจ่ายค่าบ้าน เพิ่งซื้อบ้านได้ 2 ปี ค้างค่าบ้านมาตลอด คนโน้นช่วยบ้าง คนนี้อุดหนุนบ้างก็เอาไปจ่ายค่าบ้าน แต่ก็ค้างทบอยู่
ตอนนี้ด้วยสภาพ เงิน งานไม่เหมือนเดิม อาจเป็นเพราะตั้งแต่มีโควิดนั่นแหละ มันเปลี่ยนแปลงไปหมดทุกอย่าง ช่วงก่อนก็ยังโอเค โควิดมีส่วนจริงๆ ตอนโควิดแรกๆ อยู่ระยอง ไปขายของ ตอนนั้นเวิร์กนะ เพราะเป็นคนแรกๆ ที่ทำแอปฯ มาซื้อของสั่งตามแอปฯ เราขายได้เรื่อยๆ คนสั่งของ สั่งอะไรกินกัน พอโควิดช่วงหลังๆ ที่กลายเป็นโรคเหมือนไข้หวัด คนก็ออกมาใช้ชีวิตได้เลย ป่วยก็รักษาตามอาการ คนเริ่มไปเที่ยว คนไม่สั่งแอปฯ แล้ว
ประมาณ 7-8 ปี ก็เล่นละครไปด้วย ขายของไปด้วย แต่ที่พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ คือตอนเราอยู่ที่ระยอง คนเริ่มไม่มาสั่งแอปฯ ไปกินกันริมทะเลหมด พอดีจังหวะนั้นเรามาดูทำเลจะซื้อบ้าน ก็ย้ายจากอาหารที่ระยอง ก็มาขายที่กรุงเทพฯ ดีกว่า ขายไข่กระทะ อาหารตามสั่ง ทำเหมือนระยองเป๊ะเลย น่าจะดี เพราะคนเยอะ หมู่บ้านใหญ่ คนขับรถผ่านหน้าร้านเยอะมาก แต่ผ่านอย่างเดียว ไม่แวะ งงไหม วันนึงอย่างมากก็ 10 คน มันไม่พอที่จะเดินหน้า เหมือนขายเอาทุนไปอย่างเดียว กำไรยังไม่มีเลย
ลงของวันเป็นพัน ขายได้บางทีก็ไม่ถึงพัน เมื่อก่อนตอนแป๊กๆ เรารับจ้างหมดเลยนะ เดินไฟ ทำไฟ เปลี่ยนหลอดไฟ ดูปลั๊ก ดูอะไร ละแวกนี้เลย ติดผ้าม่านทำหมด ประปาก็ทำ เวลาเขาเห็นเราเขาตกใจ (หัวเราะ) เขาก็ไม่กล้าเรียกแล้ว คิดว่าแกล้งทำหรือเปล่า แกล้งบ้าสิ! ใครจะมาแกล้งเป็นปีๆ คนมองตกอับก็ไม่แคร์
ขายหมูสะเต๊ะทำจริงๆ จังๆ เลย อยากได้วันละ 500 ไม้ขึ้น แต่บางวันพูดตรงๆ ประมาณ 40 ไม้ ก็ 4 ชุด ได้ 280 บาท ทั้งวัน มันเป็นอย่างนี้จริงๆ เราก็โอ้ย ตายแล้ว จริงๆ เคยไปออกบูธก็ไม่ได้หวือหวา พอขายได้แค่นี้ก็คิดว่ามันลำบากนะ มีค่าน้ำมัน ค่ากิน ค่าอะไรที่เราไปออกบูธ สู้อยู่บ้านดีกว่า มันก็พอๆ กันเลย ออกข้างนอกก็เหนื่อย ต้องขับรถ ตื่นไว ตั้งบูธ เก็บของแต่ละวัน แต่ตอนนี้ก็มีบูธที่จะไปซ้ำสอง ดูแล้วน่าจะโอเค ช่วงนี้ฝนตก พออยู่บูธ เราอยู่ข้างใน แต่ที่บ้านถ้าฝนตกก็ไม่เหลือ ไม่มีใครมาเลย
งานแสดงยังรับ หลังมีปัญหา โอริเวอร์ บีเวอร์ เห็น ก็จับเข้าไปเล่นเลย เขาถ่ายไปแล้วนะ คนในวงการคนอื่นก็ช่วยเหลือเยอะอยู่นะ ไม่งั้นบ้านไปแล้ว ตอนนั้นไม่มีแล้ว แต่อย่างว่าจะให้เขาช่วยเหลือตลอดเวลาไม่ได้ เราก็พยายามยืนด้วยลำแข้ง แต่เรื่องรับจ้างเขาเห็นเราเขาก็ตกใจ ก็ไม่กล้าจ้างแล้ว เกรงใจเราซะงั้น เราทำได้หมด เราไม่ถือว่าเราเป็นดารา
คำว่าตกอับ ไม่ซีเรียส เฉยๆ ซีเรียสไม่มีเงินมากกว่า คำพูดไม่ซีเรียส ใครพูดไงก็แล้วแต่ เราพยายามทำเพื่อพยุงครอบครัว พยุงบ้านไว้ ถ้าเขามาอุดหนุนเราก็โอเค
บ้านหลังนี้ซื้อได้ 2 ปี ผ่านไปปีแรกก็กระท่อนกระแท่น ปีที่สองแท่นเลย ปีที่กำลังจะผ่านไปนี่แหละ โอ้ย พี่ๆ น้องๆ เขาเอาไปออกรายการก็เลยมีคนช่วย พี่น้องเพื่อนฝูงในวงการช่วยบ้าง ก็พยุงขึ้นมาหน่อยนึง แต่ก็ต้องยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง จริงๆ ทำแบบนี้ไม่ได้ลำบากนะ แค่คุณมาซื้อ มาอุดหนุนก็พอ เมื่อไหร่ที่คุณไม่มาอุดหนุน ไม่มาซื้อ นั่นคือลำบากของผม
มีงานทำไม่เหนื่อย แต่ไม่มีงานทำมันเหนื่อย อยู่ได้ทุกวันนี้เพราะขายพี่ขายน้อง เพื่อนฝูงในวงการมาแทบทุกคน มาซื้อ แต่อยากได้เป็นแฟนคลับที่เป็นคนข้างนอกมาช่วย พี่น้องเขากินจนเบื่อแล้วหมูสะเต๊ะ”