โหนกระแสเดือด พ่อ-ผัว “ออฟฟี่ แม็กซิม” ปมขายรถหรู บุกไปตามถึงบ้าน “โจ คนซื้อ” ผัวฟาด “แอน” คนนอก หลอกเอารถไปต่อพรบ.ภาษี แต่กลับไปนำไปขาย ไม่บอก ด้านแอน-พ่อออฟฟี่ซัดเดือด ไม่เคยดูแล แต่ชอบเอาเงินออฟฟี่อ้างเป็นเงินตัวเอง ด้านลูกสาวออฟฟี่ มาด้วย ทนไม่ไหว ลุกหนีออกจากสตูฯ ทนฟังไม่ได้ ทนายชี้งานนี้ระหว่าง พ่อ-ผัว ใครจะได้สิทธิ์มากกว่ากัน
กรณี “หนุ่ม”สามี “ออฟฟี่ แม็กซิม” โพสต์เฟซบุ๊ก ตามหารถ Porche รุ่น boxster สีขาว หมายเลขทะเบียน ขษ 56 กรุงเทพมหานคร รถแสนรักของภรรยา ที่หายไปปริศนา หลังมีคนใกล้ชิดอ้างหวังดี จะเอารถไปต่อ พ.ร.บ.ภาษีรถยนต์ จนเกิดเหตุการณ์อีรุงตุงนัง ต่างฝ่ายต่างฟาดใส่กัน ทางฝั่งพ่อออฟฟี่ มองว่าหนุ่มใช้เงินออฟฟี่มาจ่ายหนี้ให้ออฟฟี่ แต่กลับไปพูดว่าเป็นเงินตัวเอง และที่ผ่านมาไม่ได้ดูแลออฟฟี่ ซึ่งมีอาการป่วยให้ดี ขณะที่ “แอน”คนสนิทของออฟฟี่ ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนเจ้ากี้เจ้าการนำรถไปขาย ทำได้ไงทั้งที่เป็นคนนอก ไม่ใช่คนในครอบครัว
รายการโหนกระแส ออกอากาศวันที่ 7 ส.ค. 67 ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดหมายเลข 33 สัมภาษณ์ “หนุ่ม” สามีออฟฟี่ แม็กซิม , พฤกษ์เพื่อนช่วยตามหารถคันนี้ , ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ ทนายคนกลาง เผชิญหน้า แอน ผู้ถูกกล่าวหา ว่าเอารถไปขาย , พ่อติ๊ก พ่อออฟฟี่ แม็กซิม, โจ คนซื้อรถ, เจ ผู้จัดการออฟฟี่ มีส่วนช่วยเหลือออฟฟี่มาตลอด
รู้ใช่มั้ยมีคนเอารถไปขาย?
หนุ่ม : รู้ครับ รู้ด้วยว่าใครเอารถไปขาย
ดูลำบากใจ ฝั่งนี้ก็สามี ฝั่งนี้ก็ครอบครัวออฟฟี่ ออฟฟี่นั่งดูอยู่ข้างล่างด้วย เรื่องราวเกิดอะไรขึ้น?
หนุ่ม : ออฟฟี่เข้ารับการผ่าตัด ตอนนั้นเส้นเลือดในสมองแตก เขานอนอยู่ที่บ้านผม วันที่แตกผมก็พาไปส่งรพ. เป็นช่วงเดือนมี.ค. ประมาณปลายเดือน ผมมีการโทรหาพ่อเขา บอกว่าอาการออฟแย่นะ ผมก็ได้โอนเงินจ่ายค่ารถให้พ่อกลับมาช่วยกันดูรอบแรก พอถึงรพ.พญาไท รพ.บอกว่าเส้นเลือดในสมองออฟแตกต้องเข้ารับการผ่าตัดโดยด่วน แต่พ่อบอกว่าไม่อยากเสียค่าใช้จ่ายเยอะ ก็ให้นั่งรถไปที่อุดรฯ พอวันผ่าตัด ผมก็โทรบอกพ่อว่าอาการโคม่า ซึ่ง ณ ขณะนั้นผมก็ได้วิดีโอคอล โอนเงินให้พ่ออีก เพื่อช่วยกันดูออฟอีกรอบ ก่อนผ่าตัดเขาบอกว่าพี่ มีอะไรเก็บไว้ให้หนูนะ ในวันที่หมอเก็บของมีค่า เขาก็ฝากลูกสาวมาให้ผม ทั้งนาฬิกา แหวน คาร์เทียร์
ตอนออฟฟี่เส้นเลือดสมองแตก เขายังสื่อสารกับเราได้?
หนุ่ม : สื่อสารได้ครับ ทำ MRI ถึงรู้ว่าเลือดออกก้านสมอง มันซึมออก เขาทำงานหนักแล้วอยู่ดีๆ ก็ร่วงไปเลย ผมกินข้าวที่ร้านสุกี้ เขาก็ร่วงกลางอากาศ ผมต้องประคองเขาขึ้นมา
คบกับออฟฟี่นานแค่ไหน?
หนุ่ม : 3 ปีครับ
อยู่ด้วยกันตลอด?
หนุ่ม : กินนอนอยู่ด้วยกัน ดูแลกัน ค่าใช้จ่ายก็ช่วยกัน
ออฟฟี่บอกว่าทรัพย์สินเงินทองเก็บให้ด้วย?
หนุ่ม : ใช่ครับ เขายังให้ลูกสาวเขาเอามาให้ผมเลย มีนาฬิกา แหวนเพชร กำไลข้อมือ กระเป๋าแบรนด์เนม
รถมีกี่คัน?
หนุ่ม : สองคันครับ อัลพาร์ดหนึ่งคัน ปอร์เช่หนึ่งคัน คือคันที่มีปัญหา
ออฟซื้อมานานหรือยัง?
หนุ่ม : เขาซื้อมาตอนนั้นยังไม่อยู่กับผม เขาอยู่กับเบส แฟนเก่าออฟครับ ช่วงที่เขาป่วย เขาก็เอาของฝากไว้ที่ผม เอารถมาจอดไว้ที่หน้าบ้านผม ผมก็จอดไว้ไม่ได้ใช้อยู่แล้ว จนฝุ่นเกาะ ไม่ได้คิดว่าอะไร แต่ก่อนหน้านั้นผู้จัดการโทรมาบอกว่าพี่หนุ่มรถเราภาษีขาดนะ
ตอนนั้นออฟฟี่อยู่ที่ไหน?
หนุ่ม : ก่อนหน้านี้เขารักษาตัวอยู่ที่บ้านผม อยู่ดีๆ ปลายๆ เดือนพ.ค. เขาป่วยแค่เดือนเดียว มีคนมารับเขากลับไปอยู่บ้านที่สายไหม แอนมารับเขาครับ
เขาล้มมี.ค. เม.ย.-พ.ค. มาอยู่บ้านคุณ?
หนุ่ม : อยู่บ้านผมด้วย บ้านพ่อด้วย บ้านผมอยู่พุทธมณฑลสายสี่ พ่ออยู่บ้านออฟคือสายไหม
พ่อติ๊ก : อยู่ดูแลกันตลอดตั้งแต่ออฟป่วย สลับกัน บางทีเขาก็อยู่บ้านหนุ่ม บางทีก็อยู่บ้านออฟ แม่เลี้ยงเขาก็ช่วยดูแลกับพ่อ แตงโมด้วย
สองฝั่งช่วยกันสลับดูแลตลอด เหมือนไม่มีปัญหา เข้าใจกันดี?
หนุ่ม : ตอนอยู่บ้านผม ผมก็ให้พ่อกับแม่เลี้ยงมาอยู่บ้านผมด้วย ค่าซื้อของกินผมก็โอนเงินให้ตลอด เพราะผมจะเมเนทเงินให้เขาตลอดว่าจะใช้จ่ายอะไรบ้าง
ออฟฟี่เองอยู่กับเราเดือนเม.ย. ผลัดกันไปมาไปอยู่กับพ่อที่สายไหมบ้าง เรื่องรถเกิดอะไรขึ้น?
หนุ่ม : เขาบอกจะเอาไปต่อภาษี ผมก็เชื่อ พ่อโทรมาหาผมก่อน ตอนนั้นออฟถูกรับตัวกลับบ้านไปแล้ววันเดียวกันเลย ช่วง 25 พ.ค. ที่บ้านมารับตัวออฟไป พ่อบอกว่าจะเอารถไปต่อพรบ.ภาษีนะ ให้คนมาเอารถไป ผมก็ไม่ได้อะไร เพราะผมมีรถอีกคัน ส่วนอัลพาร์ดผมให้เบสใช้เอาไปรับลูก ผมไม่ได้สนใจอะไร รถผมมีใช้อยู่แล้ว เขามาหาผมวันที่ 28 ผมเห็นรอยนิ้วมือเขาดำ ก็ถามว่าไปทำอะไรมา เขาบอกว่าไม่รู้
รถที่คุยกัน 25 พ.ค. พ่อบอกว่าจะมาเอารถไปต่อภาษีคุณให้ไป คนขับรถมาเอาไป จากนั้นออฟกลับมาที่บ้าน เห็นที่นิ้วออฟมีสีดำๆ ก็ถามว่าโดนอะไรมา ออฟตอบไม่รู้?
หนุ่ม : ใช่ครับ ก็คิดว่าทำประกันสุขภาพเอไอเอหรือเปล่า เพราะเขาจะมีเรื่องได้ประกันสุขภาพป่วยร้ายแรง ผ่าตัดสมองมา พี่เจก็บอกผมแบบนี้ตลอด
คุณเจเป็นผู้จัดการออฟฟี่มานานแล้ว?
เจ : ผมกลับมาช่วยตอนปลายปีครับ ประมาณเดือนพ.ย. ครับ
เรื่องรถคุณรู้?
เจ : ผมรู้ว่าซื้อขายครับ แต่วันที่ซื้อขาย ผมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์
วันที่ 25 พ.ค. พ่อรับออฟฟี่กลับไปแล้ว?
แอน : แอนเป็นคนไปรับค่ะ ทุกครั้งพี่ออฟไปไหน พี่หนุ่มจะพูดตลอดว่าไม่ว่าง แอนรับพี่ออฟตลอด รับโดยไม่มีค่ารถ ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ไปหาหมอ ฝังเข็ม กลับไปรับไปส่งที่บ้าน แต่บางครั้งที่พี่หนุ่มว่างเขาจะไป แต่ส่วนใหญ่เขาจะพูดว่าเขาไม่ว่าง ฉะนั้นก็เป็นแอนไป แต่แอนเต็มใจไปรับไปส่งพี่ออฟค่ะ
เราไปรับออฟจากบ้านหนุ่มไปบ้านสายไหม พ่อโทรหาเขาเรื่องรถจริงมั้ย?
พ่อติ๊ก : พ่อโทร ช่วงนั้นออฟอยู่ที่บ้าน แล้วบอกออฟว่าหนี้สินมันเยอะ ค่างวดรถชน 3 งวดหมด โทรติดต่อหนุ่มเองก็ไม่ได้ โทรไปเขาไม่รับในวันนั้น ผู้จัดการเป็นพยานได้ โทรติดต่อให้โอนมาก็เงียบไปเลย ผมก็เดือดร้อน ก็ปรึกษากันจึงเป็นที่มาขายรถ คุยกับลูกเขาก็โอเค ออฟรับรู้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ขณะวันนั้นมีคนอยู่ในบ้านรถ ออฟยินดีขาย แต่วันนี้เขาพูดไม่เหมือนวันนั้น
พ่อยืนยันว่าพ่อคุยกับออฟแล้ว ออฟตกลง?
พ่อติ๊ก : ตกลงครับ วันนั้นคนในบ้านก็อยู่กันเยอะ เกือบสิบคนครับ แตงโม ลูกสาวก็อยู่ แม่เลี้ยงกาญจน์ก็อยู่ ออฟเขาไม่ปฏิเสธนะครับวันนั้น พ่อยืนยันได้
ใครเป็นคนบอกหนุ่มว่าจะเอารถไปต่อพรบ.?
เจ : ผมติดต่อนานแล้วครับ ก่อนรถจะขาดภาษี เพราะผมเป็นคนดูเรื่องเอกสารทั้งหมดว่ารถคันไหนต่อภาษีเมื่อไหร่ รายจ่ายมีเท่าไหร่บ้าง ผมจะแจ้งในกลุ่ม จนวันนั้นภาษีขาดแล้ว ผมก็แจ้งในกลุ่มว่าต้องต่อภาษีแล้วนะ เขาก็โอเคครับ แต่ไม่ได้โอนค่าใช้จ่ายมาให้ ผมก็แจ้งพ่อไปว่า พ่อครับ ค่าใช้จ่ายค่าภาษีด้วยนะ ยังไงพ่อลองแจ้งเขาด้วยแล้วกัน เพราะผมไม่สามารถตามยอดได้แล้วตอนนี้ ผมแจ้งเขาไปนานแล้วว่าต้องต่อภาษีพรบ.
ที่แน่ๆ ไม่ได้พูดเรื่องการขายรถ?
เจ : ไม่ครับ
พอเอารถออกไปก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย แล้วเขาก็ส่งออฟฟี่กลับมา มีรอยหมึกที่นิ้วมือ คุณก็ถามว่ารอยอะไร ออฟฟี่บอกว่าไม่รู้ เคยบอกมั้ยจะเอารถไปขาย?
หนุ่ม : ไม่ได้บอกสักคำเลยครับ
พ่อติ๊ก : เคยคุยกับเขาก่อนหน้านี้ ประเด็นจะขายรถคุยแบบไม่มีหลักฐานอะไร วันนั้นมีหนุ่ม มีออฟ เพราะภาระมันเยอะเกือบ 5 หมื่นสำหรับรถ รถอัลพาร์ดอีก หนี้สิน เครดิตอีก ก็บอกว่าขายรถเอาเงินมาใช้ หนุ่มกับออฟยังบอกว่าโอเคจะขาย แล้วหนุ่มเองพูดว่าออฟขายได้นะ แต่เอาเงินไปโปะหนี้ บัตรไทยพาณิชย์ เขาเอาบ้านลูกผมไปกู้หนี้อีกนะ
หมายถึงหนุ่มเหรอ เอาบ้านออฟฟี่ไปกู้เงิน?
พ่อติ๊ก : ใช่ครับ สองคนร่วมกันกู้
เจ : บ้านแม่ออฟฟี่ ไม่ได้กู้ร่วม ออฟโอนกรรมสิทธิ์ให้พี่หนุ่มในการเช่าซื้อบ้านหลังนี้ต่อ แล้วเอาเงินมาแบ่งกันคนละครึ่ง ซึ่งพี่หนุ่มกับออฟต้องจ่ายคนละครึ่งในวันที่ 8 อ๊อฟต้องจ่ายให้พี่หนุ่มทุกเดือน เดือนละ 1 หมื่น
เอาเรื่องรถให้จบเป็นเรื่องๆ ก่อน เพราะเขาติดใจเรื่องรถ เขายืนยันว่าออฟฟี่ไม่รู้ว่าเอารถไปขาย ออฟฟี่บอกอย่างนั้น แต่ทางนี้บอกว่าออฟฟี่ยืนยันว่าให้ขาย รถคันนี้ผ่อนอยู่มั้ย?
พ่อติ๊ก : ติดไฟแนนซ์ครับ
ผ่อนเดือนเท่าไหร่?
เจ : 44,700 บาท เหลืออีก 1.6 ล้านครับ
รถคันนี้ซื้อมาเท่าไหร่?
หนุ่ม : ตอนนั้นซื้อมา 6 ล้านกว่าครับ
เขาไปขายเท่าไหร่?
หนุ่ม : ผมไม่แน่ใจ เพราะตอนที่ผมไปถามเขา ไม่มีใครบอกผม ทั้งเจทั้งแอนบอกว่าไม่รู้อย่างเดียว ไม่ได้เป็นคนขาย พี่เจก็บอกให้ถามพี่แอน กลายเป็นว่าผมคิดว่าน่าจะขายไปแล้วก็โทรไปหาพ่อ ปรากฏว่าผมกับพ่อมีปัญหากัน มีปากเสียงกัน พอทะเลาะกันผมก็บอกว่าพ่อเอาไปขายไม่ได้ มันรถเขา ก่อนหน้านี้ออฟเอารถไปจำนำกับพี่กอล์ฟ ผมก็เอาเงิน 4 แสนบาทไปเอาออกมาให้ ผมใช้จ่ายร่วมกันอยู่แล้ว เงินทุกบาททุกสตางค์ผมก็ใช้จ่ายกับแฟนผม บางเดือนผมก็โอนให้พ่อไปด้วย เพราะออฟเขามีค่าใช้จ่าย เขาไม่มีงาน
ปรากฏว่ารถถูกเอาไปขาย แยกทะเบียนด้วย?
หนุ่ม : ผมบอกพี่แอน มันจะขายได้ไง ทะเบียนผมประมูลมา พี่แอนบอกว่าพ่อรู้ยัง ผมก็บอกว่าผมจะรู้ได้ไง ผมทะเลาะกับพ่ออยู่ พี่แอนบอกว่ารอแป๊บนึงจะโทรหาพ่อ ผมก็ถามพ่อว่ารู้เรื่องทะเบียนมั้ย พ่อบอกว่าไม่รู้ ทะเบียนขายไปแค่แสนเดียว ผมบอกว่าจะขายแสนเดียวได้ไง กลายเป็นว่าพี่แอนโทรมาบอกว่าทะเบียนแยกขายออกจากรถ
แอน : ไม่ใช่ค่ะ คนซื้ออยู่นี่ ถามเขาดีกว่า
คุณรู้จากไหนว่าขายรถไปแล้ว?
หนุ่ม : ผมทะเลาะกับพ่อ ผมก็โทรถามแอน แอนบอกว่าไม่รู้ ไม่ได้ติดต่อการขาย หนูไม่รู้อย่างเดียว ผมติดต่อพี่เจ เขาก็บอกว่าถามพี่แอน แต่ตอนนั้นพี่เจเขาไม่รู้จริงๆ กลายเป็นว่าผมเริ่มมั่นใจว่าขายไปแล้ว ผมโทรถามแตงโมว่ารถขายไปไหน ทำไมขาย มันขายไม่ได้นะ เพราะตอนป่วยเขาฝากไว้และผมมีการจ่ายงวดอยู่ ผมทำธุรกิจด้วย ทำเสื้อผ้า บางทีผมก็ออกไปทำงานด้วย พอช่วงผมตามหากับพฤกษ์สองคน เพราะรถหายแล้ว น่าจะขายไปแล้ว ผมก็ขี่รถตามหากัน ตามที่คาดว่าน่าจะขาย จนไปเจอบ้านพี่เขาในรูป
คุณรู้ได้ไงว่ารถจอดอยู่ที่นี่?
หนุ่ม : ผมไปสืบตามโซเชียล ผมเห็นรูปรถผม ผมจำได้ เขาประกาศขายทะเบียน ผมก็อ้าว นี่รถผมนี่
เขาประกาศขาย 4 แสน?
หนุ่ม : ใช่ครับ จากนั้นผมก็เข้าไปที่ห้องเขาตอนกลางวัน ไปกับออฟ บอกว่าผมมาสอบถามเรื่องรถ เพราะเอกสารผมไม่เจอ พ่อบอกว่าฉีกทิ้งไปแล้ว
พ่อติ๊ก : ไม่ได้บอกว่าฉีกทิ้ง มันยังหาไม่เจอ การขายมันถูกต้องแล้ว เพราะออฟให้ขาย
หนุ่ม : เขาบอกเอกสารหาไม่เจอ ไม่มีเอกสาร ผมก็อ้าว ขนาดบิลค่าไฟ บิลเซเว่นยังเก็บไว้ได้เลย ทำไมบิลขายของเป็นล้านมันจะเก็บไม่ได้เหรอ ผมก็ไปตามหากับน้องชาย จนเจอที่บ้านเขา เขาบอกจะนัดไกล่เกลี่ย จะนัดคุยกัน ก็ไม่ได้คุยเลย จนมาถึงวันนี้ครับ
ตกลงยังไง?
แอน : วันนั้นพี่ออฟโทรหาพี่หนุ่มเยอะมากเพื่อเบิกเงินมาใช้จ่ายในบ้าน ก่อนขายพี่สันต์ถามพี่ออฟว่าโพสต์ขายเองมั้ย จะขายได้ราคากว่านี้นะ พี่ออฟบอกว่าไม่จะขาย พี่สันต์ถามเป็นสิบรอบ วันนั้นคนอยู่เป็นสิบคนนะคะ พี่สันต์คือพี่ชายแอน พอถามแล้วเขาโทรทวงพี่หนุ่มที่ขายนาฬิกาได้ให้โอนมาให้พี่ออฟ พี่หนุ่มบอกว่าเดี๋ยวก่อนๆ เป็นสิบๆ สาย ทั้งพ่อโทร ทั้งพี่ออฟโทรเขาไม่รับเลย ก็เป็นเหตุที่ทำให้พี่ออฟตัดสินใจขาย แตงโมลูกสาวรู้นะคะ คุณพ่อรู้ว่าเป็นเจตนาพี่ออฟ เพราะเงินที่ขายของได้ พี่หนุ่มไม่โอนให้พี่ออฟ ขอทีไรก็ผัดผ่อน ผัดๆ จนพี่ออฟแกท้อใจ ณ ตอนนั้น แกก็เลยตัดสินใจขายเอง ยืนยัน หาคนซื้อรถคือพี่โจ หาวันนั้นด้วย ไม่เคยทำก่อนล่วงหน้า ไม่เคยรู้จักพี่โจมาก่อน พี่สันต์เป็นพรรคพวกกันเขาก็หามา ราคาพี่โจดีที่สุดแล้ว เราก็ถามพี่ออฟจะขายมั้ย แล้วพี่โจบอกว่าถ้าไม่ได้เจอออฟฟี่ แม็กซิมเอง ผมไม่ซื้อ ผมอยากรู้ว่าเขาขายจริงมั้ย พี่โจเป็นคนไปที่บ้านพี่ออฟ พี่ออฟพาดูรถ เช็กสภาพรถ ทุกอย่าง พี่ออฟเป็นคนพาพี่โจไป
ทางนี้ยืนยันว่าออฟฟี่บอกว่าไม่รู้เลย ปั๊มมือออฟฟี่ไม่รู้ แต่ทางนี้บอกว่าออฟฟี่พาคุณโจไปเดินดูรถเอง จริงมั้ย?
โจ : แน่นอนครับ วันนั้นมีการติดต่อมาหาผม โดยคอนเนกชั่นทางนายหน้า ตอนแรกมีการส่งรูปรถมาให้ผมประเมินราคา ทั่วไปการซื้อขายรถยนต์ต้องมีการประเมินราคาก่อน จนผมได้ข้อมูลมาว่า เขาส่งหลายที่ สี่ห้าที่ ผมก็ให้ราคาไป หายไปประมาณชม.นึง ทีมงานคุณออฟฟี่ก็ติดต่อมาว่าพอใจจะขายให้ผมราคานี้ ตอนนั้นราคา 2.7 ล้าน ประมาณวันที่ 27 พ.ค.
รถเอาไป 25 พ.ค. วันที่ 27 ขายเลย ในราคา 2.7 ล้าน รถติดไฟแนนซ์ใช่มั้ย?
โจ : ติดเงินกู้ครับ ไม่ใช่ไฟแนนซ์ครับ
เหมือนเอารถไปวางที่อื่นไว้?
โจ : เงินติดล้อครับ ไม่ใช่ไฟแนนซ์ ตอนนั้นติดอยู่เกือบๆ 1.6 ล้าน
เงินสดกลับมา 1.1 ล้าน?
โจ : ราคาที่ผมประเมิน 2.7 ล้าน แต่รถประทุนเปิดไม่ได้ มีไฟโชว์บางจุด เพราะรถจอด ต้องเก็บสีรอบคัน ผมก็บอกว่าเอางี้ คันนี้ผมซื้อ 2.6 ล้าน
หายไปแสนนึง?
โจ : ถูกต้องครับ ก็เป็นการต่อรองราคาทั่วไป
ทะเบียนล่ะ?
โจ : รวมทะเบียนด้วยครับ
ราคาถูกไปหน่อยมั้ย?
โจ : ตอนนั้นเขาตีราคากัน 2.2 - 2.3 ล้าน ทะเบียนผมตั้งใจจะซื้อ 2 แสน ราคานี้ผมไม่ได้บังคับนะครับ ผมเสนอราคาไป เขาไม่ขายผมก็ได้ อยู่ที่ความพอใจเขาครับ
คุณซื้อรถราคา 2.4 ล้าน รวมทะเบียน ก็เป็น 2.6 ล้าน?
โจ : รถคันนี้ซื้อประมาณ 2.55 ล้านครับ ทะเบียนประมาณ 2 แสน
แอน : เงินที่รวมจ่าย 2.55 ล้าน รวมทะเบียน ไม่แยกครับ โดยประมาณคร่าวๆ
รถตอนแรกคุณตีไว้ 2.7 ล้าน แต่พอเห็นสภาพรถ คุณก็ตีไป 2.6 ล้าน แต่คุณจ่ายจริง 2.55 ล้าน?
โจ : มีนายหน้าที่แนะนำมาด้วย เพราะทุกคนทำงาน ผมก็ต้องจ่ายค่าแนะนำ จ่ายให้นายหน้าอีก 5 หมื่น ก็จ่ายทางนี้ 2.55 ล้าน
เท่ากับคุณจ่ายไป 2.6 ล้าน ค่าทะเบียนอีก 2 แสน ตัวรถ 2.4 ล้าน ทะเบียนอีก 2 แสน เป็น 2.6 ล้าน?
สันต์ : ต้องบอกว่า 2.55 ล้าน จะเป็น 2.6 ล้านไม่ได้ ต้องตามที่ลงราคาซื้อขายจริงครับ
คุณจ่ายเงินเขาไปเท่าไหร่?
โจ : วันนั้นผมจ่ายปิดบัญชีเงินติดล้อ 1.6 ล้าน แล้วจ่ายเงินทางนี้ 9 แสนกว่า
แอน : โอนเข้าบัญชีลูกสาวออฟฟี่
ลูกสาวเอาเงินไปให้ใครมั้ย?
พ่อติ๊ก : ไม่ครับ ตอนแรกจะโอน แอนถามออฟว่าเงินจะเอาไว้ไหน ออฟว่าเอาไว้ที่แตงโม ก็ให้แตงโมเปิดบัญชีวันนั้น พอเงินโอนเข้าก็ไม่มีใครจ่าย แต่พ่อดูแลรายจ่าย จ่ายค่าติด ค่าไฟแนนซ์ ค่าบ้าน แล้วให้แตงโมเป็นคนโอน เจตัดรายการ มีสลิปเรียบร้อย
ออฟฟี่อยากพูด?
พ่อติ๊ก : ออฟฟี่เขาเปลี่ยนไป พ่อพูดเอง
ออฟฟี่ : ทำไมจะพูดไม่ได้
ทางนี้มีคลิปหลักฐานตอนขายรถ คุณเห็นหรือยัง เป็นคลิปที่ออฟฟี่อยู่ตรงนั้นเลย ออฟฟี่ก็ยินดีที่จะขาย?
หนุ่ม : ผมยังไม่เคยเห็นเลย
ตัวแปรคือออฟฟี่ ออฟฟี่ขายรถไป ทางนี้บอกว่าสติสัมปชัญญะ 100 เปอร์เซ็นต์?
พ่อติ๊ก : การรับฟังวันนั้น เขารับฟังเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ ถ้าเขาไม่ยอม จะพูดว่าไม่ แต่การพูดอาจไม่ต่อเนื่องเท่าไหร่
คุณจดทะเบียนหรือยัง?
หนุ่ม : จดแล้วครับ เพิ่งจดตอนเดือนที่ผ่านมา หลังเขาขายรถนี่แหละครับ ตอนไปจดทะเบียนสมรส เขาต้องถามชื่อพ่อแม่ ผมจดทะเบียนสมรสเพื่อปกป้องสิทธิ์ของเขา ของของเขาต่อจากนี้ครับ
ปอร์เช่ 981 ถ้าซื้อใหม่ๆ ก็ราคา 6 ล้านกว่า ตอนนี้ตกรุ่นไปรุ่นนึง ราคาซื้อขายตามท้องตลาด ถ้าขายตามเต็นท์ก็ตกที่ 3.2 - 3.4 ล้าน ประมาณนี้ แล้วแต่เต็นท์จะตั้งยังไง ตอนนั้นเต็นท์ซื้อไป 2.55 ล้าน รวมทะเบียน 56 เลขมงคล ขายค่อนข้างมีราคา หลักแสน ประเด็นไม่ได้อยู่ตรงนี้ แต่ประเด็นอยู่ที่ออฟฟี่สมัครใจขายหรือเปล่า ซึ่งพ่อ คุณแอน คุณเจ ยืนยันว่าสมัครใจขาย ทางคุณโจไปดูรถ มีถ่ายรูปคู่ด้วยใช่มั้ย?
โจ : ใช่ครับ
คุณเคยเห็นมั้ย?
หนุ่ม : เคยเห็นครับ
นี่คือวันที่ขาย ออฟฟี่อยู่ด้วย?
ออฟฟี่ : ใช่
มุมคุณเอง ส่งคลิปอะไรมา?
ทนายโจ : ณ ขณะวันนั้นที่มีการซื้อขาย ออฟฟี่ก็อยู่ ขณะซื้อขาย คุณออฟฟี่มือขวาเจ็บ
หนุ่ม : เขาอัมพาตครึ่งซีกครับ
ทนายโจ : มือใช้การไม่ได้ ประเด็นคือเซ็นไม่ได้แล้วกัน เมื่อเซ็นไม่ได้ เราก็อธิบายว่าสัญญาซื้อขายคืออะไร มีการโอนให้ใครบ้าง เมื่อมือใช้การไม่ได้ ก็เลยปั๊มลายนิ้วมือ ที่บอกว่ามือดำๆ ก็เป็นภาพนี้ครับ (เปิดภาพ)
เจ : วันซื้อรถคือ 27 พ.ค. เขาปั๊มไปแล้วรอบนึง แต่วันไปหาพี่หนุ่มเขาปั๊มอีกรอบนึง เพราะผมสั่งให้ปั๊ม เพราะเขาทำเรื่องของเอกสารประกัน คนละวันกันครับ ผมเป็นคนส่งรูปให้พี่หนุ่มดู เพราะพี่หนุ่มบอกว่าขอดูได้มั้ยว่าพี่ออฟปั๊มลายนิ้วมืออะไร ผมก็บอกว่าทำเอกสารประกัน ซึ่งที่ผมจะโยงว่าวันที่ซื้อขายผมไม่รู้จริงๆ ว่าเขาปั๊มหรืออะไร แต่อันนี้เขาปั๊มเพราะทำเอกสารประกัน คนละส่วนกัน
คุณส่งคลิปมา วันที่ออฟฟี่นั่งอยู่กับคุณด้วย?
แอน : ใช่ค่ะ
เปิดคลิปที่ออฟฟี่นั่งอยู่ด้วย คุณหนุ่มเห็นแล้วนะ?
หนุ่ม : เพิ่งเห็นนี่แหละครับ ไม่มีใครส่งให้เลย ผมคุยกับคุณแอน คุณแอนก็บอกว่าไม่รู้ คุณเจ เขาส่งมาให้ผมจริงๆ
แอน : ที่พูดว่าไม่รู้ มันมีเหตุผล เพราะพี่ออฟสั่งว่าห้ามทุกคนพูดกับพี่หนุ่ม เพราะพี่หนุ่มจะเอาเงินไปถือแล้วเขาจะไม่ได้เงินกลับมา
พ่อติ๊ก : ใช่
แอน : พ่อ แตงโม ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์บอกได้หมดว่าพี่ออฟเป็นคนพูด วันนั้นโทรติดต่อเพื่อขอเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน ตามที่พ่อบอกค่ะ แล้วเขาไม่โอนให้
ช่วงหน้าขอให้ออฟฟี่เป็นคนพูดเขาจะตอบได้ว่าอะไรคืออะไร ตอนนี้มองว่าเขาเป็นผู้ป่วยด้วย?
ไพศาล : ตามกฎหมายถือว่าจิตไม่ปกติอยู่
โจ : ที่เขาบอกว่าผมซื้อราคาต่ำกว่าตลาด ขอแย้งเลย เพราะเวลานั้นที่ผมซื้อ เป็นราคาที่เขาเหมือนประมูลมาจากหลายๆ ที่ ผมซื้อราคาค่อนข้างสมเหตุสมผล ณ ตอนนั้นที่สุด เพราะเขาแจ้งมาว่าผมซื้อราคาต่ำ หวานเจี๊ยบเลย โอ้โห ผมไม่ได้อยากได้ด้วยนะ เขาเป็นคนเสนอมา ผมเสนอราคาไป ถ้าคุณไม่พอใจก็ไม่ต้องขายผม คุณพอใจก็ติดต่อมา ผมไม่ได้บอกว่ามาขายผมเถอะ ผมค้าขายสุจริต ไม่เคยไปง้อซื้อใครด้วย พอใจก็เอามาขาย คุณไปเจอคนให้มากกว่าก็แล้วแต่คุณเลย ผมไม่สนใจ พอเขาติดต่อมาผมไปซื้อ ผมก็จ่ายเงินปกติ แต่เดี๋ยวมาหาว่าผมกดราคาหรือเปล่า ผมมองว่าไม่เป็นธรรมกับผม ผมอยากชี้แจงไว้ คนจะรู้ว่าผมเล่นรถปอร์เช่ราคาสูงอยู่แล้ว ถ้าผมซื้อถูกไม่มีใครมาขายผมหรอก แต่ผมมีรถเต็มเลย เพราะผมซื้อราคาสมเหตุสมผล แต่ผมเห็นในคอมเมนต์หรือคนพูดเขาบอกซื้อถูก คุณหนุ่มก็บอกว่าผมซื้อถูก ณ ปัจจุบันนั้น รถกระแสตกหมด ไม่มีใครเล่นเลยรถมือสอง ผมซื้อสวนกระแสเลย เอามา 2.5-2.6 ล้าน ผมซื้อ ส่วนทะเบียนเป็นราคาตั้ง ผมจะตั้งล้านนึงก็ได้ ผมเคยขาย กข. 911 พี่หนุ่มก็เคยติดต่อ ผมพอใจขาย 4 แสน แต่ถ้าผมถูกใจ ผมอาจขาย 2 แสนก็ได้
ถูกใจพี่หรือยัง ยังอยู่มั้ย?
โจ : มีผู้ใหญ่ซื้อไปแล้วครับ
แอน : ตรงค่าคอมมิชชั่น ตัวแอนไม่ได้นะคะ
ใครได้ไป?
แอน : แอนช่วยพี่ออฟทุกครั้งไม่เคยได้อะไร มีแต่เสีย เพราะคิดว่าแกคือพี่สาวคนนึง ไม่ว่าไปกินไปเที่ยวทุกอย่างแอนออกหมด ครั้งนี้แอนช่วยตั้งแต่จำนำกำไลคาร์เทียร์ ให้พี่ทนายเก่ง ช่วยโดยไม่ได้อะไรสักบาท พี่ทนายเก่งพร้อมคุยนะคะ เช็กได้ พี่โจให้ใครไป พี่โจพูดได้เลย ซึ่งมันหลายต่อมาก หนูไม่ได้รู้จักพี่โจโดยตรงนะคะ พี่ชายติดต่อไป แล้วให้เพื่อนติดต่อไป 4-5 ต่อนะคะ
โจ : แต่ละเขตจะมีนายหน้า เขตสายไหมผมก็มีนายหน้าอยู่ ก็จ่ายเงินไป
ออฟฟี่ วันนั้นทางนี้ยืนยันว่าหนูตัดสินใจขายเอง จริงมั้ย?
ออฟฟี่ : จริงค่ะ ไม่ได้รู้สึกว่าขายจริงๆ ขายโดยไม่รู้เรื่องว่าขาย รู้แหละแต่รู้สึกได้ว่าขายไปแล้ว แต่รู้ว่าตัวเองไม่ได้ยินยอม ไม่ได้เต็มใจ ตอนนั้นเต็มใจ แต่ตอนนี้ไม่เต็มใจ เพราะนึกออกแล้วว่าขายไม่ได้
ของซื้อของขาย ขายไปแล้วจะบอกว่าไม่เต็มใจขายก็คงไม่ได้ หรือตอนนั้นเราไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์?
ออฟฟี่ : ใช่ค่ะ ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ค่ะ
วันนี้กี่เปอร์เซ็นต์?
หนุ่ม : 70-80 เปอร์เซ็นต์ ผมพาไปหาหมอ ไปฝังเข็มตลอด
แอน : ไม่จริงเลยค่ะ ฝังเข็มตลอดคือแอน ถามพ่อ ถามแตงโมได้
พ่อติ๊ก : เริ่มต้นฝังเข็มต้องแอน ต่อเนื่องมา 12 ครั้ง แอนเป็นคนจ่ายเงิน หนุ่มพาไปบ้าง
แอน : แม้แต่เงิน 2 พันยังไม่จ่ายให้พี่ออฟเลย แอนคือคนนอกต้องจ่ายให้ แอนคิดกับพี่ออฟคือพี่สาวคนนึงเลย
หนุ่ม : ล่าสุดผมไปดูในแชต คุณแอนมีการเบิกเงินพ่อ 2.4 หมื่น ค่าฝังเข็ม 2 พันใช่มั้ย
แอน : แอนไม่ได้เบิก พ่อเป็นคนใช้หนี้คืนแอน
หนุ่ม : ผมโอนให้คุณแอน ตอนโอนจ่าย
แอน : โอนกี่ครั้งคะ
หนุ่ม : 2 ครั้งครับ
แอน : แต่ไปทั้งหมด 20 ครั้งนะคะ
หนุ่ม : 20 ครั้ง ถ้าอย่างนั้นผมเป็นคนพาไปตลอด แล้วพ่อมาอยู่ที่บ้านผม เพื่อนผม ลูกน้องผม ขับรถพาเขาไปฝังเข็มนะ ส่วนคุณแอนไปนัดเจอที่นั่นบ้าง พาไปบ้างผมไม่เถียง ต่างคนต่างช่วยกันดูแลออฟ ผมทำงาน มีบริษัทต้องดูแล ผมก็ต้องไปทำงาน
แอน : แอนก็มีงานค่ะ แต่แอนช่วยด้วยความเต็มใจ
หนุ่ม : ทุกคนก็ช่วยกันหมดครับ ส่วน 2.4 หมื่น ผมมีข้อความที่แอนให้โอนเข้าบัญชีเขาและบัญชีพี่หนู
แอน : ตอนนั้นพี่ออฟเป็นคนบอกว่าเงินอยู่ที่พี่หนุ่ม 4.5 แสน จำนำกำไลคาร์เทียร์และขายนาฬิกา ในเมื่อพี่หนุ่มไม่โอนมาให้พี่ออฟสักที ให้แอนเบิกเลย คุณหมอคนฝังเข็มยังได้ยินเลย ให้แอนเบิกพี่หนุ่มเลย 2 พัน
หนุ่ม : การจำนำคาร์เทียร์ ผมก็ไถ่ออกมาและโอนให้พี่ทนาย ผมมีคลิปที่เขาเสนอเอารถไปฝาก คุณแอนจะเอารถไปขายก่อนรอบแรก บอกว่าถ้ามีเงินเมื่อไหร่ ค่อยเอาออก แล้วเขาป่วยหนักขนาดนี้ งานไม่มีทำ เขาจะเอารถออกได้ไง สภาวะแบบนี้ คุณแอนเข้ามาในครอบครัวผม คุณแอนคือคนนอก เข้ามาขออนุญาตเยี่ยมด้วยซ้ำ แต่ทำไมมาทำการขาย ติดต่อการซื้อขายโดยไม่บอกผม
แอน : ตอนไม่ได้เงินพูดกับแอนอีกอย่างนึง ให้แอนช่วย โทรถามทนายเก่งได้ แอนกราบขอพี่ทนายเก่ง
หนุ่ม : ผมอัดเสียงไว้ พี่เก่งบอกว่าเขาไม่อยากยุ่งเรื่องนี้ เขาเป็นคนเสนอรถแฟนผมให้
แอน : ณ ตอนนั้นจะโดนยึดอยู่แล้ว
หนุ่ม : จะโดนยึดได้ไง ผมเป็นคนจ่าย
แอน : โอ้โห เงินที่พี่จ่ายเป็นเงินพี่ออฟ ขายนาฬิกามาได้ ไม่ใช่เงินพี่ พี่ถามพี่เจดีกว่า
หนุ่ม : ผมตกลงตอนเขาป่วยถ้าจำเป็นต้องขายอะไรก็ต้องขายไป นาฬิกาเขาฝากที่ผม ก็ขายไปประคอง ผมโอนให้พี่เจนะ
เจ : เงินที่จ่ายหนี้ทั้งหมด เป็นเงินที่ขายของมาจากออฟ ซึ่งเงินตรงนั้นอยู่ที่พี่หนุ่ม ผมเป็นคนเบิกจ่าย พี่หนุ่มโอนให้ผมในการจ่ายหนี้สินออฟ เงินที่ได้ทั้งหมดเป็นเงินจากออฟในการขายนาฬิกา ไม่ใช่เงินส่วนตัวพี่หนุ่มนะครับ
หนุ่ม : เปิดคลิปที่พ่อบอกให้ผมทำธุรกรรมทางการเงินมั้ยครับ เพราะผมเป็นคนดูแลเขาตลอด ก่อนหน้านั้นผมอยู่อย่างสามีภรรยา ก็ดูแลเขาตลอด เขาป่วยก็ฝากไว้ที่ผม ดูได้เลย
เปิดคลิปพ่อบอกให้หนุ่มดูแล เพราะไว้ใจหนุ่ม หนุ่มกำลังยืนยันว่ามีการพูดกันแล้วให้คุณดูแลทั้งหมด ทำไมตอนขายไม่บอกคุณ?
หนุ่ม : ใช่ครับ เขาผ่าตัดสมองถึง 2 ครั้ง การทำธุรกรรมทำไปได้ไง ทำไมไม่บอกผม ทำไมต้องปิดบังกันด้วย สองผมมองว่าที่เขาถ่ายคลิปยืนยันเพื่ออะไร แสดงว่าเขาไม่มั่นใจว่าออฟฟี่ป่วยอยู่ ถึงได้ถ่ายคลิปตรงนี้ ถูกต้องมั้ย พี่ขายรถกี่ปีแล้วครับ
โจ : ก็ต้องเป็นสิบปีครับ
หนุ่ม : พี่ถ่ายคลิปไว้มั้ยคนที่มาซื้อ
โจ : ก็ส่วนใหญ่ครับ
คุณจะถามว่าทำไมวันนั้นถึงมีการถ่ายคลิป?
โจ : ผมถ่ายไว้เป็นหลักฐานอยู่แล้วครับ รถราคาสูงหรือไม่สูงผมก็ถ่ายครับ
มีคลิปยืนยัน?
โจ : เยอะครับ หลักร้อยครับ
พ่อจะพูดอะไร?
พ่อติ๊ก : คลิปไลฟ์สดวันนั้นจะบอกว่าพ่อรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ต้องยอมรับ ตอนนั้นพ่อคิดว่าออฟเขาป่วยอยู่กับหนุ่ม แล้วพ่ออยู่ต่างนจังหวัด พ่อถึงได้พูดคำนั้นไป แต่พอสัมผัสจริงๆ หลายเรื่อง หนุ่มไม่เวิร์กเหมือนที่คิดไว้ ให้ทำธุรกรรมติดต่อง่ายๆ อย่างเรื่องประกันที่ออฟจะได้ 5 แสน เขาก็ไม่ทำ พ่อต้องให้เจไปทำในช่วงหลังๆ เงิน 5 แสนยังไม่ได้ เจส่งหลักฐานให้ประกันตลอด
หนุ่ม : ผมส่งนะครับ ล่าสุดผมก็ทำตลอด
พ่อติ๊ก : ไม่ๆ เจยืนยันได้เลย
เจ : ตั้งแต่ 22 พ.ค. ถึง 29 มิ.ย. ผมเป็นคนส่งให้ประกันเองทุกอย่าง จนผมโดนพี่หนุ่มด่า แต่ผมก็เลือกที่จะเงียบ จนผมบอกพ่อว่าผมขอถอนตัวในการช่วยเหลือทุกอย่าง และทุกธุรกรรมทางการเงินของออฟที่ผมได้รับมอบอำนาจจากออฟ รวมถึงการไปขึ้นศาล เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. ด้วยครับ
การเงินของออฟคืออะไร?
หนุ่ม : ค่าใช้จ่ายทั้งหมด เวลาซื้อขายอะไรก็เก็บไว้ จะได้เป็นหลักฐาน ผมตกลงกับพี่เจ วันนึงเขาฟื้นขึ้นมาเขาจะได้รู้ แต่บางอย่างตกหล่นไปผมก็ยินดีที่จะช่วย เพราะตัวผมเองอะไรก็ตามที่ตกหล่นผมยินดีออกให้ ผมจดรายละเอียดทิ้งไว้ ผมก็มีบิลสลิปทุกอย่าง ที่ระบุไว้ว่าทำอะไรบ้าง ผมก็บอกว่าถ้าเงินขาดตกตรงไหนผมโอนให้ได้ เพราะผมเป็นนักธุรกิจ ผมไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินขนาดนั้น มีอะไรผมก็ช่วยแฟนผมเสมอมา
เจ : นั่นคือบัญชีค่าใช้จ่ายทั้งหมด ว่าเงินเข้าวันไหนอะไรบ้าง ผม แอน พ่อ เป็นคนทำ ใช้คำว่าผู้จัดการไม่ได้ด้วยซ้ำ เพราะผมไม่ได้รับเงินแม้แต่บาทเดียว ผมเข้ามาช่วยด้วยใจ พ่อเป็นคนยกมือไหว้ขอให้ผมมาช่วยได้มั้ย เพราะผมไม่อยากเข้ามายุ่งเรื่องนี้เลยตั้งแต่แรก ที่เข้ามาช่วยเพราะเห็นแก่พ่อและแตงโม แค่นั้น
ทำไมวันนี้พ่อมองว่าหนุ่มไม่เวิร์ก?
พ่อติ๊ก : หลายๆ เรื่อง ตั้งแต่เริ่มต้นขายนาฬิกา 4 แสน นาฬิกาของออฟ จำนำคาร์เทียร์ 5 หมื่น เงินอยู่ที่หนุ่ม 4.5 แสน
จริงมั้ย?
หนุ่ม : จริงครับ เขาให้ผมดูแล ผมก็ดูแล ออฟฟี่บอกว่าถ้าสมมติเราป่วย นาฬิกานี้เอามาขายก่อน หนูไม่มีเงินติดตัว ผมก็บอกว่าถ้าจะขายนาฬิกาก็ให้ประคองจนกว่าเขาจะหาย ผมก็พยายามบอกว่าถ้าขายเอามาใช้จ่ายส่วนตัว ผมต้องจ่ายเงินเดือนแม่กาญจน์ เงินเดือนพ่อ ค่าน้ำค่าไฟต่อเดือนเป็นหมื่น ผมมีพนักงาน ลูกน้องเป็นสิบคนที่ทำงานกับผมอยู่ ผมมีการแยกบัญชี เราทำตรงนี้ๆ ไว้นะ
คุณไม่ได้เอาไปใช้ส่วนตัว?
หนุ่ม : ไม่มีอยู่แล้วครับ ถึงใช้ส่วนตัวถ้ามีตกหล่นอะไรก็ตาม ผมยินดีเอามาใช้ให้เขา เพราะเวลาโอนมาเงินมันก็รวมๆ ไว้ ถ้าตกหล่นตรงไหนก็เบิกที่ผมได้ บางครั้งที่ช้าเพราะผมทำงาน
คุณทำบัญชีไว้หมดมั้ย?
หนุ่ม : หมดครับ ค่าใช่จ่าย สลิปทุกอย่างมีหมด ฝั่งเขามีหรือเปล่า สอง ผมคาใจเรื่องนึง คนซื้อผมมองว่าไม่ได้ผิดอะไร พี่โจไม่ได้รู้เรื่องอะไร ทำไมวันที่ขายทำไมไม่บอกผม แอบทำกัน คุณแอนเข้ามายุ่งทำไม เพราะเป็นคนนอก
แอน : ถ้าพี่รู้ว่าพี่โจไม่ผิด แล้วพี่ลงอย่างนั้นทำไมว่ารถหาย ทั้งที่พี่ติดต่อเขาได้ แต่ไม่คุย พี่ออฟเป็นคนขอร้องให้ขาย
หนุ่ม : ทำไมไม่บอกผมล่ะครับ
แอน : โทรหาคุณเป็นสิบๆ รอบ คุณไม่รับสาย
หนุ่ม : ทำไมจะไม่รับ
พ่อว่าไง?
พ่อติ๊ก : ที่พ่อพูดว่าไม่เวิร์ก ตอนเขาป่วยติดเตียง คนดูแลคือแม่กาญจน์ แม่เลี้ยงเขา สิบวันอยู่กับหนุ่ม หนุ่มลงมาดูออฟเองไม่ถึง 5 นาที และไม่กี่ครั้งด้วยซ้ำ คนเช็ดอุจจาระ ปัสสาวะ ทำให้ออฟทุกอย่างคือแม่กาญจน์ เงินที่จะเบิก ตอนแรกหนุ่มตกลงกับแม่กาญจน์จะให้เขาหมื่นแปดหรือสองหมื่น ถ้าจ้างคนอื่นต้อง 3-4 หมื่น พ่อต้องถามหนุ่ม วันที่ได้เงิน 4.5 แสน เงียบไปเกือบเดือน พ่อไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมหนุ่มไม่บอกพ่อ หนุ่มบอกเจกับแอนเองว่าไม่ให้บอกพ่อ
แอน : ทั้งพี่ออฟและพี่หนุ่ม ให้แอนช่วยเอานาฬิกา-กำไลไปขาย หาเงินมาดูแลพี่ออฟ แอนก็ช่วย พอแอนช่วย พี่หนุ่มไม่ได้บอกพ่อ แล้วหนุ่มบอกพี่เจว่าไม่อยากให้บอกพ่อ เพราะพี่ออฟบอกว่าพ่อใช้ไม่ได้ ถ้ารู้เรื่องเงินก็จะเอาแต่เงิน มีคลิปเสียงที่พี่หนุ่มพูดนะคะ แล้วด่าพ่อสารพัด ด่าสั-ว์ ระยำ หมา
หนุ่ม : วันนั้นแม่กาญจน์บอกให้ฟ้อง รถผมหายไป โทสะที่มี ผมโกรธอยู่แล้ว ทำไมเอารถผมไปขาย แล้วมาหลอกว่าเอาไปต่อพรบ.
แอน : เขาโทรหาแทบตาย
หนุ่ม : ไม่ตายหรอกครับ
แอน : ไม่อยากโอนคืนเงินให้พี่ออฟ 10 คนวันนั้นรู้หมด
หนุ่ม : คุณเป็นคนนอกด้วยซ้ำ แล้วคุณมาเอารถผมขายไป
แอน : พ่อก็ไม่ใช่คนนอกเนอะ พ่อก็โทรไป
หนุ่ม : ไม่ต้องไปมุ่งที่คนอื่น ผมหมายถึงพี่แอน พี่โจเขาไม่เกี่ยวอะไร เขาซื้อถูกต้อง
แอน : ถ้าซื้อถูกต้องก็แสดงว่าตัดสินใจขายถูกต้องสิคะ
หนุ่ม : ผมไม่รู้นี่ครับ คุณทำไมไม่บอกผม
แอน : ไม่บอกเพราะพี่ออฟไม่ให้บอก ถามแตงโมลูกสาวมั้ย
หนุ่ม : ทุพลภาพแบบนี้ พูดวกไปวนมา
แอน : ถ้าทุพลภาพ ทำไมไปจดทะเบียนสมรสได้ล่ะคะ
หนุ่ม : ก็ตอนนี้เขารู้เรื่องไงครับ
แอน : ณ ตอนนั้นพี่ออฟยังไม่ได้เข้ารพ.อีกสามรอบนะคะ อาการแย่มากตอนอยู่กับพี่หนุ่ม
หนุ่ม : แต่ผมก็ดูแลนี่ครับ
แอน : เจเป็นคนอุ้มไปหาหมอค่า
หนุ่ม : พ่อเอายาอะไรให้เขากิน 2 เม็ดต่อวัน เป็นยานอกใบสั่ง
พ่อติ๊ก : ยานั้นเป็นยาก่อนนอน ยาก่อนนอนเขาหมด
หนุ่ม : ผมไม่รู้เจตนาพ่อนี่ครับ
พ่อติ๊ก : จะเจตนาอะไร พ่อเป็นพ่อแท้ๆ
แอน : ทุพลภาพต้องให้ศาลสั่งมั้ยคะ
วันนี้ธงทางนี้เอาไง อยากได้อะไร?
แอน : ถามเขาดีกว่า ว่าเขาอยากได้อะไร ทางนี้ไม่มีปัญหาเลย
หนุ่ม : แฟนผมร้องไห้ เขาอยากได้รถคืน วันนั้นเขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร
แอน : ทำไมตอนที่ถามตอนมีเงินอยู่ครบ ว่าเอาคืนมั้ย ติดต่อพี่โจ คลิปเสียงแอนมี
หนุ่ม : ผมไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าคุณเอาไปขายหรือคุณเอาไปจำนำ คุณไม่ได้บอกผม คุณบอกผมแค่ว่าคุณไม่รู้ๆ ผมทะเลาะกับคุณพ่อก็เพราะคุณนี่แหละ
แอน : โห กล้าพูด สั-ว์ ระยำ หมาซะขนาดนั้น
หนุ่ม : คุณติดต่อพี่เก่งทำไม มาเอารถที่บ้านผม ผมมีคลิปเสียง ทนายคุณบอกผมเอง
แอน : พี่เก่งบอกว่ามีปัญหา แอนให้พี่เก่งช่วยจำนำคาร์เทียร์ ณ วันนั้นจำนำคาร์เทียร์ได้ ยังขายนาฬิกาไม่ได้ แล้วมีหมายศาลมา มันต้องจ่าย เงินแค่หมื่นเดียว เบิกพี่หนุ่มเท่าไหร่ก็ไม่ยอมให้ จนพี่ออฟโดนฟ้อง ก็เลยไปคุยกับพี่เก่ง พี่เก่งบอกว่าถ้าโดนฟ้องแล้วพี่ยุ่งไม่ได้ ถ้าจะหยุดค่าใช้จ่ายทั้งหมด เอารถไว้ที่พี่เก่งได้ พี่เก่งช่วยได้ แค่นั้น
อยากได้อะไร?
หนุ่ม : เขาป่วย ผมแค่ต้องการสิทธิ์ ตอนขายเขาไม่รู้เรื่อง ผมคุยกับพี่โจ เขาก็ซื้อโดยบริสุทธิ์ใจ แต่ทำไมวันที่ขายถึงไม่บอกผม รถคันนี้ผมมองว่าภรรยาผมเขารัก
ใครผ่อน?
หนุ่ม : ผมกับเขาช่วยกันผ่อน
ค้างค่างวดมั้ย?
หนุ่ม : ค้างครับ แต่ผมมีการจ่ายให้เขา ตั้งแต่ขายนาฬิกาก็โอนจ่ายค่ารถพอร์ชและอัลพาร์ด และค่าติดหนี้พี่เจ ผมก็จ่ายให้ ก่อนหน้าเขาป่วย แต่ก่อนเขาป่วย ผมก็มีการโอนเงินให้ ผมจัดการให้พี่เจตลอด
สิ่งที่คุณต้องการคืออะไร?
หนุ่ม : เวลาผมถามพ่อ พ่อบ่ายเบี่ยง บอก 2.3 ล้านบ้าง 2.5 ล้านบ้าง ผมไม่แน่ใจว่าเท่าไหร่
พ่อติ๊ก : วันนั้นพ่อบอกว่าขายได้ 2 ล้านกว่า ได้กลับมา 9 แสน เงินอยู่ในบัญชีแตงโมทั้งหมด ไม่ได้เกี่ยวอะไรเลย
แอน : ตอนนี้เงินไปอยู่กับพี่หนุ่มหมดแล้วค่ะ
พ่อติ๊ก : หนุ่มโยกเข้าบัญชีหนุ่มหมดแล้ว
พฤกษ์ : เงินตอนแรกโอนให้น้องแตงโม 9 แสน พอพี่หนุ่มไปแจ้งความที่สายไหม พ่อให้แตงโมโอนมาให้พี่ออฟฟี่ ที่เหลืออยู่ 4 แสน ถ้าพ่อตรงๆ จริง พี่โอนมาบัญชีพี่ออฟฟี่ก็ได้นะ ไม่จำเป็นต้องโอนไปที่บัญชีแตงโมก็ได้นะ
พ่อติ๊ก : ก็เพราะทุกคนรู้ว่าออฟฟี่ไม่อยากให้โอนเงินไปที่ซีกนี้ ออฟบอกไว้ที่นี่
พฤกษ์ : ถ้าพ่อไม่ไว้ใจ แล้วพ่อโอนมาให้ทำไม
พ่อติ๊ก : เพราะหนุ่มบอกที่เหลือเขาจะอายัดไว้ เขาบอกว่าเอามาไว้ที่ออฟ พ่อไม่รู้เรื่องกฎหมายเลย พ่อโอนให้โดยบริสุทธิ์ใจ เขาถามว่าเป็นไงเรื่องขายรถ พ่อก็บอกว่าออฟรู้เรื่องดี เขายินดีขาย
พฤกษ์ : พ่อบอกว่าไม่มีอะไร พี่หนุ่มใจร้อนเฉยๆ
พ่อติ๊ก : ก็เพราะออฟมันขายจริง แค่นั้น ทำไมพูดแบบนั้น โอ้ย ไม่ได้อัดเสียงไว้
ตอนนี้เงินอยู่ที่ใคร?
หนุ่ม : ผมถอนไว้ หนึ่งถอนเก็บไว้ให้เขาเลย กลัวว่าถ้าวันนึงมีการซื้อคืน ก็จะซื้อคืนจากพี่โจ ถ้าราคาแบบนี้ ผมสามารถเอาเงินตรงนี้ไปซื้อคืนได้มั้ย สองการขายผมไม่รับรู้ เพราะตอนนี้ผมรู้แล้วว่าเกิดขึ้นยังไงบ้าง ผมยอมรับกับสิ่งที่เกิดไปแล้ว ก็ให้เป็นเรื่องกฎหมาย อะไรก็ตามที่เขาไปทำธุรกรรมกัน ผมไม่รู้เรื่อง ก็ตามนั้นแหละครับ
มุมนี้ต้องการยังไง?
ทนายโจ : ที่บอกว่าซื้อรถมา 6 ล้าน เป็นรถมือสอง ไม่ได้ซื้อมา 6 ล้าน เป็นมือที่สามแล้ว กรณีไปตามหารถ ก็ไปแจ้งความ แล้วตร.ไปบุกที่บ้าน
พฤกษ์ : วันนั้นผมให้สภ.ปากเกร็ดไปคุย พี่ผู้หญิงคนนี้บอกว่าเข้ามาคุยกัน
หนุ่ม : เดี๋ยวมันจะบุกรุก ผมก็ขออนุญาตเขา
เขาไปตามรถ?
ทนายโจ : มันเป็นบ้าน ไม่ใช่เต็นท์ไงครับ จะเข้ามา น่าจะรู้ตั้งแต่แรกว่าตามทะเบียนรถยังได้เลย ถ้ารู้ว่าใครเป็นคนขายก็น่าจะติดต่อได้ ไม่ใช่เอาตร.บุกเข้ามา
แอน : หลังไปตามทุกอย่าง เขาก็ถ่ายรูปแล้วมาโพสต์ตามหารถหาย ทั้งที่รู้ว่ารถอยู่ไหน
ทนายโจ : ณ ตอนนี้คนคอมเมนต์ คอมเมนต์ว่าคุณโจยักยอก และรับของโจร คุณจะเยียวยายังไงตรงนี้ คุณใช้สิทธิ์ได้นะครับ แต่ตรงนี้เกิดเรื่องไปไกลแล้วครับ ณ ตอนนั้นที่มา คุณหนุ่มก็บอกว่าเป็นสามี จดทะเบียน 5-6 ปี ที่แจ้งเจ้าหน้าที่
หนุ่ม : ไม่ครับ ตอนที่ผมไปที่เขตกัน จะไปจดทะเบียนสมรส เพราะมีบ้านที่เราทำร่วมกัน แต่ ณ วันนั้นผมจดไม่เสร็จเพราะออฟเขามีงานต่อ มีไลฟ์สดต่อ ผมก็เอกสารไม่ครบ ปรากฏว่าตั้งแต่วันขายรถ ผมรู้สึกว่าภรรยาผมเริ่มไม่ปลอดภัยเพราะเงินหายไป ผมก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเขา ก็ต้องจดทะเบียนสมรสกัน อะไรก็ตามที่นอกเหนือจากนี้ก็ยินดี
เขาพาภรรยาไปหารถ ตอนนั้นจดทะเบียนแล้ว คุณโจเป็นพ่อค้าซื้อรถ ก็ซื้อไปโดยสุจริตใจ มีการถ่ายคลิปเป็นหลักฐาน เพราะการซื้อรถก็ต้องดูก่อนว่าใครขายอะไร แอนเองก็บอกว่าทุกอย่างทำภายใต้เงื่อนไขที่ออฟฟี่เป็นคนบอก พ่อยืนยันว่าตัดสินใจผิดพลาดที่ให้ฝั่งนี้ดูแล เพราะไม่เวิร์ก ฝั่งเจบอกว่าเจดูแลเรื่องออฟฟี่ ไม่เคยได้เงิน ดูให้ด้วยใจ เมเนทธุรกรรมทางการเงินให้ออฟฟี่ตลอดเวลา?
เจ : เป็นคนเจรจาหนี้ทั้งหมดครับ
ทางนี้ใช้หนี้มั้ย?
เจ : โอนให้ผมไปชำระหนี้จริง แต่เงินที่โอนทั้งหมดเป็นเงินของออฟ ผมก็แจ้งตามนี้ครับ
แล้วหนี้เป็นของใคร?
เจ : หนี้ก็ของออฟครับ พี่หนุ่มเป็นคนถือเงินออฟ และโอนให้ผม
แล้วคุณอยากให้เป็นยังไง?
เจ : ผมไม่ได้อยากให้เป็นยังไง ผมแค่มาชี้แจงว่าที่มาที่ไปเงินเขาเป็นยังไง
คุณก็ยืนยันได้ว่าหนุ่มโอนเงินของออฟให้คุณใช้หนี้จริง?
เจ : ใช่ครับ
ที่แอนบอกว่าทางนี้ไม่เคยใช้จ่ายเลยคืออะไร?
แอน : ไม่เคยใช้จ่ายด้วยเงินของเขา เพราะแม่เจบอกว่าเป็นเงินของเขาได้ไง เป็นเงินของออฟที่อยู่กับเขา แล้วเขาโอนมาให้
พ่อติ๊ก : เขาตัดยอดหมดเลย ค่าทิชชู่ก็ตัดให้
หนุ่ม : ก็พ่อบอกให้ทำอย่างละเอียดๆ ไง
พ่อติ๊ก : ก็ไม่เป็นไร แต่ไม่ใช่ไปพูดว่าเป็นเงินของตัวเอง
หนุ่ม : ก็พ่อให้ผมดูแลทำธุรกรรมของออฟนี่ครับ
แอน : แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเงินเขาคือเงินของเรา แล้วไปออกหน้าว่านี่คือเงินผมที่ดูแลภรรยา
หนุ่ม : แล้วผมผิดอะไร ผมโอนให้แล้ว
แอน : มันเป็นทรัพย์สินที่พี่ออฟหามาได้ด้วยตัวเอง เป็นเงินของเขา เข้าใจมั้ยคะ ถ้าเงินที่ไม่ได้มีหยาดเหงื่อแรงงานของหนู หนูไม่กล้าพูดหรอกว่านี่คือเงินหนู มันคือเงินพี่ออฟ
หนุ่ม : พี่แอนเป็นคนนอกนะครับ
แอน : หนูเป็นคนอก แต่จ่ายมากกว่าพี่เลยค่า
หนุ่ม : แต่ผมโอนจ่ายพี่แอน เงินล่าสุดพี่แอนเรียกเก็บจากผมอยู่เลย
แอน : เป็นสามีทำไมไม่ไปดูแล
หนุ่ม : เขาอยู่บ้านผมตลอดนะครับ
ออฟฟี่สมัครใจให้หนุ่มดูแลเงินคุณหรือเปล่า?
ออฟฟี่ : สมัครใจค่ะ
สมัครใจให้เขาทำธุรกรรมทางการเงินให้คุณใช่มั้ย?
ออฟฟี่ : ค่ะ โอเคค่ะ
เรื่องรถคุณโอเคมั้ยที่ขายไป?
ออฟฟี่ : ไม่โอเคค่ะ ตอนแรกๆ ไม่รู้ว่าเป็นยังไง ตอนนี้รู้แล้ว คาดหวังว่าจะได้คืนกลับมา แต่ไม่รู้ว่าจะได้คืนมั้ย
วันนี้จะทำยังไง ทางฝั่งนี้ก็ครอบครัว ฝั่งนี้ก็สามี เขามีปัญหากันแบบนี้ อึดอัดมั้ย?
ออฟฟี่ : อึดอัดใจมาก ไม่รู้จะทำยังไงดีค่ะ
ออฟฟี่อาจต้องคิด และตัดสินใจ ทางสามีเขาบอกว่าโอนเงินให้ แต่ทางนี้บอกว่าเป็นเงินออฟฟี่ เราก็อยากได้ยินว่าออฟฟี่ยืนยันมั้ยว่าให้หนุ่มดูแลเรื่องเงิน?
ออฟฟี่ : ยืนยันค่ะ
แอน : ทางนี้ไม่ได้ติดใจ แต่เขาพูดว่าเป็นเงินเขา
ใช้คำว่าเงินของผมได้มั้ย?
ออฟฟี่ : ใช้ได้ค่ะ มันไม่ถูกไม่ควรตรงไหน อธิบายหน่อย
คุณเป็นผัวเมียกันก็ใช้เงินด้วยกัน เงินคุณคือเงินเขาอย่างนั้นเหรอ?
ออฟฟี่ : ใช่ค่ะ
ทางนี้มองไง?
พ่อติ๊ก : ไม่รู้จะพูดยังไง เขาจดทะเบียนตอนมีเรื่อง ถ้าจะจดต้องจดนานแล้ว
แอน : ต้องดูเจตนาด้วยค่ะ
ออฟฟี่ไม่ได้ถูกหนุ่มบังคับใช่มั้ย?
ออฟฟี่ : ไม่ใช่ค่ะ ทางนี้ก็เสียใจเหมือนกัน มีอะไรหลายอย่างไม่เคยพูดให้ฟังเหมือนกัน ฝั่งคุณแอน มันอัดอั้นตันใจ ไม่คุยกับเราเลย
เขาบอกว่าวันนั้นออฟฟี่ก็อยู่ในที่ขายรถนะ?
ออฟฟี่ : ใช่ค่ะ แต่มันพูดไม่ถูก สติสัมปชัญญะไม่ครบค่ะ เลยพูดไปอย่างนั้นค่ะว่าโอนนะ อะไรแบบนี้ค่ะ
ที่ปั๊มลายนิ้วมือ เหมือนคุณสมัครใจ?
ออฟฟี่ : ตอนนั้นไม่รู้ค่ะ หลังจากนี้ก็อยากได้คืนค่ะ
ทางนี้จะว่าไง?
แอน : แอนถามว่าอยากได้คืนเงินยังอยู่ทุกบาททุกสตางค์มั้ย แอนถามเดือนสองเดือนแล้ว แต่บอกว่าผมไม่ได้อยากรู้ครับ ผมอยากรู้ว่าขายทำไมเพราะเหตุใด พูดว่าอยากได้รถคืน แต่เอาเงินเขาไปใช้แทบหมดแล้ว
หนุ่ม : ผมใช้เงินเขาเหรอครับ ผมมีปัญญา นัดเจรจากันได้ครับ คุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมมีเงินในบัญชีเท่าไหร่ เดี๋ยวผมนัดเจรจากับพี่เขาเอง คุณเป็นคนนอกครับ
แอน : ต้องถามเขาด้วยว่าอยากเจรจามั้ย
สุดท้ายจะมีข้อกฎหมายออกมา คุณมีทนายก็จะรู้ข้อกฎหมายอยู่แล้ว?
เจ : ถ้าบอกว่าไม่มีสติสัมปชัญญะ แสดงว่าวันที่มอบหมายให้หนูไปขึ้นศาล หนูทำผิดเองใช่มั้ย
แอน : พี่ออฟมอบอำนาจให้พี่เจขึ้นศาลเอง
หนุ่ม : เดือนเดียวหลังเขาออกจากรพ.
เจ : ขึ้นศาลประนอมหนี้บัตรเครดิตครับ เอกสารฉบับนี้ผมส่งให้ทีมงานไปแล้ว ทำวันที่เท่าไหร่ยังไง ต้องมีการมอบอำนาจให้ผมขึ้นไป ผมรู้สึกว่าทำเอกสารฉบับนี้วันที่ 10 ให้ผมไปขึ้นศาลแทน
ทนายคนกลาง ไม่ได้เข้าข้างใคร ฟังมาตั้งหมด สรุปยังไง?
ไพศาล : เรื่องนี้มีชื่อเรื่องว่าขายรถทำไมไม่บอกกู พูดตรงๆ ไม่เข้าข้างใครนะ เรื่องแรก การทำนิติกรรมใดๆ กับคนวิกลจริต กฎหมายคุ้มครองตามมาตรา 30 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ว่าการกระทำใดๆ กับบุคคลวิกลจริต จะเป็นโมฆียะ ต่อเมื่อหนึ่ง ขณะที่ทำเขายังเป็นคนวิกลจริตอยู่ สองผู้ทำนิติกรรมรู้ถึงการวิกลจริต ตามมาตรา 30 จะกลายเป็นโมฆียะ หรือผู้แทนโดยชอบธรรมสามารถบอกล้างได้ เรื่องแรก ในข้อเท็จจริงที่ฟัง ทนายพูดว่าเขาเซ็นรู้ว่ามีอาการป่วย มือไม่สามารถใช้ได้ ให้ปั๊มลายนิ้วมือ โดยวิญญูชนต้องถามว่าป่วยเรื่องอะไร มีการผ่าตัดสมอง คำว่าจิต สภาพอาการทางจิตไม่ปกติ ก็ต้องรู้ได้อยู่แล้วว่าเขามีสภาพไม่ปกติ มีอาการวิกลจริต แสดงว่าขณะกระทำทางนี้ก็รู้ ฉะนั้นนิติกรรมอันนี้เป็นโมฆียะไปแล้ว แต่บอกล้างได้ ขณะที่ตัววิกลจริต ศาลยังไม่สั่งเป็นบุคคลไร้ความสามารรถ ยังไม่มีผู้อภิบาล เขาก็ถือว่าเป็นคนปกติคนนึง เขาบอกล้างได้ แต่ทนายฝั่งนี้ จดทะเบียนสมรสเลยจะได้มีสิทธิ์ แต่ไม่ใช่ บุคคลวิกลจริต ตามมาตรา 1449 เขาบอกว่าบุคคลที่วิกลจริตแต่ศาลยังไม่สั่ง จดทะเบียนสมรสไม่ได้
ที่เขาขายรถไปที่ปั๊มลายนิ้วมือก็ไม่ได้?
ไพศาล : ก็เป็นโมฆียะ เขาไม่อยากขาย ก็บอกล้าง ก็เป็นโมฆะ ก็ต้องคืนเงิน และคืนรถไป เรื่องมีเท่านี้เลย ทางนี้จดทะเบียน 1449 บอกว่าคนวิกลจริต จดทะเบียนสมรสไม่ได้ ประเด็นเรื่องทรัพย์ต้องคืน พ่อกับผัวใครมีสิทธิ์กว่ากัน นี่จดหลังเป็นโมฆะ จดไม่ได้ สิทธิพ่อดีกว่า พ่อทำคำร้องถึงศาล ว่าทางนี้เป็นบุคคลไร้ความสามารถ พ่อเป็นผู้อนุบาลเลย มีสิทธิ์บอกล้างได้ ดูเหมือนทางหนุ่มได้เปรียบ ส่วนที่มอบอำนาจขึ้นศาล ก็ถือว่ามอบได้ ถ้าเขายกเลิกก็ได้ ภาษาชาวบ้านง่ายๆ ที่เถียงกันมาทั้งหมด การติดตามทวงทรัพย์คืน ได้ แต่คู่สมรสต้องติดตามทวงทรัพย์ระหว่างสมรส แต่เท่าที่ฟัง รถคันนี้เป็นทรัพย์สินส่วนตัว ไม่ใช่สินสมรส ผู้ครอบครองกรรมสิทธิ์คือาเงินติดล้อ แต่หลังจดทะเบียนสมรสก็ไปตามได้ เพราะไม่มีใครยื่นเป็นบุคคลไร้ความสามารถ ส่วนที่โพสต์ไม่เห็นว่าเขาโพสต์ว่าอะไร ถ้าโพสต์แค่นี้ไม่ถือว่าหมิ่นประมาท แต่คอมเมนต์ก็เป็นเรื่องคนคอมเมนต์ ก็ไปฟ้องคนคอมเมนต์ แต่ถ้าสู้กันสองฝ่าย สิทธิ์ทางโจดีกว่า เขาซื้อถูกหรือแพงเป็นความพอใจของเขาที่ตกลงกัน สังคมถามว่าแอนเกี่ยวไรเป็นคนนอก การขายรถ แอนไม่ได้รับผลประโยชน์จากการขายรถ ทุกกิจการไม่เคยได้รับประโยชน์ ก็นำสืบได้ว่าแอนเป็นบุคคลภายนอกที่เจตนาดี ฉะนั้นตัดไป แต่เขาจะมีปัญหาโต้แย้ง มีวิวาทะ พิพาทกันก็คนละประเด็น ส่วนที่ซื้อขายทางโจดีแคลร์ได้ สังคมจะถามว่าพ่อเอารถลูกไปขายได้ยังไง เงินที่ได้มา พ่อเอาไปใช้ส่วนตัวมั้ย
พ่อติ๊ก : ไม่เลยครับ
เจ : เงินที่ได้จากการขายรถ ทุกบาททุกสตางค์ เป็นการใช้จ่ายชำระหนี้สินคุณอรพรรณ และเป็นค่าใช้จ่ายในบ้านทั้งหมดครับ
สรุปยังไง?
ไพศาล : เป็นโมฆียะ รถต้องคืน
ทนายโจ : ไม่น่าเป็นโมฆียะ ตัวคนวิกลจริตจะบอกล้างเองไม่ได้
ไพศาล : เขามีสิทธิ์บอกล้างได้ แม้แต่ภายหลังเขามีสติแล้ว เขารู้แล้ว เขาบอกล้างได้ แต่ถ้าเขายังไม่รู้สิ ต้องให้ใครไปตั้งเป็นบุคคลไร้ความสามารถ เป็นผู้อนุบาล ผัวหรือพ่อมีอยู่สองสิทธิ์ ใครชิงชดก่อน แต่ตอนนี้ศาลยังไม่สั่งเป็นผู้ไร้ความสามารถ ซึ่งตอนนี้เขารู้ตัวแล้ว เขาบอกว่าเขาไม่เอา
ทนายโจ : ก่อนหน้านี้ก็รู้ตัวแล้ว ก่อนทำนิติกรรมมีการมอบอำนาจให้ผู้จัดการไปขึ้นศาล ตอนที่อยู่ด้วยกัน ตอนซื้อขายด้วยกันก็รู้ตัว มีการพยักหน้า เหมือนกันตอนนี้ที่บอกว่าไม่อยากขายแล้ว ฉะนั้นรู้ตัวตลอดเวลาเลย แล้วจะบอกว่าจังหวะไหนเป็นคนวิกลจริต
ไพศาล : นี่ไงถึงบอกกว่ากฎหมายกลับไปกลับมาได้ กฎหมายคุ้มครองบุคคลวิกลจริต เอาง่ายๆ ใครจะได้ในทรัพย์นี้ ต้องให้ศาลเป็นคนสั่ง สองคนนี้ไปยื่นเป็นบุคคลไร้ความสามรถ เป็นผู้อนุบาล แล้วบอกล้างได้
ทนายโจ : ณ ขณะนั้นไม่ได้ทำคนเดียว ลูกและพ่อก็อยู่ด้วยตลอด
ไพศาล : กฎหมายยืนที่ตัวบุคคล ไม่ใช่อยู่ที่พยาน
ทนายโจ : แต่เวลาสืบบุคคลก็ต้องมีพยานนะครับ
ไพศาล : รายงานแพทย์ ทนายสองฝั่งรู้อยู่แล้ว ก็สืบว่าตอนนั้นวิกลจริตหรือเปล่า
ทำไมวันนี้ไม่วิกลจริตแล้ว?
ไพศาล : วิกลช่วงแรก แต่ตอนนี้ดีขึ้น
ทนายโจ : ตรงนี้ไม่รู้ใครจะตัดสินได้ พี่หนุ่มยังมองไม่ออกเลย ว่าเขาวิกลจริตมั้ย
พูดง่ายๆต้องมีหมอเป็นพยานคนกลาง?
ไพศาล : ถ้าไม่สืบก็ไปชิงกันเลย พ่อกับผัว ทำคำร้องเป็นผู้อนุบาล แต่ทั้งหมดทั้งปวง ใช้เงินในกิจการของคนวิกลจริตท่านนี้เลย ไม่มีใครคิดร้ายเลย วันนี้หวยไปออกที่โจ จะว่าพ่อค้าก็ไม่ได้นะ คนซื้อก็อยากซื้อถูก คนขายก็อยากขายแพงเป็นธรรมดา แต่ทางนี้บอกว่าขายทำไมไม่บอกกู
ประเด็นมีแค่ทางนี้รู้สึกว่าขายรถทำไมไม่บอกสักคำ แต่ทางนี้บอกว่าไม่บอกเพราะออฟฟี่ไม่ให้บอก มันเลยสับสนกันแบบนี้ คุณต้องการแค่ทำไมไม่บอก?
หนุ่ม : ครับ เจตนาผมก็แค่นั้น ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลย จนผมตามสืบเองจนเจอ แต่อะไรก็ตาม เดี๋ยวรอเขาดีขึ้น จะเคลียร์กันได้เพราะเป็นเรื่องในครอบครัว ปัญหาหลักๆคือเราไม่ได้คุยกันตั้งแต่แรก จะบอกว่าออฟฟี่ไม่ให้บอกคงไม่ได้ เพราะเขาเป็นผู้ป่วย และเขาอยู่ที่บ้านผม ทุกคนเจตนาดีหมดที่ดูแลเขาด้วยกัน แต่เวลาทำการขายทำไมไม่บอกผมล่ะ
ทางนี้มองว่าคุณไม่ใช้เงินตัวเองเลย จะเอาแต่เงินออฟฟี่ เขามองแค่นี้ใช่มั้ย แต่ทางนี้มองว่าเป็นผัว ก็มีสิทธิ์ดูแลเหมือนกัน ทางครอบครัวก็บอกว่าผัวเอาเงินออฟฟี่มาจ่ายให้กับออฟฟี่เอง แต่บอกว่าเป็นเงินตัวเองไม่ได้สิ เพราะมันเป็นเงินออฟฟี่?
พฤกษ์ : ต้องให้หมอพิสูจน์
ไพศาล : ประเด็นมีแค่โฆษียะหรือไม่ แค่นั้น สรุปที่นั่งกันอยู่ ถ้าแอนมีส่วนได้ส่วนเสียก็จะโดนเลย แต่นี่เขาไม่ได้อะไรเลย
แอน : ตอนนั้นพี่ออฟเขาอยากได้ตอนนั้นเดี๋ยวนั้นเลยนะ ก็ส่งไปหลายเต็นท์ ทุกเต็นท์ให้ประมาณ 2.2 ล้าน แต่นี่ให้สูงสุด และขอมาดูรถเอง พี่โจวิ่งมาตอนกลางคืนเพื่อมาเจอเจ้าตัว ถ้าไม่เจอพี่ออฟ พี่โจก็บอกว่าไม่โอน
ทนายโจ : ที่บอกว่าสามีมีสิทธิตามรถ โดยเข้าบ้านคนอื่น ผมว่าไม่ใช่สิทธินะครับ สิทธิต้องใช้โดยสุจริต อยู่ดีๆ จะเข้าบ้านคนอื่น ไม่มีสิทธิสุจริตนะ
หนุ่ม : ผมขออนุญาตช่างเข้าไปนะครับ เขาบอกว่าให้เข้ามาได้
ทนายโจ : ประเด็นไม่ได้บุกรุก แต่อยู่ที่หมิ่นประมาท การโพสต์มาตามหารถที่บ้านเขา บุคคลคนอื่นอ่านแล้วเข้าใจได้ว่าขโมยรถเขาหรือเปล่า บุกรุกเราไม่ได้ว่าอะไร แต่เรามองเรื่องหมิ่นประมาท
ไพศาล : ถ้าไปสู้ 329 (1) เขามีส่วนได้ส่วนเสีย
ทนายโจ : ไปตามหารถหายที่บ้านคนอื่น ใช้ประโยคนี้เหรอครับ
ไพศาล : เขาบอกว่าพาคุณอรพรรณ ตามหารถครับ เขามีสิทธิ์ติดตาม เวลาขึ้นศาล ศาลให้ขีดเลยว่าข้อความไหนที่เขาหมิ่นคุณ แต่อันนี้เป็นคุณคาดเดา แม้เป็นบ้านเรา ถ้าเขาบอกรถหายยังมีสิทธิ์ก้ำกึ่ง แต่นี่เขาบอกว่าพาคุณอรพรรณตามหารถ ตอนจดทะเบียนสมรสหมอรับรองมั้ย
พฤกษ์ : มีรับรอง ถามหมอเลย แล้วก็จดทะเบียนสมรสกัน
ลองคุยกัน เพราะคนลำบากใจที่สุดคือออฟฟี่ นี่ก็ผัว นี่ก็พ่อ ลูกก็ดูโมโหเหมือนกันนะ ลูกอยู่ฝั่งตา เขามองอีกมุมว่าไม่ถูกต้องเหมือนกัน เรื่องนี้ไกล่เกลี่ยกันได้?
หนุ่ม : ครับ