“แอม เสาวลักษณ์” หงุดหงิดโมโหตัวเอง เสียงเปลี่ยนเพราะติดโควิด บวกอายุมากขึ้น แต่ยอมรับความจริง ฝึกเสียงใหม่ ยังมีเพลงที่เหมาะกับช่วงวัยอีกเยอะ ถ้าเลือกได้ตอนนี้ของานในร่ม กลัวเป็นสโตรกล้มตึงแล้วไปเลย เล่าเพ้นท์กระถางขายเป็นงานอดิเรก แต่หยุดไปเป็นปีเพราะสุนัขตายจากไป ขอบคุณลูกค้าผ่านมา 4 ปียังรอ
เป็นนักร้องตัวแม่ตัวมัมของวงการเพลงไทย สำหรับ “แอม เสาวลักษณ์ ลีละบุตร” ที่ผ่านมาหลายยุคแต่วันเวลาทำอะไรไม่ได้ เป็นหนึ่งในควีนดีวาที่ยังมีแฟนคลับติดตามอย่างเหนียวแน่น ล่าสุดมีโอกาสได้พูดคุยกับเจ้าตัวที่กำลังจะมีคอนเสิร์ต “HER CONCERT 2024” ในวันที่ 22 ก.ย.นี้ พร้อมอัปเดตชีวิตหลายๆ แง่มุม รวมถึงธุรกิจเพ้นท์กระถางต้นไม้ ที่เคยเปิดรับออเดอร์ผ่านทางไอจี ทำเพราะชอบวาดรูป ชอบปลูกต้นไม้ อีกทั้งอยากลองมีอาชีพอื่นบ้าง
“จริงๆ มันเป็นเพราะโควิด เพราะออกไปไหนไม่ได้ งานก็รับไม่ได้ แล้วเราเป็นคนชอบปลูกต้นไม้ คือเคยทำอยู่แล้ว อยากให้กระถางสีอะไรก็เพ้นท์ใช้เอง พอโควิดไม่มีอะไรทำ ก็เลยเอามาเพ้นท์เป็นลายต่างๆ แล้วก็ลองดูว่าขายได้ไหม อยากลองมีอาชีพอื่นบ้าง ก็ปรากฎว่าได้รับการตอบรับดี ลูกค้าก็น่ารักมาก เพราะต้องรอ อีนี่ก็ติสต์แตกมาก เดี๋ยวก็ทำ เดี๋ยวทำช้า ก็มีหลายไซซ์ แต่เราต้องไปเลือกกระถางที่โรงงานกระถางเอง”
ทุกชิ้นเป็นชิ้นเดียวในโลก เพราะวาดอีกก็ไม่เหมือนเดิม
“ใช่ค่ะ แต่เคยลองทำแบบลายที่ 1-3 แต่พอวาดซ้ำก็ไม่เหมือนเดิมอยู่ดี อาจจะเป็นเพราะชอบวาดรูปตั้งแต่เด็กๆ จริงๆ ห่างจากการวาดรูปไปนานมาก เมื่อก่อนเราวาดบนเฟรมหรือบนกระดาษ มันจะไม่ยาก แต่นี่มันมีความโค้งของกระถาง เราต้องหาอะไรมารอง มือก็ต้องนิ่ง แต่ในวัยนี้ก็เลยยากหน่อย กระถางหนึ่งใช้เวลาไม่นาน ถ้าคิดลายออกแล้วว่าจะวาดอะไร แต่อย่างที่บอก บางครั้งมันขึ้นอยู่กับขยันหรือขี้เกียจ นิสัยไม่ค่อยดี (หัวเราะ)
แต่ถ้าเอาจริงคืนหนึ่งก็เสร็จแล้ว เราชอบทำตอนกลางคืนเพราะมันเงียบดี ไม่มีใครกวน ก็จะยาวถึงเช้าเลย มันแล้วแต่ดีเทล บางอย่างมันต้องทำต่อเนื่อง เพราะผสมสีเอง มันก็อาจจะต้องใช้ให้หมดก่อน ส่วนเรื่องลาย ก็มีทั้งลูกค้าเลือกเอง แล้วก็ตามที่เรานึกอยากจะวาดอะไรเล่นๆ ก็มีเปิดหาไอเดียเหมือนกัน ไม่ได้คิดเองทั้งหมดหรอก บางอย่างเราไม่เคยวาดมาก่อน แต่เราเห็นเป็นแรงบันดาลใจ ก็เอามาทำให้เป็นลายของตัวเองอีกทีหนึ่ง แต่ไม่ค่อยวาดดอกไม้ เพราะมันเอาไปใส่ต้นไม้อยู่แล้ว ไม่อยากให้มันไปแย่งซีนกัน”
เผยตอนนี้หยุดทำไปนานมาก เพราะสุนัขที่เลี้ยงเหมือนลูกทยอยจากไป เลยไม่มีใจอยากจะวาด
“ตอนนี้ไม่ได้ทำ หยุดไปนานมาก (หัวเราะ) เวลาไปร้องเพลง ลูกค้าก็จะบอกว่ารอกระถางอยู่นะ เราก็รู้สึกผิดมาก บางคนรอมา 4 ปี คือบางช่วงก็จะมีพรีออเดอร์ แล้วก็มีที่วาดไว้แล้ว (เขียนในไอจี ทำทีละชิ้นคนเดียว ช้าบ้าง แก่แล้ว?) ก็ดูชื่อแอคฯ ดีคุ้มๆ (หัวเราะ) ก็เป็นตามนั้นจริงๆ ไม่ได้หยิ่งหรือเล่นตัวอะไรนะ แต่เป็นคนโชคดีมากกว่า ที่แฟนๆ หรือลูกค้าเขาเอ็นดู เขาใจดีกับเรา รอได้ บางคนเราไม่คิดตังค์แต่เขาก็ให้ เพราะเราขายของไม่เป็น ก็ต้องถามคนรอบข้างว่าเท่าไหร่ดี แพงไปหรือเปล่า เราไม่ได้ซีเรียสเรื่องราคา แต่เกรงใจกลัวจะแพงไป เป็นลูกค้าเองซะอีก ที่บอกว่าพี่คิดมาเลย เพราะอยากให้พี่วาด ราคามันเลยจะไปอยู่ตรงนั้น ว่าใครวาดมากกว่า
จริงๆ ก็อยากทำจริงจัง อย่างน้อยมันก็มีความสุข จากพื้นเดิมที่เป็นคนชอบวาดรูป ตอนนี้ก็เดี๋ยวรอแป๊บหนึ่ง มันมีช่วงหนึ่ง บอกตามตรงคือลูกๆ เราที่เป็นหมา 3 ตัว ค่อยๆ ทยอยตายกันไปหมด แล้วชื่อแอคฯ เรา ampdidi ซึ่งเป็นชื่อลูก พอลูกไป ตอนนั้นก็ไม่อยากทำอะไร ก็หยุดไปนานเลย ไม่อยากวาด คือเวลาเห็นอีเมลตัวเอง มันเป็นชื่อลูกอยู่ก็คิดถึงเขา มันจะมีช่วงที่ไม่อยากทำอะไรเลย แต่ก็ต้องหาอะไรที่ทำให้ไม่ต้องคิดถึงลูกมากนัก จริงๆ วาดรูปน่าจะช่วยได้ แต่ตอนนั้นกลายเป็นว่าไม่อยากทำ โยนสี โยนพู่กัน เก็บไว้ก่อน เพราะเวลาเซ็นที่กระถาง เราต้องเซ็นว่า ampdidi”
ดีขึ้นแต่ยังคิดถึง เศร้าก็ยอมรับว่าเศร้า ไม่ฝืนตัวเอง
“ตอนนี้ก็ดีขึ้นนะคะ เราเข้าใจเรื่องการจากไป แต่ความรักความผูกพัน ความคิดถึงมันย่อมมี บางครั้งเราก็อยากฝันเห็นลูกบ้าง นานๆ ทีจะฝันว่าเขามาหาที่เตียง แล้วพอตกใจตื่นขึ้นมา แล้วข้างเตียงมันเป็นความว่างเปล่า มันก็เศร้าอีก แต่เราก็ยอมรับความเป็นจริง ไม่ฝืน เศร้าก็เศร้า แต่อาจจะต้องบอกคนรอบตัว เพราะบางทีอารมณ์เราแบบนี้ อาจจะมีกิริยาอะไรต่อคนอื่น เขาอาจจะสงสัยว่าโกรธเขาหรือเปล่า แต่ไม่ใช่ เราคิดอะไรของเราเอง เราก็ต้องบอกคนรอบข้างว่าเธอไม่ได้ทำอะไรนะ เราเป็นเอง
คือเมื่อก่อนตอนวัยรุ่น มันอาจจะเป็นอยู่นาน เวลามีอารมณ์ต่างๆ ปัจจุบันนี้มันยังเป็นอยู่ และเราก็เห็นมันเป็นเรื่องปกติ แต่หายเร็วกว่าแต่ก่อน เพราะเรียนรู้วิธีจัดการกับอารมณ์ได้ ไม่ห้าม เพราะยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ มันก็จะมีบางเพลง อย่างเพลง My girl ที่เราชอบเล่นกับเขา มันเลยทำให้เราร้องเพลงนี้ไม่ได้ แต่เราอยู่กับความเป็นจริง วันนี้อาจจะดีขึ้น แต่อีกวันอาจจะคิดถึงขึ้นมา แล้วอาจจะเศร้า มันก็เป็นไปได้ เราไม่ผลักไส แล้วก็ไม่ไขว่หา แต่แปลกมากที่เราไม่เคยวาดรูปลูกๆ เลย เพราะรู้สึกว่าเขาน่ารักกว่าที่เราวาด เราวาดไม่ได้น่ารักอย่างที่เขาเป็น”
ยอมใจลูกค้า 4 ปียังรอ
“หยุดไปเป็นปีคะ ลูกค้ารอ 4 ปี เราก็ถามว่ายังจะเอาอยู่เหรอคะ เขาบอกเอา เราก็โอเคๆ ยอมใจ ถามว่าจะกลับมาวาดอีกเมื่อไหร่ ก็อาจจะปลายปีก็ได้ ต้องดูงานของตัวเองด้วย เพราะบางทีมีการซ้อมคอนเสิร์ต วาดแล้วมันไม่ต่อเนื่องเหมือนตอนโควิด ที่อยู่บ้านตลอดเวลา”
คอนเสิร์ตเยอะแต่รับหมด ถ้าไม่จัดชนกัน
“ถ้าจัดไม่ชนกันไม่เป็นไร อย่างปีก่อนก็มีซ้อนกันอยู่ แต่ถ้าเราจัดตารางได้ก็ไม่เป็นไร แต่ละงานมันก็คนละคนจัด คนละอารมณ์ เป็นประสบการณ์ ไม่แน่ใจว่าปีนี้จะมีกี่คอนเสิร์ต เอาจริงๆ เราไม่ค่อยชอบเล่นคอนเสิร์ตใหญ่เท่าไหร่ ชอบไปงานเล็กๆ คนไม่เยอะ แบบอบอุ่นๆ เพราะเราผ่านมาเยอะแล้ว แต่คอนเสิร์ตใหญ่ก็ดีอย่าง เราจะได้ร้องซาวด์ดีๆ นักร้องจะมีความสุข เวลาที่ได้ร้องกับซาวด์ดีๆ”
เลือกรับงานตามเนื้อผ้า
“ดูตามเนื้อผ้า ถามตัวเองก่อนทำได้ไหม เขาต้องการอะไร เราทำให้ได้ไหม แล้วช่วงนี้เราว่างหรือเปล่า เราเข้าวงการมานาน ก็จะเจอบ่อย บางทีขอไปเป็นเกียรติหน่อย เราก็จะแบบพอแล้วไหม ก็ทำมาหลายปีแล้ว คือเราเป็นงานรับจ้าง เราก็พูดตรงๆ คุณมีงบจะจ้างเท่าไหร่ คุณจ้างเราก็ไป เรารับจ้างทำงาน ไอ้แบบเชิญไปตัดริบบิ้น อันนั้นเราก็ไม่ค่อยไปหรอก เดี๋ยวไปทำบุญเองได้ (ยิ้ม)”
โอดโควิดทำเสียงเปลี่ยน หงุดหงิดตัวเอง เคยทำได้ดีกว่านี้
“เป็นโควิดไปรอบหนึ่ง ก็ยอมรับว่าเสียงไม่เหมือนเดิม เสียงเปลี่ยน ตอนแรกก็ตกใจมาก แต่ตอนหลังเราต้องฝึกเสียงเราใหม่ ก็อาจจะมีบ้าง เพลงที่เคยร้องมันดีกว่านี้ ยอมรับว่าเราอารมณ์เสีย เราหงุดหงิดตัวเอง เราเคยทำได้ดีกว่านี้มากๆ แล้วทำไมมันไม่ดีเท่าเก่า แต่ในที่สุดแล้วก็ถามตัวเอง ว่าหงุดหงิดแล้วได้อะไร งั้นก็ทำตามเนื้องานตรงหน้าดีกว่า เราไม่เคยทำชุ่ยๆ ให้คนอื่น ถามว่าจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ไหม ด้วยวัย ด้วยอะไรหลายอย่าง บางคนอายุมากขึ้น เสียงก็ใหญ่ขึ้น คีย์อาจจะเปลี่ยนไป เมื่อก่อนร้องแล้วเต้นติดๆ กันหลายเพลง ก็ไม่เหนื่อยเท่าเดี๋ยวนี้”
ยอมรับความเปลี่ยนแปลงตามอายุ ยังมีเพลงอีกเยอะ ที่เหมาะกับเสียงในแต่ละช่วงเวลา
“ยอมรับได้ แต่ตอนแรกไม่ได้ หงุดหงิดตัวเอง โมโหตัวเอง แต่ในที่สุดแล้วเราต้องยอมรับมันให้ได้ อย่างที่พระอาจารย์เขาเขียนในหนังสือไว้ เราก็จะเอามาเป็นคีย์เวิร์ดในชีวิตเสมอ ว่าอย่ามีปัญหากับปัญหา ปัญหามันมีอยู่ เราอย่าไปมีปัญหาซ้อนเข้าไปอีก อย่าไปทุกข์กับความทุกข์ เพราะว่ามันซ้อนกันไปหมดทุกอย่าง อย่าไปมีเรื่องกับเรื่องที่มันมีอยู่แล้ว ถ้าปรับตัวได้ ก็มีเพลงอีกเยอะแยะ ที่เหมาะกับเสียงเราในแต่ละช่วงเวลา”
ตอนนี้รับงานต้องถามก่อน อยากได้ในร่มมีแอร์ เจองานกลางแจ้งเหมือนจะตายคาเวที กลัวเป็นสโตรก
“เรื่องการรับงานช่วงนี้ตลกมาก จะถามผู้จัดการเลย ว่าเอาต์ดอร์หรืออินดอร์ มีแอร์ไหม (หัวเราะ) ถ้าเป็นไปได้ก็อยากได้แบบจัดข้างใน มีแอร์ได้ไหม งานเล็กๆ ก็ได้ เพราะเอาต์ดอร์มันทรมานนักร้องมาก บางครั้งรู้สึกเหมือนเราจะตายคาเวที (หัวเราะ) ก็ดูเป็นงานๆ ไป แต่ถ้าเลือกได้ก็แบบ…จัดข้างในก็ดีนะ คนดูนั่งเฉยๆ ยังพัดเลย แล้วเราทั้งร้องทั้งเต้น บางครั้งก็กลัวเหมือนกัน เหมือนหลายๆ คนที่ล้มตึงไป แล้วก็ไปเลย ปัจจุบันนี้คนที่เกิดสโตรก มันอายุน้อยลงเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นมันเกิดขึ้นกับใครก็ได้ อากาศบ้านเราก็โหดร้ายอยู่ กับการจัดงานกลางแจ้ง”
เผยการนอนสำคัญที่สุด เวลามีคอนเสิร์ต
“เราเป็นคนไม่ค่อยมีวินัยเลย เป็นนักร้องที่นิสัยไม่ดี ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง นอนไม่เป็นเวลา กินไม่เป็นเวลา แต่ถ้าเวลามีคอนเสิร์ต เรื่องนอนสำคัญที่สุด ต้องนอน ต้องวิ่ง ถ้านอนน้อยนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย เรื่องปัญหาสุขภาพ ก็ไม่ถึงกับอยู่ร่วมกันไม่ได้ แต่ก็มีรำคาญเวลาเราเป็นโน่นเป็นนี่ แต่ทุกอย่างมันอยู่ที่เรา ว่าเราเข้าใจมันได้ไหม เราอยู่ร่วมกันได้ไหม อย่าเบียดเบียนกันเยอะนะ เอาพอประมาณ ขอให้ฉันลุกไหวนะ (ยิ้ม)”