“ได๋ ไดอาน่า” แค้นจนน้ำตาไหล แม่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงิน 1 ล้าน ปลอมบุ๊กแบงก์ธนาคารเนียนมาก ไม่หวังได้เงินคืน พีกมิจฉาชีพคอลมาหาระหว่างให้สัมภาษณ์สื่อ แนะอย่าคุยต่อ ตอนนี้นอยด์กว่าแม่ไปแล้ว
ทำเอาช็อกเลยทีเดียว สำหรับ “ได๋ ไดอาน่า จงจินตนาการ”หลังจากที่คุณแม่เพิ่งโดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงิน 1 ล้านหมาดๆ จนไม่เหลือเงินสักบาทในบัญชี งานนี้ได๋เล่าให้ฟังเป็นฉากๆ ว่าแม่โดนมิจฉาชีพทำอย่างไร เพื่อเป็นอุทาหรณ์ เพราะมั่นใจว่าคงไม่ได้เงินคืน น้ำตาซึมห่วงแม่ โชคดีเสียแค่เงินเท่านั้น ซึ่งมีจุดพีกคือมิจฉาชีพวิดีโอคอลมาหาแม่ของได๋ ขณะที่กำลังให้สัมภาษณ์สื่อ
“คุณแม่ถูกคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงินไปมูลค่า 1 ล้านบาทค่ะ จริงๆ เป็นเรื่องที่ฟังคนอื่นมาเยอะว่าให้ระวังคอลเซ็นเตอร์นะ ก็ไม่เคยคิดว่าวันนึงเราจะต้องมานั่งแก้ปัญหานี้ให้กับคุณแม่ เรื่องมันเกิดเมื่อวานนี้ เรากำลังทำงานที่อยู่ที่เซ็นทรัลเวิลด์ อยู่ดีๆ แม่ก็มิสคอลมา แต่เป็นเบอร์ของเด็กที่ทำงานที่บ้าน ไม่ใช่เบอร์แม่ โทร.มา 3-4 มิสคอล เราก็ตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น โทร.กลับไปก็ไม่รับ พอแม่รับแม่ก็บอกว่าแม่ไม่มีเวลาแล้ว แม่เหลือเวลาอีกไม่มาก เราก็ตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น แม่บอกว่าพูดอะไรไม่ได้เลย ต้องเป็นความลับ แม่บอกใครไม่ได้ แม่ตกอยู่ในอันตราย คือคนแก่เขาก็กลัว เราก็ตกใจ ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นกับแม่ เราก็เลยนั่งมอเตอร์ไซค์จากเซ็นทรัลเวิลด์ไปหาคุณแม่ที่บ้าน ตอนนั้นแม่ปิดบ้านหมดเลย แล้วก็ลากเราเข้าไป บอกว่าเดี๋ยวแม่ต้องรายงานตัว เราก็ถามว่ารายงานตัวอะไร ก็เจอว่าเขาต้องวิดีโอคอลกับมิจฉาชีพ
ก็คือเมื่อวานตอนประมาณ 11 โมง แม่ก็ได้รับโทรศัพท์บอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากค่ายมือถือค่ายนึง แจ้งว่าเจ้าของเบอร์โทรศัพท์นี้ถูกตรวจสอบว่ามีการฟอกเงินเกิดขึ้น มูลค่า 14 ล้าน ก็ขอโอนสายให้กับเจ้าหน้าที่ แล้วเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าคุณถูกใช้ชื่อแอบอ้างไปเป็นบัญชีม้า ฟอกเงินจำนวน 14 ล้าน ตอนนี้คุณคือผู้ต้องหา เพราะฉะนั้นเราจะช่วยคุณอะไรประมาณนี้ ก็คุยจนแอดไลน์กัน
แล้วเขาก็ส่งหน้าบุ๊กแบงก์มา ซึ่งในบุ๊กแบงก์มีชื่อคุณแม่อยู่จริงๆ แสดงว่าเขาลงทุนทำบุ๊คแบงก์ที่เป็นเอกสารมา เพื่อให้คุณแม่เข้าใจว่าตัวเองเป็นผู้ต้องหาจริงๆ และหลักฐานหลายๆ อย่างคือไม่รู้ว่าเขารู้ข้อมูลได้ยังไง คุณแม่ก็โอนให้หมดบัญชีที่เป็นโมบายแบงก์กิ้งเลย แต่มิจฉาชีพก็เก่งค่ะ เขามีการกำกับมาตลอดว่าโอนยอดแรกเท่านี้ๆ นะ ซึ่งก็ทยอยโอนจนหมด เขาก็กำกับจนคุณแม่ไปที่ธนาคาร แล้วก็ขายพวกกองทุนอะไรต่างๆ คือกำกับจนคุณแม่เตรียมล้างทุกบัญชีที่มีอยู่ให้มิจฉาชีพ แต่โชคดีที่ว่ามันติดเคลียร์ริ่ง ก็เลยโอนไปแค่ 1 ล้านบาท ยอดแรก 199,000 บาท ยอดที่สอง 330,000 บาท และยอดสุดท้าย 500,000 บาท
พอเกิดเรื่องขึ้นเขาก็ข่มขู่แม่ว่าห้ามบอกใคร ถ้าบอกจะจับเข้าคุก แม่ก็บอกว่าอยากจะบอกลูก เขาก็ไม่ให้บอก บอกว่าถ้าบอกลูก ลูกจะต้องโดนไปด้วย ก็ด้วยความที่แม่เขาเป็นห่วงเรา เขาก็เลยพยายามไฟต์ด้วยตัวเอง สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือมิจฉาชีพมันร้ายมาก ให้คุณแม่รายงานตัวกับมันทุกชั่วโมงผ่านวิดีโอคอล ถ้าจะออกจากบ้านก็ให้วิดีโอคอลไปบอกเขา เอาโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋า เพื่อให้มั่นใจว่าแม่จะไม่บอกใคร
เมื่อวานตอนกลับไปหาคุณแม่ เขาก็อยู่ในอาการตกใจ ว่าเขาเป็นผู้ต้องหา ส่วนเราก็ต้องอธิบายให้เขาเข้าใจว่ามันคือมิจฉาชีพ อีกอย่างคือเขาข่มขู่ว่าจะต้องรายงานตัวทุกชั่วโมง เมื่อเช้านี้ก็นอนอยู่ด้วยกัน เขาก็โทร.มาตั้งแต่ 9 โมงเช้าให้รายงานตัว คิดว่าน่าจะเป็นเพราะคุณแม่ถ่ายบัญชีให้เขาเห็นหมดเลยว่ามีอะไรบ้าง เขาก็พยายามกำกับเพื่อให้โอนเงินทุกบาททุกสตางค์ไปให้หมด และเมื่อ 15 นาทีที่แล้วเขาก็วิดีโอคอลมาว่าให้มารายงานตัวด้วย จริงๆ อยากใช้โอกาสนี้บอกกับทุกคนว่าส่วนตัวมองว่าเงินที่เสียไปไม่มีทางที่จะกลับมาอยู่แล้ว แต่ก็ถือเป็นอุทาหรณ์แล้วกัน เพราะเชื่อว่าจะต้องมีผู้ใหญ่ที่อยู่ที่บ้านต้องมีคนเคยเจออะไรแบบนี้แน่นอน ใครที่มีคนแก่อยู่ที่บ้านแล้วเราอาจไม่ได้ไปดูแลเขา ฝากให้ช่วยกระจายต่อเพื่อไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก
เมื่อคืนไปสถานีตำรวจเกือบเที่ยงคืนแล้ว เขาบอกว่าวันๆ นึงมีประมาณ 20 ราย เพราะฉะนั้นอยากฝากพี่ๆ สื่อกระจายข่าวออกไปเพื่อให้เรารู้เท่าทัน เพราะถึงแม้เราจะเตือนกันมากแค่ไหนก็ตาม แต่บางทีพอเราเห็นเอกสารแล้วเราก็ตกใจ และมันแอดวานซ์ขึ้นเรื่อยๆ คือตอนวิดีโอคอลมีตำรวจอยู่ในนั้นด้วย เซ็ตฉากทุกอย่าง ทำทุกอย่างเหมือนมากค่ะ ก็อยากจะฝากทุกคนให้เตือนคนเฒ่าคนแก่ที่อยู่ในบ้าน หรือแม้กระทั่งพวกเรากันเองนี่แหละ บางทีพอเราเห็นหลักฐานมามันก็น่าตกใจ”
ห่วงแม่จิตใจไม่ค่อยดี ต้องคอยประกบตลอด ยิ่งโกรธยิ่งทำให้แม่รู้สึกผิด
“เอาจริงๆ สภาพจิตใจคุณแม่ก็ไม่ค่อยดี ตอนนี้ต้องประกบคุณแม่ตลอดค่ะ ถามว่าเราโกรธไหม เราก็โกรธนะ หงุดหงิดแม่ว่าเงินกว่าจะหามาได้ แต่เราก็ต้องไม่โกรธเขา เพราะถ้าเรายิ่งไปโกรธ แม่จะยิ่งรู้สึกผิด ก็เลยบอกว่าไม่เป็นไร ที่หายไปก็เดี๋ยวรีฟีลกลับให้
ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำค่ะ แต่แจ้งไปตามกระบวนการแล้ว ก็ฝากว่าบางคนเจอแล้วอาจจะทำตัวไม่ถูกว่าต้องทำยังไง อยากแรกไม่ใช่ไปสถานีตำรวจก่อนนะคะ ต้องโทร.แจ้ง 1441 ก่อน เล่ารายละเอียดทุกอย่างให้เขาฟัง เขาก็จะต่อสายไปยังธนาคารที่จะช่วยยับยั้งได้ถ้าทันนะคะ สองคือเราจะได้เลขเคสมา แล้วก็ไปแจ้งตำรวจ ฉะนั้นท่ามกลางความตกใจก็ต้องดึงสติกลับมา แต่เหนือสิ่งอื่นใดเราต้องดูแลคนเฒ่าคนแก่ที่บ้านให้ดี อย่าปล่อยให้เขาอยู่บ้านคนเดียว เพราะบางทีแม่ๆ เขาไม่รู้ว่าโทรศัพท์ที่โทร.เข้ามามันคืออะไร และเดี๋ยวนี้มันเนียนมากขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ”
น้ำตาซึมห่วงแม่เป็นอันตราย โล่งใจเสียแค่เงิน
“เรารู้ทันทีเลยว่าเป็นมิจฉาชีพ คือเราสัมภาษณ์คนมาเยอะมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ และเราก็พูดถึงเรื่องนี้ตลอดเวลาในสื่อ คอยเตือนคนมาตลอด แต่เมื่อวานที่คุยกับแม่ก็บอกแม่ว่า แม่ฟังนะ ลูกคนนี้ทำให้แม่ได้ทุกอย่าง ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ลูกทำให้แม่ไม่ได้ (เสียงสั่น น้ำตาซึม) จะร้อง คือก็ถามแม่ว่าเกิดอะไรขึ้น เรานี่เป็นห่วงมาก (เช็ดน้ำตา)เราก็นั่งมอเตอร์ไซค์จากเซ็นทรัลเวิลด์ไปเลย เราก็กลัวว่าแม่มีอันตราย แต่พอไปถึงก็โล่งใจว่าแค่เงิน เพราะว่าอย่างน้อยแม่เราโอเค คือจริงๆ ถ้าเพียงแม่บอกลูกสักนิดมันจะไม่เกิดขึ้น มิจฉาชีพโทร.มาตอน 11.30 น. คุณแม่โอนไปตอน 13.53 น. ยอดแรก ยอดที่ 2 ตอน 13.54 น. แล้วเงินก็หมดแล้ว เขาก็กำกับให้ไปขายกองทุนขายอะไรที่แบงก์ อีกยอดนึงก็คือ 16.40 น. แล้วก็บอกว่าคุณจะต้องกลับบ้านภายใน 6 โมงเย็นเพื่อไปรายงานตัว หากไม่รายงานตัวเราจะมีเจ้าหน้าที่ไปจับคุณที่บ้าน คือข่มขู่ทุกอย่าง แล้วก็มีเสียงวอร์เสียงอะไรทำเป็นเหมือนตำรวจหมดทุกอย่าง ก็ค่อนข้างเนียนค่ะ โปรดักชั่นใหญ่อยู่ค่ะ
กำลังคุยกับคุณแม่อยู่ว่าจะรับสายอีกดีไหม เพราะว่าจริงๆ ก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าใช้วิธีไหนเหรอที่จะมาหลอกคนแก่ได้ แล้วขนาดแม่พูดภาษาไทยไม่ชัด เขายังจะมีความอดทนมากพอที่จะคุยจนกำกับแม่เราให้แอดไลน์ได้ มันน่ากลัวกว่าที่เราคิดเยอะมากค่ะ ได้แต่เตือนกันค่ะ และหวังว่าจะไม่เกิดขึ้นกับใครอีก
ถามว่าไม่สามารถตรวจสอบได้เหรอว่าเขาคือใครอยู่ที่ไหน นั่นน่ะสิคะ มันก็เป็นสิ่งที่เราน่าจะต้องทำงานร่วมกัน (มิจฉาชีพโทร.มาเครื่องแม่ได๋อีกรอบพอดี ได๋ได้อ่านข้อความให้ฟังว่า) ‘ตื่นหรือยังครับคุณพี่จะมีการพูดคุยเล็กน้อยครับ คุณพี่ตอนนี้หากว่างแล้วติดต่อเข้ามาหน่อย’ แล้วก็มิสคอลเข้ามา เราวิดีโอคอลหาเขาเลยไหมคะ (กดโทร.ออกหามิจฉาชีพ)
มิจฉาชีพ : สวัสดีครับ
ได๋ : ค่า (ปลอมเป็นเสียงคุณแม่)
มิจฉาชีพ : ตอนนี้อยู่ที่ไหนครับ
ได๋ : อยู่บ้านค่ะ
มิจฉาชีพ : เอาหน้าเข้ากล้องด้วยครับ
ได๋ : คะ ให้ทำอะไรนะคะ
มิจฉาชีพ : ไม่ค่อยได้ยินครับ (ตัดสาย)
เนี่ย เขาก็พยายามจะคอลเข้ามาตลอดเวลา ก็ไม่รู้ว่าเราจะต้องจัดการยังไง พี่ๆ คิดว่าควรจะรับโทรศัพท์ต่อไปเรื่อยๆ ไหมคะ จนกว่าเขาจะยอมโผล่หน้ามาซึ่งเมื่อเช้านี้พอเขาโทร.มาอย่างนี้เขาไม่ได้ให้เห็นหน้านะ แต่จะเป็นโลโก้ของเขาเฉยๆ ที่ให้เห็นหน้าคือเป็นตำรวจหญิง เรามีแค่อัดเสียงไว้ค่ะ แต่เราไม่ได้เห็น อันนี้จากการสอบปากคำคุณแม่”
ยอมรับสุดแค้น ทำกันขนาดนี้
“ถ้าจะบอกว่าไม่แค้นก็โกหก เพราะรู้สึกว่าอะไรวะ ทำกันขนาดนี้เลยเหรอ แต่ความแค้นมันก็ต้องสงบลง เพราะว่าถ้าเรามัวแต่แค้น และเราไม่ไปช่วยกันป่าวประกาศและสื่อสารต่อ เชื่อว่าทุกชั่วโมงมีคนโดน ก็ไม่อยากให้มีคนโดนแล้วค่ะ จริงๆ มันเป็นสิ่งที่เราต้องทำร่วมกันเนาะ สื่อก็ต้องช่วยกันกระจายข่าว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็อาจจะต้องทำงานร่วมกันในการช่วยเหลือประชาชนด้วย เพราะว่าถ้าจะให้มองปัจจุบันนี้ปัญหาปากท้องของชาวบ้านให้พูดตรงๆ ก็คือบางคนแทบจะไม่มีจะกินอยู่แล้ว โชคดีที่คนนี้ที่โดนเป็นแม่เรา เราสู้เพื่อแม่เราได้ แต่คนอื่น บางคนเขาไม่มีแม้แต่จะกินแล้วมาหลอกเขาหมดบัญชีแบบนี้ มันไม่โอเคค่ะ หน่วยงานไหนช่วยกันได้ก็อยากให้ช่วยๆ กันในการลดปัญหาเหล่านี้ให้มันเกิดขึ้นน้อยที่สุดค่ะ
คือแค่เราทำตัวไม่ถูก เราไม่รู้ว่าเราจะต้องไปยังไงต่อ แล้วเราก็แค่อยากรู้ว่าคนที่มาหลอกแม่เรา เขาหลอกได้ยังไงเหรอ น้ำเสียงแบบไหนเหรอ ทำไมแม่เราถึงเชื่อ เราอยากรู้อยากเห็นด้วยตัวเราเอง ก็เลยให้แม่ลองรับสิ แล้วแม่ทำให้ดูสิว่าแม่คุยกับเขายังไง แล้วพอเห็นวิธีการพูดคุย และวิธีการข่มขู่ของเขา เราก็รู้เลยว่า อ๋อ..พูดแบบนี้ไงคนแก่อยู่ที่บ้านเขาถึงกลัวไง มาใช้เสียงขู่ ประมาณว่า ‘จะตื่นกี่โมงเนี่ย ผมบอกคุณแล้วไงว่าคุณต้องรายงานตัวทุกชั่วโมง คุณจะตื่นกี่โมง จะนอนทั้งวันหรือไง ไม่ให้เกียรติกันบ้างเลย’ (เสียงตะคอก) เราก็รู้สึกว่าโห..ขนาดเรามีสติ เราฟังแล้วยังตกใจเลย แล้วคนที่กำลังกลัวอยู่โปรยหัวมาว่าเป็นผู้ต้องหา แล้วผู้สูงอายุที่อยู่ที่บ้านเขาจะยังไง”
มิจฉาชีพไม่รู้ว่าเป็นแม่ตน แนะไม่คุยต่อก็จบ
“เขาคงไม่รู้ค่ะ เราเองก็เคยโดนเหมือนกัน ว่าคุณมีเงินเท่านี้ๆ เราก็บอกว่าฉันไม่ได้มีเงินขนาดนั้นหรอก แล้วก็วางหูไปก็แค่นั้นเอง คือจริงๆ แค่ไม่คุยต่อมันก็จบ
ตั้งแต่เมื่อวานที่ไปแบงก์ แล้วก็แจ้งเขาตลอดเวลาอยู่แล้วว่าก้อนนี้มันต้องรอเคลียร์ริ่งนะ แล้วมันจะต้องเป็นวันพรุ่งนี้ถึงจะได้ คิดว่าที่เขายังวีดีโอคอลหาอยู่เพราะเขารอก้อนนี้ และก้อนต่อๆ ไปที่เขากำกับอยู่ว่าเข้ามาแล้วในบัญชีจะยังไงต่อค่ะ”
เงินหมดบัญชีแล้ว
“ยังไม่ได้อายัดบัญชีนะคะ หรือเราต้องอายัดบัญชีเขาด้วย แต่ตอนนี้ในบัญชีไม่มีเงินค่ะ ก็เป็นข้อดีว่าแม่ก็คงไม่โดนครั้งที่สอง เพราะว่าหมดบัญชีแล้ว”
ต้องคอยส่องแม่ตลอดเวลา รับนอยด์กว่าแม่ไปแล้ว
“ใช่ค่ะ คือแค่อยู่บนเวทีเมื่อกี้ก็คือมองตลอดว่าแม่อยู่ไหน เพราะกลัวว่าเขาไปเข้าห้องน้ำแล้วมีใครโทร.คุยกับเขา ตอนนี้ไม่ใช่แม่นอยด์นะ ลูกนอยด์กว่าแม่อีก เพราะมันกลายเป็นเรารู้สึกว่าเราบกพร่องในฐานะของการเป็นลูก ที่ทำไมเราไม่ดูแลแม่ให้ดีกว่านี้ (น้ำตาซึม)”
ซึ่งหลังจบสัมภาษณ์ได๋ก็ได้เปิดแชตที่คุยกับมิจฉาชีพให้ดูซึ่งปรากฏว่ามิจฉาชีพได้ออกจากห้องแชตไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว