xs
xsm
sm
md
lg

“ชาย ชาตโยดม” เล่าชีวิตรักเคยถูกนอกใจ อึดอัดแบกสถานะคนกลางครอบครัวไม่ชอบแฟนที่คบอยู่ด้วย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เปิดรายการใหม่ รายการ 20 30 40 50 ทางช่องยูทิวบ์ “GoyNattyDream Channel”รายการสัมภาษณ์เชิงลึก นำเสนอมุมมองความคิดต่อประเด็นนั้นๆ ว่าในแต่ละวัยคิดต่างกันอย่างไร โดยในอีพีแรก พูดคุยกันในประเด็นเรื่อง “รักที่ไม่สมหวัง” โดยมีนักแสดงมากความสามารถ “ชาย ชาตโยดม หิรัญยัษฐิติ“ ตัวแทนคนวัย 50 ผู้ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมายกับเรื่องความรัก โดยคำถามแรกคือ หากเปรียบเทียบชีวิตตัวเองเป็นละครเรื่องไหน? ซึ่งชายแสดงทัศนคติต่อคำถามนี้ว่า…

“ชายไม่รู้เลยว่าเอาชีวิตตัวเองเข้าไปอยู่ในละครหรือว่าเอาตัวละครออกมาใช้ชีวิตจริงๆ มันเบลอๆ กันอยู่ตรงนั้น บางทีมันก็แยกไม่ออก ณ ตอนนี้น่าจะเป็นเรื่องมาตาลดา เพราะมันเป็นช่วงชีวิตของการค้นหาครอบครัว ความมั่นคง ความสุข ที่ ณ ตอนนี้ก็ยังคงหาอยู่ ก็เหมือนมาเป็นแนวทาง”

เล่าชีวิตรักที่ถูกนอกใจเป็นบทเรียนที่ราคาแพงที่สุดในชีวิตรัก
“ในความสัมพันธ์ก่อนหน้านี้คือรักเขาจนหมดหัวใจ 6-8 ปี ชายสร้างบ้าน วางแผนอนาคต หวังจะสร้างครอบครัว คือทุกอย่างมันพร้อมหมดแล้วแล้วอยู่ดีๆ วันหนึ่งมาเจอกับความจริงว่ามันไม่ใช่ สุดท้ายมันไม่ได้เป็นไปตามที่คิด ความรู้สึกที่ว่าหัวใจตกลงที่ตาตุ่มมันเป็นแบบนี้นี่เอง ความรู้สึกเรามันเหมือนอยู่ในฟองสบู่ ด้วยวันนั้นคิดอะไรก็ไม่รู้ ไปหยิบโทรศัพท์เขามาอ่านเพราะมีข้อความเด้งเข้ามา พอเห็นแล้วใจเราหล่นเลย

ไม่อยากให้ใครเจอกับความรู้สึกนั้นแต่ที่เขาบอกว่าหัวใจตกลงไปที่ตาตุ่ม มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ จิตวิญญาณของเรามันหล่นหายไปเลย แล้วทุกอย่างมันพังไปหมด ความรักยังมีอยู่ ความเสียใจมันก็ยังมีอยู่ มันก็ดึงรั้งอยู่อย่างนั้น ไม่รู้จะมูฟออนยังไง มันอึมครึมอยู่สักพักเพราะไม่อยากให้เขาจากไป ก็ใช้ชีวิตฝืนไปต่อด้วยกัน

วันนั้นวันเกิดเขา เราบอกว่าเราติดงานเลิกดึกคงไม่ได้แวะไป แต่บังเอิญว่าเสร็จเร็ว ก็แวะไปเซอร์ไพรส์ โอ้โห…พอได้ไปเห็น ก็คือทุกอย่างมันจบแล้ว มันต้องจบแล้วจริงๆ ในตอนนั้นรู้สึกว่าไม่เอาแล้วความรัก ในชีวิตนี้จะไม่เอาแล้ว จะไม่รักใครอย่างนี้อีกแล้ว ไม่อยากมีความรักแล้วแต่วันหนึ่งมันก็พลิกมาได้ มันมีอะไรที่ทำให้รู้สึกว่าเราไม่ต้องไปอยู่ตรงนั้น เลิกเอาความรู้สึกตัวเองไปผูกกับตรงนั้น มันไม่ได้หายไปในทีเดียวแต่มันค่อยๆ ห่าง ค่อยๆ ดีขึ้น จากที่คิดอยู่ตลอดเวลามันก็ค่อยๆ ห่างไปเรื่อยๆ จนเรามูฟออนได้ ไม่ได้นึกถึงมันอีกแล้ว”

ชีวิตเคยเป็นคนกลาง ครอบครัวไม่ชอบแฟนที่คบอยู่ด้วย
“เดี๋ยวนี้คนจะชอบบอกว่าความรักเป็นเรื่องของคนสองคน ซึ่งมันไม่ใช่ โดยเฉพาะในสังคมเรา สำหรับชายความรู้สึกที่มันแย่ที่สุดคือการเป็นคนกลาง ชายเคยอยู่ในจุดนั้น คนจะคิดว่าคนกลางจะต้องเป็นตัวช่วยประสาน ชายขอพูดในฐานะคนกลางที่อยู่ระหว่างแฟนและครอบครัวมันโคตรอึดอัดเลย เข้าข้างไหนมันก็ผิดไปหมด มันไม่มีทางถูก ในวัยชายแล้ว ตัวชายคิดว่าเราเองควรจะเป็นคนที่เข้าใจลูก ถ้าทำให้ลูกอึดอัดต้องมาเป็นคนกลางมันไม่มีความสุขหรอก ถ้าเขารักกันมาก มีสิทธิ์ที่จะจริงจัง ชายก็คงปล่อยให้ลูกจัดการเอง”

ไม่พร้อมรับมือกับการแยกจาก การจากลาทุกรูปแบบ
“ชายไม่มีทางพร้อมยอมรับกับเรื่องนี้เลย ถ้าเกิดขึ้นตอนนี้ตายเลยนะ ชายนึกไปถึงลูก แค่คิดว่าจะไม่ได้เจอลูกทุกวันก็ไม่ไหวแล้ว ชายไม่เคยมีความคิดเรื่องเลิกในหัวเลยไม่ว่าจะคบกับใคร ตั้งแต่เริ่มคบก็คิดว่าจะคบเพื่อใช้ชีวิตด้วยกันตลอดไป เป็นชีวิตคู่แต่งงานกัน ซึ่งเอาจริงๆ มันไม่ใช่สิ่งที่ดี เพราะชายจะไม่พร้อมที่จะเสียใจ ไม่พร้อมรับมือกับความผิดหวัง ซึ่งประสบการณ์ที่เคยผ่านมามันยากมาก

สำหรับชายจะกี่ครั้งชายก็ไม่พร้อมกับความเสียใจ แต่ในขณะเดียวกันมันก็ช่วยทำให้เรารู้ว่าในชีวิตของเราต่อจากนี้ เราจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้เรากลับไปอยู่ตรงนั้นอีก (ปัญหารักทางไกล?) สำหรับชายมันไม่ควรจะมีแล้ว เคยได้งานไปถ่ายทำที่ต่างประเทศ ไม่ไปเลยนะ ขนาดถ่ายละครเขาใหญ่ ยังยอมขับรถไป-กลับทุกวัน อาทิตย์เดียว 7 วันก็ไม่ได้ เพราะเราไม่พร้อมที่จะแยกจากกัน ถ้าก่อนหน้านี้ในวัย 30 ชายก็คงเอางานเป็นหลัก”

ประสบการณ์สอนเรื่องบนเตียงเป็นสิ่งสำคัญต่อชีวิตคู่
“พออายุมากขึ้น คนก็จะคิดว่าเรื่องนั้นไม่เป็นอะไรหรอกไม่สำคัญแล้ว แต่ยังไงมันก็สำคัญนะ ชายกับกี้ คบกันมา 16 ปีแล้ว ช่วงแรกคือแอ็กทีฟสุดๆ ห่างกันไม่ได้เลย พอได้อยู่ด้วยกันมันก็เริ่มคุ้นชินกันมากขึ้น มันไม่ใช่เรื่องแรกที่เรานึกถึงอยู่ตลอดเวลา แต่กลายเป็นว่าเราทิ้งช่วงนาน จากอาทิตย์ เป็นเดือน เป็นปีก็มี มันเป็นความรู้สึกที่แย่มากเลย เพราะเราไม่รู้ตัวจนเราแทบจะไม่คุยกันแล้ว

พอเราได้ใกล้กัน มันเป็นเคมีหรืออะไรบางอย่างที่ทำให้เราแน่นแฟ้นกันมากขึ้น เลยรู้สึกว่างั้นเราจะต้องหาวิธีแล้วแหละที่จะนัดกันให้ได้ ตอนนั้นคุยเสร็จแล้วก็ลงตารางเลย การลงตารางมันจะช่วยทำให้เป็นกิจวัตรได้มากขึ้น พอเป็นกิจวัตรแล้วเราก็ค่อยๆ ถอยจากการลงตารางเป็นหันมามองตาก็รู้กัน

ขอยืนยันว่าสุดท้ายแล้วมันสำคัญมาก เราจะเป็นพ่อแม่อย่างเดียวไม่ได้ เราอย่าลืมความเป็นสามีภรรยากัน เราเป็นคนที่รักกันมาก่อน แล้วถ้าเราไม่ได้เรียนรู้วิธีที่จะอยู่ด้วยกันตั้งแต่ตอนนี้ พอลูกเขาออกไปใช้ชีวิตของเขาเอง วันนึงเราจะไม่รู้วิธีใช้ชีวิตคู่สามีภรรยากันอีกครั้งแล้ว วันนั้นเราอาจจะกลับมาใช้ชีวิตแบบคู่สามีภรรยากันไม่ได้”

พออายุมากขึ้นชีวิตคู่ไม่ได้ง่ายขึ้น แต่กลับต้องพยายามมากขึ้นกว่าเดิม
“ชีวิตมันไม่ได้ง่ายขึ้น มันต้องพยายามมากขึ้นกว่าเดิม ไม่ใช่ว่าเราคบกันไปแล้วอาศัยความผูกพันหรือระยะเวลาแล้วมันจะทำให้เรามั่นคง หรือสนิทใจกัน เพราะเราได้เรียนรู้ว่าเวลามันใจร้ายกับเราเหมือนกันนะ มันทำให้เราเคยชินกับความไม่ต้องพยายาม มันทำให้เราห่างกันไปโดยที่เราไม่รู้ตัว ถ้าจะบอกก็คือต้องใส่ใจกันให้มากจริงๆ มาตั้งแต่แรก เพื่อรอวันที่มันจะไปผลิดอกออกผลตอนท้าย เราแก่ตัวกันไปแล้วยังหันหน้ามาเจอกันแล้วยังยิ้มให้กันได้ ยังมีความสุขที่เรายังอยู่ด้วยกันนะ”

หลังจากนั้น “นนท์ ศดานนท์” ตัวแทนวัย 20 ได้แชร์มุมมองเดียวกัน รวมถึงบอกกับคนวัย 50 อย่างชายไว้ว่า… “จะบอกว่าหายใจเข้าลึกๆ ไม่ต้องรีบ ค่อยๆ ทำ ไม่ต้องกลัว อะไรก็ตามทำให้มันง่ายเข้าไว้ แล้วมันก็จะไปได้เอง ที่สำคัญคืออย่าลืมหายใจ ผมเป็นคนที่ลืมหายใจบ่อยมาก ผมเป็นคนที่ตึง ลมหายใจเป็นสิ่งที่สำคัญมากจริงๆ มันจะพาเราไป”

งานนี้ทำ ชาย ชาตโยดม นิ่งคิดตามอยู่พักใหญ่ แล้วสนับสนุนคำพูดของ นนท์ ศดานนท์ ว่า…
“เหมือนในวัยที่เราคิดว่าเราผ่านอะไรมาเยอะแล้ว การที่สุดท้ายแล้วเราอย่าลืมหายใจ มันเป็นอะไรที่ธรรมดาและเรียบง่ายที่สุดแล้ว เราไม่รู้หรอกว่าวันไหนที่เราจะมาถึงจุดที่เราไม่ได้คาดคิดหรือเตรียมพร้อมเอาไว้”













กำลังโหลดความคิดเห็น