xs
xsm
sm
md
lg

“เจมส์ มาร์” ชอบตัวเองเวอร์ชั่นนี้ ขอบคุณ “พาย” มาเปลี่ยนชีวิต ยกเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เผยวิธีง้อไม่ใช้เสียงสอง แต่ใช้เสียงแมว (คลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“เจมส์ มาร์” เปิดโลกใหม่เพราะ “พาย รินรดา” ขอบคุณเข้ามาเปลี่ยนชีวิต ยกเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ได้เจอ รู้สึกชอบตัวเองเวอร์ชั่นนี้ สนุกที่ได้เจอเรื่องราวใหม่ๆ ไม่เสียดายเพิ่งเปิดตัวแฟน เพราะถ้ารีบอาจไม่มีความสุขเท่าวันนี้ เผยมีไม่เข้าใจกันบ้าง แต่จะไม่ใช้อารมณ์ ไม่ชอบอะไรชิงพูดก่อน เลยไม่เคยทะเลาะกัน ส่วนใหญ่เป็นฝ่ายง้อก่อน แต่ไม่ใช้เสียงสอง เพราะใช้เสียงแมว



เรียกว่าเปิดโหมดคลั่งรักแบบสุดๆ สำหรับพระเอกหนุ่ม “เจมส์ มาร์” ที่ทำเอาสาวๆ อยากเป็น “พาย รินรดา แก้วบัวสาย” กันทั้งประเทศ เพราะอยากมีแฟนที่ทั้งหล่อ ทั้งดูแลดี และเอาใจใส่ แถมยังไม่ติดแม้จะเป็นติ่งศิลปินเกาหลี ล่าสุดมีโอกาสได้สัมภาษณ์เปิดใจกับหนุ่มเจมส์ ในงานโปรโมตละคร น่าน ฟ้า ชลาลัย ที่ช่อง 3 เจ้าตัวก็ได้เผยให้ฟังถึงความรักครั้งนี้ ว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เกิดขึ้น รู้สึกโชคดีที่มีพายเข้ามา

“ตอนนี้อยู่ในวงการมา 12 ปี แล้วครับ ตั้งแต่สุภาพบุรุษจุฑาเทพ ตอนนั้นอายุ 19 ปี ก็เปลี่ยนแปลงไปเยอะนะครับ ก็พูดตรงๆ ว่าเกือบทุกอย่างเปลี่ยน ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายทำ การทำงาน ระบบการไปกอง เมื่อก่อนยังต้องใช้แผนที่ แต่เดี๋ยวนี้กูเกิลแมพได้ หรือแม้แต่สไตล์การแต่งหน้าทำผม การแต่งกาย ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมดเลยครับ เปลี่ยนไปตามโลก แฟชั่นก็เปลี่ยน เทสคนเรา อายุเราก็เปลี่ยน ทุกปีเราก็จะมีมุมมองใหม่ๆ มีอะไรใหม่ๆ มาตลอดเวลา”

ส่วนตัวรู้สึกเหมือนเดิม แต่ประสบการณ์มากขึ้น
จริงๆ รู้สึกเหมือนเดิม แต่แน่นอนเรื่องของประสบการณ์ที่มากขึ้น ความรู้มากขึ้น และเรื่องความอดทนที่มากขึ้น เพราะว่าแน่นอนเราทำงานทุกคนก็ต้องอดทนกับทุกอย่าง ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี เราก็ต้องอยู่กับมันให้ได้ ไม่ว่าจะสถานการณ์ไหนก็ตาม เพราะฉะนั้นก็คือเราก็อัปเลเวลไปเรื่อยๆ และก็ภูมิใจกับสิ่งที่ตัวเองมี และสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ทุกวันนี้ครับ”

ไม่ได้พูดเก่งไปกว่า 12 ปีที่แล้วเท่าไหร่ แต่มีความเข้าใจมากขึ้นเรื่องภาษา
“ตอนนี้ก็ยังไม่ได้พูดเก่งมากนะ คือพูดตอนนี้พูดได้ เพราะเป็นหน้าที่ที่ควรจะพูดได้มากขึ้น แต่ถ้าอยู่ในกอง เชื่อไหมครับ ว่าผมพูดไม่ทันเพื่อนๆ หรือว่าอยู่บ้านก็พูดไม่ทันผู้จัดการผม (หัวเราะ)ยิ่งอยู่กับพี่เอ (ศุภชัย ศรีวิจิตร) ยิ่งพูดไม่ทันใหญ่เลยครับ อยู่กับพี่เอ ผมครับอย่างเดียวเลย แทบไม่ได้พูดเลย คือเราก็เป็นเราเหมือนเดิม แต่ด้วยหน้าที่ของเรา อาจจะประกอบหน้าที่ของเราได้ดีขึ้น เราอาจจะสื่อสารอะไรได้เหมือนผู้ใหญ่มากขึ้น เมื่อก่อนยอมรับครับ เรื่องแรกอาจจะมีปัญหาเรื่องของภาษา ในเรื่องของการเลือกใช้คำที่ถูก เราก็เลยอาจจะพูดน้อยหน่อย แต่ก็พูดได้เมื่อมันมีสคริปต์หรือมีอะไรต้องพูด แต่ ณ ตอนนี้ ด้วยความเข้าใจของเราดีขึ้น เราก็จะอธิบายตัวเองได้ง่ายขึ้น เวลาเมื่อต้องได้อธิบาย”

เปิดรับกับหลายๆ อย่าง เลยได้เปิดโลกมากขึ้น ยิ่งมีหวานใจ “พาย รินรดา” เข้ามา ทุกอย่างก็ยิ่งเปลี่ยน
“แน่นอนครับ แต่ถามว่าความเป็นโลกส่วนตัวของเรา มันอาจจะไม่ใช้คำว่าโลกส่วนตัวแล้ว อาจจะเป็นเราเปิดรับกับหลายๆ อย่างมากขึ้น เราไปเที่ยวมากขึ้น เรามีเพื่อนมากขึ้น ยกตัวอย่างแก๊งนี้ เมื่อก่อนอาจจะเป็นด้วยหลายๆ อย่าง พอทุกคนทำงานปุ๊บก็กลับบ้าน แต่กับแก๊งนี้ทำงานเสร็จปุ๊บ เขาก็ไปเล่นบอร์ดเกม ก็เข้าทางเราเลย เราก็เลยไปอยู่กับแก๊งนี้ได้ หรือเพื่อนๆ ทุกคนก็เริ่มไปทำกิจกรรมที่เราทำได้ เช่น ตีกอล์ฟ เพราะฉะนั้นเราก็คือเปิดโลกมากขึ้น และพอได้มีน้องพาย ทุกอย่างก็เปลี่ยนมากขึ้น เราก็รับรู้ ฟังเพลงมากขึ้น ทำในสิ่งที่เขาทำมากขึ้น แน่นอนเราก็เปิดรับมากกว่าสมัยก่อน

เมื่อก่อนไม่พูดถึงชีวิตส่วนตัว เพราะรู้สึกน่าเบื่อ แต่พอมี “พาย” ทำให้ได้เจอเรื่องราวใหม่ๆ
“ผมว่าที่ผมไม่ได้พูดสมัยก่อน เพราะผมอาจจะรู้สึกว่ามันน่าเบื่อ เพราะเราทำอยู่ไม่กี่อย่าง เวลาเราคุยกัน ผมจะทำวนอยู่ไม่กี่อย่าง แต่พอผมได้รู้จักพาย มันมีอะไรที่ผมชอบมากขึ้น ยกตัวอย่างซีรีส์เกาหลี แน่นอนพลาดไม่ได้ อาหารเกาหลี การไปเที่ยว การเปิดรับศิลปะใหม่ๆ การฟังเขาพูดสิ่งใหม่ๆ การปรับมุมมองใหม่ๆ ทำให้เรามีอะไรมาแชร์กับทุกคนมากขึ้น แน่นอนครับ มันทำให้เรามีเรื่องราวมากขึ้น ที่จะมาพูดให้ทุกคนฟัง”

เข้ามาเปลี่ยนชีวิต เป็นทั้งแฟน ทั้งเพื่อนสนิท สบายใจที่มี “พาย” อยู่อยู่ข้างๆ
“เปลี่ยนแน่นอน ไม่มากก็น้อย แต่ผมว่าค่อนข้างมาก ทำให้เราเหมือน มีคนที่เป็นแฟนเราคนหนึ่ง มีโมเมนต์รักด้วยโมเมนต์หนึ่ง และอีกแง่มุมหนึ่งเขาก็เป็นเบสต์เฟรนด์ของเราอีกโมเมนต์หนึ่งเพราะฉะนั้นเราสบายใจมากที่มีเขาอยู่ข้างๆ คอยเป็นทุกอย่างให้เราได้”

สนุกที่ได้เจอสิ่งใหม่ๆ ได้เรียนรู้อะไรมากขึ้น
“สนุกดีครับ เราก็ได้รับรู้ว่าบางทีทำอะไรที่มันเดิมๆ มันก็แอบเลี่ยนเหมือนกัน บางทีเล่นเกมตลอดเวลาคนเดียวมันก็เบื่อ พอไปเล่นบอร์ดเกมกับเขา พาเขาไปเล่นบอร์ดเกมกับเพื่อนๆ ได้ฟีลใหม่แล้ว มันก็เป็นอะไรที่เจ๋งดี ในการใช้ชีวิตคู่ เมื่อมันเป็นแพสชั่นของเขา เราก็ถูกสะกดจิตไปด้วยเหมือนเราเจอคนที่เก่งในเรื่องนี้ พูดภาษาเกาหลีได้ ชอบฟังเพลงเกาหลี เราก็ไปกับเขาได้ ยังไม่ถึงขั้นเป็นติ่ง แต่เป็นไกด์ที่ดีคนหนึ่ง นำทางเราไปสู่ที่เที่ยว (เริ่มให้เราเห็นสิ่งใหม่ๆ ที่เราไม่เคยมองก่อนหน้านี้?) ใช่ เรื่องการแต่งตัวก็เปลี่ยน ทุกอย่างเราเริ่มเรียนรู้ได้มากขึ้น จากเขาและเพื่อนๆ ของเราหลายๆ คนด้วย”

ถ้าไม่เจอ “พาย” ก็อาจจะเป็น “เจมส์ มาร์” เวอร์ชั่นเดิมต่อไป
“ก็เป็นไปได้ แต่แน่นอนว่าคงมีพัฒนาบ้าง แต่อาจจะไม่ได้ออกมาเป็นแบบนี้ ที่เราคุยกันอยู่แบบทุกวันนี้ เราก็ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วอะไรนำพาให้ชีวิตเราไปเจออะไรอย่างนี้แต่สำหรับเราในมิตินี้ ก็คือมีสีสันมากขึ้น แล้วก็มีความสุขมากขึ้น”

ชอบตัวเองในเวอร์ชั่นนี้ ที่มีเขามาเติมเต็ม
“ชอบนะครับ เพราะเราก็ยังเป็นเราได้ ชอบตีกอล์ฟ หรือชอบอะไรก็ทำไป แต่เราเปิดรับมากขึ้น และมีเพื่อนไปกับเรา ชอบตัวเองในเวอร์ชั่นนี้ เพราะเป็นสิ่งที่เราก็ขาดมาตลอด ไม่มีเพื่อนที่ไปทำกิจกรรมนู่นนี่ด้วยกัน ไม่มีคนที่จะมาช่วยเราเรียนรู้อะไรหลายๆ อย่าง เรียกได้ว่าเขาเข้ามาเติมเต็มในสิ่งที่เราไม่มี”

ยกเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เกิดขึ้น เพราะมี “พาย” เลยมี “เจมส์ มาร์” ในเวอร์ชั่นนี้
“ผมก็คิดแบบนั้นครับ คือแม่ผมสอนตลอดว่าทุกอย่างที่เข้ามา ไม่ว่าจะเป็นงาน การได้เจอผู้คน หรือการมีความสัมพันธ์อะไรเข้ามาในชีวิต เราควรรู้สึกโชคดีที่มีสิ่งนั้นเข้ามา ผมเลยคิดว่าอันนี้คือสิ่งที่ดีที่สุดที่เกิดขึ้น”

บอก “พาย” ตลอดว่าคือสิ่งที่ดีที่สุด ไม่เคยกั๊กความรู้สึก อยากบอกอะไรก็บอกตรงๆ
“บอกครับ ไม่กั๊กครับ บอกเลย บอกตรงๆ อย่างที่บอกพวกพี่ๆ นี่แหละ บางทีเวลานั่งๆ อยู่อยากหันไปพูด ก็บอก ขอบคุณมากๆ จริงๆ ที่ทำให้เรามีโมเมนต์แบบนี้ ทำให้เรามีประสบการณ์แบบนี้ มันดีมากเลย ถ้าไม่มียู ก็คงไม่มีวันนี้ เขาก็แบบยิ้มๆ เขาก็เขินๆ นิดหนึ่ง แล้วก็บอกอ๋อ เหมือนกัน(จู่ๆ เราหันไปบอกแบบนั้น พายว่ายังไง?) เพราะที่ผ่านมาผมก็ไม่ได้แพลน ตอนที่บอกเขาผมก็ไม่ได้แพลนว่าผมจะบอก คือเมื่อรู้สึกอยากบอกก็บอกไปเถอะ ไม่ต้องกั๊ก ก็เหมือนที่บอกพี่ๆ ตรงๆ เราก็เล่าให้ฟังอย่างที่มันเป็นจริงๆ เพราะคิดว่าพูดไปเลยดีกว่า เดี๋ยวลืม (หัวเราะ)”

ไม่เสียดายที่ไม่เคยเปิดตัวแฟน เพราะถ้าตอนนั้นมี อาจจะไม่สุขเท่าตอนนี้ก็ได้
ก็ถ้าสมมติตอนนั้นมี วันนี้อาจจะไม่เป็นแบบนี้ก็ได้ อาจจะมีความสุขกว่า หรืออาจจะไม่ได้มีความสุขเท่า เราก็ไม่มีทางรู้ แต่มันเดินมาอย่างนี้ พูดตรงๆ ว่าที่ผ่านมาก่อนที่จะเจอเขาผมก็ไม่ได้ทุกข์ ผมก็มีชีวิตที่ดีของผม แต่พอมีเขาเข้ามา มันดีขึ้นเพราะฉะนั้น ผมก็คิดว่าเป็นแบบนี้ดีแล้ว ไม่ต้องรีบ เพราะว่าเรายังมีเวลาที่จะมีความสุขอีกเยอะ ไม่ต้องรีบมีความสุขที่สุดก็ได้ อยู่กับปัจจุบัน แล้วทำวันนั้นแล้วอยู่กับมันให้ดีที่สุดก็พอ เมื่อไหร่ที่มันมีอะไรที่ดีมากจริงๆ ก็ถือว่าเป็นโบนัสของชีวิต”

ทุกความสัมพันธ์มีวันที่ไม่เข้าใจ แต่จะไม่ใช้อารมณ์ สบายใจเมื่อไหร่ค่อยคุย
“แน่นอนอยู่แล้ว ผมว่าทุกความสัมพันธ์ ทุกการทำงาน มันมีการไม่เข้าใจซึ่งกันและกันอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าดีลกับมันยังไง ส่วนตัวผมก็คิดว่าดีลด้วยกันคุยและพูดความจริง ก็พูดอย่างที่ผมพูด นึกอยากจะพูดก็พูด เพียงแต่ว่าเราต้องมีสเต็ปในเรื่องของอารมณ์ในการใช้คำพูด ผมก็โชคดีว่าผมมีเพื่อนๆ ที่เป็นผู้ใหญ่เยอะ เขาก็จะสอนเรามาตลอดเวลา ว่าอย่าไปใช้อารมณ์เลย มันไม่มีประโยชน์หรอก บางทีเราก็ต้องยอมที่จะรับอารมณ์มากกว่า และเมื่อไหร่ที่มันสบายค่อยไปคุยกันทีหลัง อย่าไปทะเลาะกัน เหมือนที่บางทีมันอาจจะเกิดขึ้นได้ อย่าไปทำแบบนั้น เพราะมันไม่มีผลดี”

ที่ผ่านมายังเคยทะเลาะ ไม่ชอบแบบไหนก็คุยกันเลย ไม่ง้อเสียงสอง เสียงสาม แต่ใช้เสียงแมวพูดแทน
“ยังครับ เพราะว่าชิงพูดก่อน มีอะไรก็พูดอย่างที่บอกเลย แบบนี้ใช่ ไม่ใช่ ก็คุยกันเลย พอถึงเวลานั้นความเป็นเบสท์เฟรนด์ที่บอก มันก็คุยกันได้ มีงอนพอสนุกๆ กันบ้าง คืองอนแหละ แต่เราก็เอ็นจอยที่จะงอนแล้วก็คุยกับเขา มันก็เป็นสีสันอีกแบบหนึ่ง (โดยปกติใครง้อ-ใครงอน?) ส่วนใหญ่เราจะรู้สึกว่าเราอย่าไปเบลมใครคนใดคนหนึ่ง ถ้ามีอะไรเราก็ต้องรับผิดชอบร่วมกัน เราก็จะเอ่ยคำขอโทษก่อน ผมรีบพูดก่อนเลย ถ้าจะดีก็ต้องง้อ แต่ก็น้อยครับ ส่วนใหญ่ถ้าคุยกันเราก็จะคุยกันรู้เรื่อง

ถามว่าต้องเสียงสอง เสียงสามไหม บางทีมีแต่เสียง แล้วก็มองตา เพราะด้วยความที่เราสองคนเลี้ยงแมว บางทีก็จะมีเสียงแมวมา เมี๊ยว (เลียนเสียงแมว) บางทีขนาดพูดภาษาคนเรายังไม่เข้าใจเลย ก็พูดภาษาแมวบ้าง (หัวเราะ) ซึ่งส่วนใหญ่จะโอเคครับ เมื่อไหร่ที่เรื่องหมาแมว มักจะโอเคครับ”

มีเปิดโหมดอ้อน แต่ก็พยายามเป็นตัวเองมากที่สุด
“มีเหมือนกันครับ พอมีง้อก็ต้องมีอ้อน เพื่อที่อยากจะทำอันนี้ อยากทำอันนั้น บางทีก็อยู่ในโหมดเด็กเลยก็มี โหมดเด็กเอาแต่ใจเลยก็ได้ ก็พยายามเป็นตัวเองให้ได้มากที่สุด ตัวเองอยากทำอะไรตอนนั้น คิดอะไร ยังไงตอนนั้น ก็พยายามทำให้มันเกิดขึ้นให้ได้ ผมไม่ได้มุ้งมิ้งแบบหวาน แต่สนุก มีอะไรก็คุยกัน ถ้าเป็นแมวก็เป็นแมวเล่นกันตลอดเวลา เป็นฟีลเล่น ชอบคุยกันว่าเราชอบเล่นกันเนาะ มองอะไรก็มองเป็นเรื่องเล่นหมดเลยถามว่ามีขิงกันไหม น่าจะมีครับ ขิงกันเรื่อยๆ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็สนุกกับสิ่งที่เกิดขึ้น และก็เอ็นจอยกับความรักครั้งนี้”

















กำลังโหลดความคิดเห็น