หลังเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา สาว “เชอรีน เดอะสตาร์” หรือ “ณัฐจารี หรเวชกุล” น้องสาวนักร้องชื่อดัง “นิชคุณ หรเวชกุล” ได้ออกมาประกาศผ่านไอจี ว่าได้เลิกรากับสามีนักธุรกิจ “อัศม์กรณ์ สิงห์สีกรกุล” เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 66 และการกระทำของอดีตสามี ไม่เกี่ยวกับตนตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ซึ่งก็ทำเอาหลายคนตกใจ และแอบสงสัยถึงสาเหตุการเลิกรา เพราะทั้งคู่เพิ่งแต่งงานกันได้ไม่นาน พร้อมยังมีลูกสาวที่น่ารักด้วยกัน 1 คน แต่ล่าสุดวันนี้ (23 ก.ค.) ก็มีคำตอบออกมาแล้ว โดย “เชอรีน”พร้อม “ทนายแก้ว ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล” ได้เดินทางมาที่ สน.ทองหล่อ เพื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับอดีตสามี ที่ทำร้ายร่างกาย จนต้องแยกทางกัน และทุกวันนี้ยังข่มขู่คุกคาม ให้คนตามรังควานไม่เลิก
เชอรีน : “วันนี้มาแจ้งความค่ะ เนื่องจากถูกทำร้ายร่างกาย และถูกข่มขู่คุกคามค่ะ ตั้งแต่แต่งงานกันและมีลูกด้วยกัน เชอถูกทำร้ายมาทั้งหมด 4 ครั้ง แต่หลังจากที่ประกาศเลิกไม่ได้มีการทำร้ายร่างกายค่ะ แต่ว่าในช่วงที่คบหากันอยู่ ตั้งแต่คลอดลูกออกมา เชอถูกทำร้ายร่างกาย ครั้งแรกมีการทะเลาะกัน มีอาการมึนเมา ก็ถูกตบเข้าที่หน้าหลายครั้งจนปากแตกค่ะ คือจริงๆ ครั้งแรกก็ค่อนข้างรุนแรงมากเหมือนกัน แต่ครั้งสุดท้าย คือครั้งที่เขาตบหน้าเชอ 10 ครั้งค่ะ คือเชอนอนอยู่บนเตียง แล้วเขานั่งอยู่ข้างๆ เขาก็โน้มตัวลงมาหา เหมือนจะให้เชอตอบคำถามเขา เขาก็ตบเข้าที่หน้า แล้วบอกว่า ตอบสิๆ แล้วเชอก็ไม่ตอบ เพราะเคยตอบโต้ เคยสู้มา จากที่ผ่านมา 3 ครั้ง แล้วรู้ว่ามันจะรุนแรง มันหนักขึ้น ก็เลยอยู่เฉยๆ แล้วเขาก็ตบไปเรื่อยๆ”
ไม่แจ้งความตั้งแต่แรก เพราะอยากประคับประคองความเป็นครอบครัว
เชอรีน : “เพราะว่าตอนแรกคุยกัน เราก็อยากประคับประคองความครอบครัว จริงๆ ไม่อยากเป็นข่าว ไม่อยากให้มีเรื่องมีราว เพราะมันกระทบถึงลูกด้วย (เสียงสั่น)แต่รู้สึกว่าเขาคุกคามเราเรื่อยๆ รู้สึกว่าตอนนี้มันไม่ปลอดภัยแล้ว”
เผยฝ่ายชายเมาทุกครั้งที่ทำร้ายร่างกาย
เชอรีน : “จริงๆ ก็เมาทุกครั้งเลยค่ะ แต่ก่อนแต่งงาน เขาไม่เคยทำค่ะ ครั้งแรกที่เขาทำ เขาบอกว่าเพราะความเมา เขาขาดสติ เขาขอโทษเขาจะไม่ทำอีก (เสียงสั่น) ครั้งแรกที่เขาทำร้ายร่างกาย เป็นช่วงเดือนพฤษภาคม ปี 65 ครั้งที่ 2 เดือนกรกฎาคม ปี 65 ครั้งที่ 3 เดือนเมษายน ปี 66 และครั้งสุดท้ายคือเดือนกันยายน ปี 66 (มีหลักฐานที่เป็นคลิป และภาพทั้งหมดใช่ไหม?) ใช่ค่ะ”
ทนายแก้ว: “มีแชตข้อความในการพูดคุยกัน และมีคลิปเสียงต่างๆ ส่วนเรื่องของการเจรจา ก็มีเก็บไว้เป็นหลักฐานครับ”
สาเหตุทำร้ายร่างกายคือความหึงหวง บวกกับเป็นคนอารมณ์รุนแรง
เชอรีน : “เกิดจากความหึงหวงค่ะ แล้วเขาเป็นคนที่มีอารมณ์รุนแรงและหึงหนักอยู่แล้วด้วย คือในเวลาอื่นๆ ที่ไม่ได้มึนเมา ก็มีอาการหึงหวงที่รุนแรง ใช้คำพูดที่รุนแรงอยู่แล้ว พอบวกกับอาการมึนเมา เขาก็จะลงมือหนักขึ้นสาเหตุที่ทำให้เขาเกิดอาการหึงหวง ส่วนใหญ่จะเป็นเพราะเกิดความเข้าใจกัน บางครั้งเคยมีรุ่นน้องหรือเพื่อนทักมาหา เขาก็ไม่พอใจที่คุยกัน เราก็อธิบายและให้ดูแชต เพราะเราบริสุทธิ์ใจ แต่เขาก็ไม่โอเค”
ครั้งแรกที่ทำร้ายได้เข้ามากราบขอขมาแม่ พร้อมสัญญาว่าจะไม่ทำอีก
เชอรีน : “มีค่ะ คุยกับแม่ ขอโทษ กราบขอขมากับแม่ ขอขมาหนู แล้วคุยกันว่าจะไม่ทำอีก ทุกครั้งมีการสัญญาเกิดขึ้น มีการพูดคุยกันทุกครั้ง แต่ยังทำอยู่ เราคิดว่าจะหยุดไหม หรือจะทนไหม (เสียงสั่น) เพราะเรามีลูก ไม่อยากทำให้ครอบครัวแตกแยก”
ตอนที่ถูกทำร้ายร่างกาย ลูกอยู่คนละห้อง
เชอรีน : “อยู่ค่ะ แต่อยู่กันคนละห้อง แต่เขาไม่เคยทำร้ายร่างกายลูกค่ะ ถามว่าลูกถามไหมว่าแม่โดนอะไรมา คือตอนนั้นลูกยังเด็กมาก เขายังพูดไม่ได้ ตอนที่มีแผลมีอะไร คือน้องยังเด็กมาก เขายังไม่รู้เรื่อง”
ตัดสินใจแยกทางเพราะเป็นห่วงชีวิตตัวเอง
เชอรีน : “เพราะถึงขั้นที่เราเป็นห่วงชีวิตตัวเองแล้ว ในวันที่โดนตบหน้าหลายๆ ครั้ง เชอรู้สึกได้ว่า ถูกคุกคามถึงขั้นที่ว่า ไม่รู้ว่าจะถึงกับเสียชีวิตไหม (เสียงสั่น) วันนั้นก็เลยวิ่งตัวเปล่าออกจากบ้านมา มีแค่โทรศัพท์เครื่องเดียว วิ่งเท้าเปล่าออกมาหลังบ้าน เพราะกลัวว่าถ้าเกิดออกมาจากทางหน้าบ้าน แล้วเขาจะได้ยินเสียง แล้วก็โทร.หาเพื่อนที่อยู่ใกล้เคียงเพื่อที่จะหนีออกมา ส่วนลูกตอนนั้นอยู่กับพี่เลี้ยงอีกห้องหนึ่ง แล้วเรารู้ว่าเขาไม่ทำอะไรลูก คิดว่าลูกน่าจะปลอดภัย ตอนนี้ลูกอยู่กับเราค่ะ”
ส่วนใหญ่ที่คุยกันตอนนี้ คือฝ่ายชายอยากเอาลูกไปเลี้ยง
เชอรีน : “ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่เขาอยากที่จะเอาลูกไปเลี้ยง จริงๆ ที่ตกลงกัน คือถ้าลูกอยู่กับเชอ เขาก็จะไม่ส่งเสียให้เลย แต่ถ้าเกิดลูกอยู่กับเขา เชอก็จะไม่ต้องเสียอะไรเลย เขาให้เชอเลือก ว่าจะเลือกให้ลูกอยู่กับใคร เชอก็บอกเขาว่าเชอเลี้ยงลูกเองได้ให้ลูกอยู่กับเชอ”
ฝ่ายชายติดตามทุกความเคลื่อนไหว อ้างว่าห่วงลูก
เชอรีน : “เป็นเรื่องการติดตามค่ะ วันก่อนเขาโทร.มาประมาณว่า เขาอยากรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเชอ เขารู้ได้หมดแหละ เขาสามารถรู้ว่าเชอเข้าออกบ้านกี่โมง ใครมารับมาส่ง ไปไหนกับใคร เขาสามารถรู้ได้หมด แล้วเขาก็โทร.ไปบอกแม่ด้วย ว่าวันนี้เชอออกจากบ้าน และกลับบ้านกี่โมง เขาอ้างว่าเขาเป็นห่วงลูกเขาเลยเอาคนมาตาม มาดูว่าเชอจะอยู่กับลูกไหม จะมีเวลาอยู่กับลูกไหม”
ก่อนแต่งไม่ห้ามเรื่องแต่งตัวและการออกไปเจอเพื่อน แต่หลังแต่งห้ามหมด แถมมีปัญหาเรื่องอารมณ์รุนแรง
เชอรีน : “ถ้าตั้งแต่ที่เป็นสามีภรรยากัน ตั้งแต่แต่งงานกันมา เขาก็ค่อนข้างมีปัญหาเรื่องอารมณ์นี่แหละค่ะ เรื่องอารมณ์รุนแรง แล้วก็ทะเลาะกันค่อนข้างบ่อย แล้วก็ทำอะไรก็ต้องตามใจเขานิดหนึ่งค่ะ ซึ่งก่อนที่จะมีลูก เขาดูแลดีมากค่ะ ให้แต่งตัวได้ ให้ออกไปเจอเพื่อนได้ แต่ว่าหลังจากที่แต่งงานกันแล้ว เชอแต่งตัวไม่ได้ ออกไปหาเพื่อนไม่ได้ (เสียงสั่น) ไปทำงานไม่ได้ ก็คือต้องอยู่กับเขา (ละเมิดสิทธิ์ส่วนบุคคล กักขังไม่ให้ออกไปเจอโลกภายนอก?) ใช่ค่ะ ตอนนั้นเราก็ทำใจค่ะ ก็อยู่กับลูกให้มีความสุขที่สุดค่ะ พยายามโฟกัสที่ลูก พยายามมองว่าโอเค เราไม่ไปไหนก็ได้ เราไม่ทำอะไรก็ได้ เราอยู่บ้านเลี้ยงลูกแล้วกัน เราได้มีเวลาอยู่กับลูกมากขึ้นแล้วกัน พยายามมองในมุมที่ดีค่ะ”
จะแจ้งความข้อหาอะไรได้บ้าง ก็แล้วแต่พนักงานสอบสวน
ทนายแก้ว : “เดี๋ยวขอเล่าเรื่องนี้ให้ตำรวจฟัง มันจะผิดข้อหาอะไร ก็แล้วแต่พนักงานสอบสวนครับ เท่าที่ฟังก็เป็นเรื่องความรุนแรงในครอบครัว ก็สงสารน้องเขา แล้วก็คิดว่าสิ่งที่เขาทำ เป็นเรื่องของการที่เขาต้องเก็บความรู้สึกไว้คนเดียว จะไปแจ้งความก็กลัวต่างๆ นานา มันเป็นเรื่องที่ถึงจุดแล้วครับ ก่อนมาก็ได้มีการคุยกับพี่ชาย คุณแม่ และทุกๆ คนแล้ว เลยตัดสินใจมาแจ้งความครับ พบแพทย์มาเรียบร้อยแล้ว รายละเอียดผมพร้อมอยู่แล้ว”
เหตุการณ์นี้สร้างความกลัว และความหวาดระแวง รู้สึกว่าชีวิตไม่ปลอดภัย
เชอรีน : “ก็…รู้สึกหวาดระแวงค่ะ แล้วก็รู้สึกว่าชีวิตไม่ปลอดภัย (ร้องไห้) รู้สึกกลัวไปหมดคือหลังจากที่เลิกกัน ช่วงแรกๆ ก็ยังมีมาเจอกันบ้าง เพราะเราก็ยังอยากให้ลูกได้เจอพ่อ ได้ใช้เวลาอยู่กับพ่อ แต่ว่าทุกครั้งที่เราเจอ เราก็จะกลัวเขามากๆ กลัวว่าวันนี้เขาจะไม่พอใจอะไรอีกไหม วันนี้เขาจะไปถึงขั้นไหนอีก ก็เป็นความกลัวและความหวาดระแวง แล้วทุกวันนี้ที่ถูกติดตาม ถูกพูดจาแบบนี้ใส่ เราก็รู้สึกว่าชีวิตตัวเองไม่ปลอดภัยเลย”
หากจะไกล่เกลี่ยให้คุยกับทนาย ไม่ขอคุยด้วย
เชอรีน : “ให้ทนายคุยค่ะ เชอขอไม่คุยด้วย”
ทนายแก้ว : “เดี๋ยวตรงนี้ เดี๋ยวขอรอกลับไปฟังข้อเสนอบของเขาก่อน ว่าเขามีข้อเสนออะไร”
ร้องไห้ขอให้เลิกยุ่งกับชีวิต ไม่ได้อยากได้อะไรนอกจากนี้แล้ว
เชอรีน : “อยากให้เขาเลิกยุ่งค่ะ แค่นั้นเลย อยากให้เขาเลิกยุ่งกับชีวิตเชอ เชอไม่อยากได้อะไรจากเขาเลย (ร้องไห้)”
ก่อนมาแจ้งความ เคยเตือนแล้วว่าให้หยุด
ทนายแจ้ง : “ครั้งที่ 4 มีการเตือนไปแล้วรอบหนึ่ง”
เชอรีน : “เชอเคยเตือนเขาไปแล้ว ว่าถ้าเขาไม่หยุด เชอก็คงต้องทำอะไรเพื่อตัวเองเหมือนกัน เชอก็ไม่ได้พูดถึงขั้นว่าจะแจ้งความหรือจะเป็นข่าว อะไรขนาดนั้น ได้แต่บอกว่าถ้าเขาไม่หยุด ก็คงต้องทำอะไรสักอย่างเหมือนกัน ก็ขอให้เขาหยุด”
ครอบครัวซัปพอร์ตทุกอย่างที่เลือก พี่ชายเป็นห่วงหนักมาก
เชอรีน : “ที่บ้านซัปพอร์ตทุกอย่างที่เชอเลือก เพราะคนที่ต้องผ่านเรื่องราวก็คือเชอ แล้วไม่ว่าจะเจออะไรขึ้น เขาก็อยู่ข้างๆ คอยซัปพอร์ต เอาทางที่เชอสบายใจแล้วก็เลือกได้ดีที่สุดค่ะ พี่ชายเขาก็เป็นห่วงมากค่ะ เมื่อวานก็โทร.คุย จริงๆ เขากลัว ตอนแรกเชอไม่อยากให้เป็นข่าว เชออยากมาแจ้งความเฉยๆ อยากให้มีบันทึกประจำวันไว้ ถ้าในอนาคตเกิดอะไรขึ้น อย่างน้อยมันเคยมีการแจ้งความไว้ นี่คือที่ปรึกษากับทนายแก้วนะคะ แต่ว่าพอเชอเราให้ทนายฟัง เรื่องที่เขาตามมาคุกคาม ตามมาเฝ้าดู ก็คุยกันว่า คิดว่าถ้าสมมติไม่เป็นข่าว ไม่ออกมาสู่แสง แล้วถ้าวันหนึ่งเชอหายไปหรืออะไร อันนี้ไม่รู้นะคะ พูดไปก่อน คือจะไม่มีใครรู้ แล้วก็จะอันตรายต่อตัวเชอและลูกด้วย”
ทนายแก้ว : “วันนี้เป็นการแจ้งความเป็นคดีครับ คือพฤติกรรมในการติดตาม คุกคามเนี่ย มันมีหลายครั้ง แล้วก็ซ้ำๆ จนน้องเขารู้สึกว่ามันผิดปกติมาตลอด แต่ก็ไม่ถึงกับรู้ตัว จนฝ่ายชายโทร.มาบอก เขาก็อ้าวรู้ได้ยังไง ว่าหนูไปไหน อยู่ไหน มันเลยเป็นเรื่องที่เขาหวาดกลัวจริงๆ”
พยายามใช้ชีวิตต่อ เพราะยังต้องทำงานหาเงิน
เชอรีน : “ก็พยายามใช่ชีวิตต่อค่ะ เพราะว่าด้วยความที่เชอต้องดูแลลูกเองทั้งหมด มันก็ต้องทำงาน หาเงิน ต่อให้เราเครียดหรือกลัวที่จะออกไปข้างนอกแค่ไหน เชอก็ยังต้องไป เพราะว่ามีงานที่ต้องทำ ยังต้องหาคอนเนกชั่นตัวเองเพื่อเริ่มอะไรหลายๆ อย่าง เพราะว่าเชอก็หยุดชีวิตไปเพื่อครอบครัวมานานแล้ว ทุกอย่างมันเหมือนเริ่มใหม่ทั้งหมดค่ะ ก็เลยค่อนข้างที่จะกลัวแหละ แต่ว่ามันก็ต้องทำค่ะ ต้องพยายามเป็นแม่ที่สุขภาพจิตดีเพราะเราก็ต้องพยายามเลี้ยงลูกให้ดีเหมือนกัน”
สิทธิ์การเลี้ยงดูตอนนี้เป็นของแม่ เพราะไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน
ทนายแก้ว : “ก็ต้องไปว่ากล่าว แต่ปัจจุบันลูกถือเป็นลูกที่ชอบด้วยกฎหมายของแม่เพียงฝ่ายเดียว เพราะไม่ได้มีการจดทะเบียนสมรส ก็เป็นเรื่องที่พ่อเขาต้องใช้สิทธิ์ร้องต่อศาล แต่สิทธิ์เบื้องต้นเป็นของแม่”
วอนหยุดได้แล้ว สงสารลูก
เชอรีน : “ก็หยุดได้แล้วค่ะ พอเถอะ ให้มันจบแค่นี้ สงสารลูก (ร้องไห้)”