xs
xsm
sm
md
lg

“อั๋น ภูวนาท” อินข่าวทวงหนี้ “ลูกหมี - ปู” ลั่นถ้ารู้สึกเสียหาย ถูกสังคมย่ำยี ก็ควรรีบจ่าย รีบจบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“อั๋น ภูวนาท” รับอินข่าว “ลูกหมี” ทวงหนี้ “ปู มัณฑนา” มองไม่ใช่เรื่องซับซ้อน ถ้ายืมก็ต้องคืน ถ้ารู้สึกเหมือนถูกสังคมย่ำยี ก็ควรรีบจ่าย รีบจบให้เร็วที่สุด

เป็นอีกหนึ่งคนที่ออกมาแสดงความคิดเห็น เรื่องมหากาพย์การทวงหนี้ 2 ล้าน ระหว่าง “ลูกหมี รัศมี ทองสิริไพรศรี” กับ “ปู มัณฑนา หิมะทองคำ” สำหรับพิธีกรกดัง “อั๋น ภูวนาท คุนผลิน” โดยเจ้าตัวโพสต์ภาพข่าว “ปู ร่ำไห้ ยืนยันไม่ได้ถังแตก มีธุรกิจที่ดินร้อยล้าน” พร้อมใส่แคปชั่นว่า “จะแถลง จะออกรายการ จะพูดกันไปถึงไหน จะสาธยายถึงรายละเอียดหนี้ และบอกคนอื่นมากมายไปทำไมว่ามีสมบัติที่ดินกี่ไร่ต่อกี่ไร่ และไม่จน เพราะปัญหาอาจไม่ได้อยู่ที่เงิน เท่ากับนิสัยทางการเงิน” 

ก่อนมีโอกาสได้สัมภาษณ์ “ทนายประมาณ เลืองวัฒนะวณิช” และ “ทนายกิ่ง ศิริญญ์รดา เลืองวัฒนะวณิช” สองพ่อลูกผู้เป็นทนายความฝั่งปู ในรายการ “เคลียร์ ชัด ชัด” จนเกิดมีประเด็นไวรัลขึ้นมา เรื่องเจ้าหนี้ต้องกราบลูกหนี้ ล่าสุดอั๋นได้เผยระหว่างร่วมงานโปรทริว่า ฉลองครบรอบ 10 ปี ยันไม่มีปัญหากับใคร 


“เราพูดมุมเดียวกับคนส่วนใหญ่นะ เพียงแต่ว่า เมื่อวานนี้ในรายการ และอั๋นได้เป็นพิธีกร ก็ได้คุยกับทนายฝั่งของลูกหนี้ ทนายประมาณ กับลูกสาว ก็คือทนายฝั่งปู ก็มาคุยกันในรายการ ก่อนเข้ารายการ ก็พูดแล้วว่า ฟาดผมซะแรงเลยนะ ซึ่งผมไม่มีปัญหากับใครเลย ไม่มีเรื่องส่วนตัวทั้งสิ้น แต่ว่าเราแค่รู้สึกว่าเมื่อมีเจ้าหนี้และมีลูกหนี้ ลูกหนี้ก็ต้องใช้หนี้ให้เจ้าหนี้ เรื่องมันก็มีแค่นี้ ระหว่างที่สัมภาษณ์ในรายการ เราก็ได้เห็นมุมอื่นๆ ที่แตกต่างกันไป

เช่นในมุมของกฎหมายที่เราไม่เคยรู้มาก่อน ผมก็ถามหลายคำถาม ตอนนี้ไปถึงไหน ทำไมการไกล่เกลี่ยมันถึงล้มเหลวในครั้งที่ 2 มาแคนเซิลกัน นี่คือแฟค จริงๆ แล้ว ณ วันนั้นบอกว่าจบที่ 1.4 ล้านแล้ว ในรายการนะ แล้วก็เหมือนว่าน่าจะจบตรงนั้นนะ แต่ปรากฎว่าทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ว่าน่าจะจบที่ 2 ล้าน วันนั้นก็เลยไม่จบ ก็เลยแยกย้าย ก็ไม่แปลกที่ไกล่เกลี่ยไม่จบ พอแยกย้ายก็รอว่าจะเป็นตัวเลขที่เท่าไหร่ อันที่ 2 นอกเหนือจากนั้น จะดูแลรับผิดชอบอย่างไร กับสิ่งที่ทำให้ปูกับหาญส์เสียหาย ผมก็ถาม แต่เขาบอกว่าเขาไม่รู้ เขาไม่ได้ต้องการเงิน เขาไม่ได้คิดคำขอโทษเป็นเงินนะ

เพราะฉะนั้นเงินส่วนเงิน คำขอโทษก็ไม่ใช่ขอโทษธรรมดา มันก็เลยเกิดไวรัลขึ้นมา ทนายเดชาถามว่า พร้อมจะกราบเท้าหรือยัง ทนายเดชาไปถามคุณลูกหมีวันนี้ ที่เป็นข่าวลงหมดเลยว่าพร้อมจะกราบเท้าหรือยัง เนื่องจากทนายประมาณพูดในรายการเรื่องของการกราบเท้า แต่เขาไม่ได้บอกให้มากราบเท้า แต่เขาพูดว่า ตัวอย่างเช่น แล้วก็ยกตัวอย่าง ผู้ใหญ่บางคนของประเทศ เวลาทำผิดแบบนี้เขาจะพูดว่า ถ้าจะขอโทษ อย่าเอาแค่พูดสิ ให้มากราบเท้า ยกตัวอย่าง ผมถามว่าต้องทำอะไรละถึงจะจบแค่นั้นเอง ผมก็พูดว่ามันน่าจะไกล่เกลี่ยได้เนอะ ณ วันนี้เราเป็นพิธีเราสัมภาษณ์แบบนี้

ทุกคนคิดเหมือนกันว่าถ้าจ่ายก็จบ ก็แค่นั้น แต่มันมีอันหนึ่งเขาพูดว่า ตอนนี้เขาเสียหาย ทนายพูดนะ เหมือนเขาถูกสังคมย่ำยีเสียหาย เหมือนเสียแขนไปแล้ว จะให้เสียแขนไปฟรีๆ เหรอ เขาคิดแบบนี้ก็ไม่ผิด แต่ในอีกมุมหนึ่งคนก็มองว่า แล้วจะให้เสียแขนกับขาเลยเหรอ ผมคิดว่าเรื่องนี้ต้องจบให้เร็วที่สุด ก็แค่นั้นเอง ตอนที่โพสต์ก็โพสต์ด้วยความรู้สึกนี้เหมือนกัน ถ้าคิดว่าเรื่องนี้มันเสียหายมาก ก็ต้องจบให้เร็วที่สุด และอีกฝั่งหนึ่งเขาก็อยากได้เงินเร็วที่สุด ธรรมชาติของเจ้าหนี้อยากได้เงินคืนให้เร็วที่สุด ธรรมชาติของลูกหนี้ถ้ากลัวเรื่องนี้เสียหาย และกลัวจะอายก็ต้องใช้คืนให้เร็วที่สุดมันก็มีแค่นี้

แต่ว่าในระหว่างทาง ตัวกฎหมายมีความพิสดารอยู่เยอะ ณ ตอนนี้มันมีความว่าจะเข้าสู่กฎหมาย ยังนะ ยังไม่มีใครดำเนินตามกฎหมายนะ มีแต่พูดก่อน แต่ถ้าฝั่งหนึ่งเรื่องของการทวงหนี้ตามสื่อ โทษจำคุก 2 ปี อันนี้ชัดเจน อยู่ที่จะเอาหรือไม่เอา เพราะฉะนั้นทางฝั่งหนึ่งเลยมองว่ามีแต้มต่อไง ถ้าจะมองเป็นเกมฉันมีตรงนี้เป็นไว้ต่อรองเธอนะ กับอีกทางหนึ่งคือดอกเบี้ยสูงเกินกฎหมายกำหนด กฎหมายคุ้มครองแค่ 15 เปอร์เซ็นต์ สมมตินะเกิดเรียกไป 20 เปอร์เซ็นต์ ก็แปลว่าเกินไป 5 เปอร์เซ็นต์ เราไม่ต้องจ่ายที่เกินไปหรือเปล่านะ ถ้าหากเราเรียกเกิน 15 เปอร์เซ็นต์ จ่ายเท่ากับศูนย์เข้าใจไหม มันไม่ใช่แค่ปรับส่วนต่างนะ มันศูนย์เลยนะ แปลว่าคืนแค่เงินต้นก็จบ

เพราะฉะนั้นตอนนี้ฝั่งนึงก็รู้ว่าที่เรียก 2 ล้าน ถ้าเข้าสู่กระบวนการกฎหมายเขาไม่ต้องถึงตรงนั้นแน่นอน มันก็เลยไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ ต่างรู้ทันกันและกัน เพราะว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย และเขาก็มองว่า สมมุติว่าผมยืมเงินคุณ แล้วผมบอกว่าเดี๋ยวผมคืนให้ 50 เปอร์เซ็นต์เลยนะ แล้วฝั่นนั้นโอเค แต่พอมีปัญหาฝั่งนี้บอกว่าเขาไม่ได้เป็นคนเรียก 50 เปอร์เซ็นต์ ฝั่งนั้นให้เอง งั้นในความเป็นจริงพูดใช่ไหม ใช่ ผิดทั้งคู่ แต่กฎหมายเอาเรื่องคนรับ กฎหมายไม่เอาเรื่องคนเสนอ เพราะฉะนั้นทางฝั่งที่เป็นคนเสนอก็รู้ว่ากฎหมายเอาเรื่องเขาไม่ได้ เพราะฉะนั้นถ้าเรื่องนี้เข้าสู่กฎหมาย ก็จะเห็นว่าทางฝั่งคุณปู คุณหาญส์เหมือนจะได้เปรียบกว่า มันก็เลยเป็นเช่นนี้ นี่คือสิ่งที่ได้จากรายการ ผมไม่ได้พูดเองเออเองนะครับ ผมแค่สรุปสิ่งที่ได้จากรายการครับ“

ส่วนตัวมองว่าตอนนี้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล
”ผมว่าตอนนี้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามทั้งคู่กลับมาสู่พื้นดินมันก็จะจบ อีกฝั่งก็ว่าแน่ใจเหรอว่าทางฝั่งคุณลูกหมีอยากจบ เพราะว่าทนายเดชาก็ไลฟ์ด่าทุกวัน ถ้ายังไลฟ์ด่าทุกวันแปลว่ายังไม่อยากจบ เนี่ย มันเพราะไม่ได้คุยกันไง เราว่ามันคือการคุยกันผ่านสื่อ มันเกือบจะเป็นไปไม่ได้ที่ทั้งสองคนจะมานั่งในรายการเดียวกัน มันก็เลยไม่จบ เพราะว่าไม่คุยกัน ตอนที่จะคุยกันก็ดันแคนเซิล แล้วเปลี่ยนเป็นแจ้งความ เข้าใจไหมมันก็เลยไม่จบ เราว่าเมื่อไหร่ที่เขารู้สึกว่า ซึ่งคนอื่นรู้สึกไปแล้วนะ ว่าความเสียหายนี้ไม่คุ้ม ถ้าเขารู้สึกว่ามันไม่คุ้มจน เขาควรจะรีบจบ เมื่อนั้นเราว่าก็จะจบ“

เคยคิดจะทวงหนี้ผ่านโซเชียล เลยรู้สึกอินกับข่าวนี้เพราะเป็นเจ้าหนี้ที่ไม่ได้คืนเหมือนกัน
”เคย ก็ได้คืนบ้าง เราคิดว่าพวกเราส่วนใหญ่ที่เจ็บปวดไปกับข่าวนี้ แล้วอินกับข่าวนี้ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเจ้าหนี้ที่ไม่ได้คืน (หัวเราะ) เราเลยรู้สึกอินไง เพราะเรารู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่เห็นมีอะไรซับซ้อนเลย เมื่อยืมต้องคืนจบ แต่เราพูดตรงๆ ว่าเมื่อคุยกับทนายแล้ว เขาก็บอกว่าเมื่อยืมต้องคืน เขาก็ยืนยันอยู่บนความจริงนี้แต่เมื่อเป็นทนายเขาก็พูดว่าความผิดถูกตามกฏหมายเป็นยังไง เพราะฉะนั้นเขาอยู่ข้างลูกความของเขา โดยหลักของกฎหมายเขาเห็นว่ามันมีผิดมีถูก ตามกฏหมายอ้างอิงได้ เมื่อวานเราก็คุยด้วยสติ ว่ากฎหมายมันเป็นแบบนี้ก็จริงนี่นา ก็กลายเป็นว่าอีกฝั่งหนึ่งได้เปรียบซะงั้น ซึ่งคิดว่าอีกฝั่งก็รู้ว่าอีกฝั่งหนึ่งได้เปรียบ ก็เลยใช้มวลชนช่วยกันกดดัน เพื่อหวังว่าจะจบมันก็เลยกลายเป็นสิ่งที่อย่างที่เราเห็น ก็เลยกลายเป็นมหากาพย์วาระแห่งชาติ“

โพสต์ข่าวพร้อมใส่แคปชั่น “ปัญหาอาจไม่ได้อยู่ที่เงิน เท่ากับนิสัยทางการเงิน” เพราะแม่สอนมาว่าต้องเป็นคนที่นิสัยทางการเงินดี
“ก็มันเป็นคำที่แม่เราสอน อุ้ย…ตายแล้ว พอบอกว่าคุณแม่เราสอนก็ยกระดับความแรงขึ้นไปอีก แม่เราสอนว่า คือเราต้องเป็นคนที่นิสัยทางการเงินดี เครดิตเป็นเรื่องที่สำคัญ เสียแล้วเสียเลย แล้วถ้าเราอยากจะทำธุรกิจ แม่เป็นคนซีเรียสมากเช็คห้ามเด้งนะลูก ต่อให้มีเงินแล้วบางครั้งที่ขี้เกียจก็ไม่ได้นะ ห้ามขี้เกียจ ถ้าเรื่องนี้รับปากแล้วสัญญาแล้วต้องทำ แล้วเขาก็ทำให้เราเห็นเขาเคยขายที่ดินผิดราคา สมมตินะขายที่ดินตกลงกัน 1,000,000 นึงแล้วพึ่งมารู้ว่าจริงๆ ตอนนี้มัน 3,000,000 แล้วนี่ แต่ไม่ได้เช็กราคาตลาด แต่ตกลงไปแล้วว่าล้านนึงเขาก็ยอม เพราะเขาบอกว่าเครดิตสำคัญ นี่คือสิ่งที่เราตกลงกันแบบนั้น 

มันก็เลยมีคำว่านิสัยทางการเงินที่เราได้ยินมา เราเลยรู้สึกว่าบางครั้ง บางคน ไม่ได้เกี่ยวว่ารวยหรือไม่รวย บางคนยิ่งรวย ยิ่งงก ก็มี บางคนร๊วยรวย แต่นิสัยทางการเงินแย๊แย่ แต่บางคนไม่ต้องมีเงินเยอะ แต่น้ำใจยิ่งใหญ่ก็มี อันนี้ไม่ได้ด่าใครนะ อธิบายคำศัพท์









กำลังโหลดความคิดเห็น