ยุคนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้! ใครจะไปคิดว่าขนาด “มาสคอต” ก็สามารถดัง สร้างปรากฏการณ์ “ห้างแตก” ได้
“น้องหมีเนย” หนูน้อยวัยฉามขวบ เธอเกิดมาพร้อมฮีลใจผู้คนในยุคที่สังคมอุดมไปด้วยดรามา เป็นมาสคอตจากร้านคาเฟ่เล็กๆ Butterbear ตั้งอยู่บริเวณชั้น G ห้างสรรพสินค้า Emsphere ร้านขนมหวานในเครือ Coffee Beans by Dao บริหารโดย “บูม ธนวรรณ วงศ์เจริญรัตน์” หรือ “บูม AB Queen” อดีตนักร้องสาวค่ายกามิกาเซ่ รุ่นที่ 2 ด้วยคาแรกเตอร์ที่เข้าถึงง่ายและเป็นมิตร ทำให้น้องหมีเนยกุมหัวใจแฟนๆ ได้ทุกเพศทุกวัย ตอนนี้ขึ้นแท่นเป็นดาราสาวห้างแตก ผู้มีซิงเกิลดังเป็นของตัวเอง
ท่าเต้นดุ๊กดิ๊ก พลิกชีวิตสุดปัง
จุดเริ่มต้นความปังของน้องหมีเนย เกิดจากการที่ร้านพาน้องไปโชว์เต้นดุ๊กดิ๊กๆ น่าเอ็นดูเพื่อโปรโมตร้านในช่วงเดือนมกราคมปี 67 โดยน้องหมีเนยเต้นกับเหล่ามาสคอตตัวอื่นๆ ขณะที่มาสคอตตัวอื่นๆ เต้นแรงสุดพลัง แต่น้องหมีเนยกลับแตกต่าง เธอมาด้วยท่าทีเขินอาย เต้นดุ๊กดิ๊กๆ เบาๆ รวมทั้งยังสวมชุดผ้ากันเปื้อนตะมุตะมิ ทำให้ทุกคนที่พบเห็นต่างก็ใจละลาย ต่อมาในช่วงปลายเดือนเม.ย. - พ.ค. น้องหมีเนยเริ่มปรากฏคลิปตามสื่อ TikTok จีน มีการนำคลิปน้องไปลง X จนได้รับความสนใจในวงกว้าง ถึงขั้นมีการเปิดตัวบัญชี “Butterbear黄油小熊” บน Little Red Book (小红书) Douyin (抖音) และ Weibo (微博)
ด้วยพลังโซเชียล ทั้งไทย จีน ที่แชร์คลิปการเต้นของน้องหมีเนยจนกลายเป็นไวรัล ความน่ารักของน้องหมีเนยสามารถกวาด Engagement ไปถึง 6.5 ล้านครั้งเลยในช่วงเวลาตั้งแต่ 1 มกราคม - 10 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา
ขณะที่แม่ๆ มัมหมี ถึงขั้นลงทุนซื้อตั๋วบินมาจากเมืองจีน เพื่อถ่ายรูปกับน้องหมีเนย จนเกิดปรากฎการณ์ห้างแตก ต้องมีการจัดคิวเข้าถ่ายรูปกับน้องหมีเนยอย่างเป็นเรื่องเป็นราว มีคนมารอต่อคิวเพื่อถ่ายรูปตั้งแต่ตี 4 นับเป็นปรากฎการณ์ที่หาได้ยากจากมาสคอต ที่ไม่ได้เป็นดาราหรือคนจริงที่จับต้องได้
อัตลักษณ์ฮีลใจ เป็นมิตร ตกคนเข้าด้อม
ใครก็ตามที่หลงไปดูคลิปน้องหมีเนย ต่างโดนตกเข้าด้อมไปตามๆ กัน ด้วยอัตลักษณ์ที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย เป็นมิตร ชอบเต้น คาแรกเตอร์ประจำตัวของน้องหมีเนย ที่เหมือนเด็กน้อย มีชีวิต ทั้งน่ารักและน่าตี คอยเอาใจใส่แฟนคลับที่มาร่วมเฟรม แอบยัดขนมและของฝากตามร่างกาย กลายเป็นภาพที่ทำแฟนๆ ต่างก็หลงรัก มีการต่อยอดความดัง ด้วยการปล่อยเพลง 2 ซิงเกิ้ล ทั้ง “It’s Butterbear!” ฟีเจอร์ริงน้องฮิปโปม่วง มาสคอตประจำร้านอีกตัวหนึ่ง และเพลง “น่ารักมั้ยไม่รู้” เนื้อร้องติดหู บอกเล่าเรื่องราวแอบรักเพื่อนสนิทแต่ไม่กล้าบอก กลายเป็นผลงานที่ส่งให้น้องหมีเนยได้ไปเดบิวต์ในรายการ T-POP Stage Show น้องหมีเนยเต้นเก่ง โดยเฉพาะเพลง K-Pop เรียกว่าเต้นได้ทุกเพลง เต้นเพลงร็อกสตาร์ของ “ลิซ่า ลลิษา มโนบาล” จนได้ใจเอฟซี เพิ่มฐานด้วยการเต้นเพลง ยายแล่ม เป๊ะจน “ลำไย ไหทองคำ” ยังต้องยอม
แม้แต่คนญี่ปุ่นก็ยังกรี๊ด
ความดังของน้องหมีเนย ทำให้ตกคนญี่ปุ่นได้อีกจำนวนมาก ถึงขั้นหนังสือพิมพ์ Nikkei ลงสกู๊ปน้องหมีเนย เนื้อหาทำนองว่าเป็นหมีที่ทำให้หัวใจหนุ่มสาวละลาย จ้ำม่ำ เต้นพลิ้วไหว เป็นที่หลงใหลของชาวไทยและจีน ไม่มีคาแรกเตอร์ไหนจะน่ารักและช่วยผ่อนคลายได้ขนาดนี้มาก่อน
มาสคอต มาร์เก็ตติ้ง การตลาดชั้นยอด
การสร้างตัวตนและกำหนดบุคลิกที่ชัดเจนของหมีเนย ใส่กิจวัตรประจำวัน ใส่ชุดที่แตกต่างในแต่ละวัน แม้จะเป็นแค่เพียงมาสคอต ไม่สามารถพูดได้ แต่การแสดงออกมาด้วยท่าทาง ล้วนสื่อสารได้จับใจ ทำให้หมีเนยเป็นเสมือนคนจริงๆ และแตกต่างจากมาสคอตที่เคยมี เรียกว่าครองใจแฟนๆ ได้ทั้งเมืองไทย และกำลังครองใจออกไปทั่วโลก การที่ร้านเลือกใช้กลยุทธ์ น้องหมีเนย เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ เพื่อสื่อสารกับผู้คน ถือเป็นการตลาดชั้นยอด จับจุดโดยใช้ มาสคอต มาร์เก็ตติ้ง สร้างผลลัพธ์ที่ดีต่อร้านบัตเตอร์แบร์
ถึงตอนนี้น้องหมีเนยได้รับเลือกจากการท่องเที่ยวประเทศไทยโปรโมตการท่องเที่ยว รวมทั้งถูกเชิญไปชาเลนจ์กับศิลปินชื่อดังเพียบ เดินสายออกรายการช่องดัง ล่าสุดยังรันวงการแฟชั่น ชมนิทรรศการแบรนด์ดังอย่างกุซซี่ มาสคอตที่ไม่ใช่มาสคอต เพราะทุกวันนี้เธอคือดาราสาวท่านนึงไปแล้ว
“น้องหมีเนย” สะท้อนอะไร
ท่ามกลางสังคมที่อุดมไปด้วยดรามา คนไทยและทั้งโลกจำนวนไม่น้อย เริ่มหาความสุขและความสงบทางใจ หาสิ่งช่วยฮีลใจ แม้แต่คนป่วยซึมเศร้าก็ยังยิ้มได้ เป็นเรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งการแจ้งเกิดของน้องหมีเนย เป็นสิ่งที่สะท้อนว่า “ยุคนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้” ส่วนคนบันเทิง ที่ปกติก็ร้อนๆ หนาวๆ กับเหล่าอินฟูลเอนเซอร์มาแย่งงานอยู่แล้ว ตอนนี้ก็ยังต้องร้อนๆ หนาวๆ เมื่อมีมาสคอตดาราสาวอย่างหมีเนย
หากต่อไปมาสคอตเป็นตัวแทนของดารา และอินฟลูฯ คิดว่าอะไรจะเกิดขึ้น??
